16 ธ.ค. 2024 เวลา 11:02 • หนังสือ
พิษณุโลก

Akson Thai ✍️

ไม่ต้องเล่ามากเรื่องก็ได้ เพราะการพูดคุยถึงข้ออรรถข้อธรรม ถึงเพียงนี้ (ยกบาลี แล้วก็ยกคำแปล), ทุกคนก็น่าจะรู้แล้ว ว่าควรพึง ตรึก! นึกอะไร? , เพราะแต่ใครก็ต้อง ระลึก! นึกไปถึงพระภิกษุพระองค์สุดท้าย , อันเรื่อง แม้นว่า เราจะมองเห็นกันอย่างรวบความ กันอยู่ ทั้งหมดทั้งปวง ว่า ได้ มีแต่ เรื่อง ‘สารตั้งต้น (ภาษาต้นกัป), พรหมลิขิต, และพระตถาคตลิขิต’ อย่างไร ก็อย่างนี้ อย่างเปลี่ยนแปลงไม่ได้,
เพราะการตีค่า มิได้มี! แต่เป็นเอง หรือเป็นไปเองทั้งนั้น หากเมื่อใด เราสลัด! โมหะความหลง หลุดออกจากตัว หลุดออกจากใจได้บ้าง , ก็ย่อมจะได้รู้แต่ว่า ตีค่า!มิได้ และส่วนที่จะสะท้อน หรือเพิ่มพูน ในการ ตรึก! นึก! นี้ อยาก จะ ว่าอย่างนี้, ว่าการแสดงข้ามช็อต หรือให้เหมือนมีเหตุการณ์แบบข้ามช็อต มันมีได้อยู่ เพราะเรื่องเล่า หรือการกำหนดให้ไปสู่ความตื่นตะลึง! ของจิตวิจิตร อันแบบนั้น ๆ ,
2
ซึ่ง อาจจะบอกว่า ตีค่าได้ หรือว่าตีค่ามิได้ ก็พึงแต่นับว่าเป็นสิ่งหลอกลวงอยู่ คือจริงอยู่ นัย ใน ที่เป็นมายา , เพราะเขา หรือเรา อันนั้น ๆ อันตรงนั้น มิได้เปิดเผย ธรรม! แห่งธรรมที่พระผู้มีพระภาคพุทธเจ้ามาแถลง และได้แสดงความเปิดเผย ซึ่งในเรื่อง ที่เป็น อนัตตา! ตามอัตรา ที่พึงรู้ได้, แล้ว
ก็อยากจะดักไว้ก่อน ว่าไม่ต้องเล่ามาก ไม่ต้องบอกมากก็ได้ เพราะรู้ประเด็น! , และก็มิได้มีความหวังใจอันใดว่า จะกระทำ หรือน้อมกระทำ ไปให้ผิดประเด็น , กะอันตีค่า เป็น อื่น ๆ ใด ๆ มิได้อีก, ก็จึงเห็นว่า คงระลึก ไปถึงเรื่อง ของ สามเณรองค์สุดท้าย กระมัง , ว่า สมัยหนึ่ง ได้มีแต่สามเณรเหลืออยู่ แลสามเณรฉะนั้น จะจัดว่าเป็นสงฆ์! หรือไม่?, เพราะแต่สมัยนี้ หลาย ๆ ครูอาจารย์ ท่านก็ได้พูด หรือเทศน์สอน เทศน์แสดงแล้วว่า ,
คำว่า บริษัท ๔ ก็พึงจะแต่ให้นึกถึงคำว่า ภิกษุ สามเณร และ อุบาสก อุบาสิกา , ให้ระลึก นึกเห็นไปอย่างนี้ ว่าคือ เรื่อง ตามปัจจุบันสมัย ตามความเป็นจริงของเรื่อง พุทธบริษัท ทั้ง ๔, เพราะนุ่งขาวห่มขาว เป็นเรื่องของ อุบาสก อุบาสิกา
ต่อกาลต่อไป อันทำให้ ต้องคิดไปว่า พระภิกษุองค์เดียว องค์สุดท้ายฉะนั้น เมื่อโน้น เมื่อสมัยตามเหตุการณ์ ต้องเป็นไป ต้องมาถึง จะถือได้ว่า ภิกษุองค์สุดท้าย องค์เดียว ท่านเดียวนั้น จะพึงถือว่า ท่าน! กระทำการของสงฆ์ หรือเป็นตัวแทน ของการของงานทางศาสนธรรม คือพระพุทธศาสนธรรม หรือไม่?, อัน ก็น่าที่จะตรึก! นึก! หรือคำนึงไปอย่างนี้, เพราะต้องคำถามที่ว่า อย่างนั้น เรียกว่าเป็นหมู่ หรือ? ,
หรือ? ก็ต้องถามว่า พระสงฆ์ สมมติสงฆ์ องค์สุดท้ายองค์เดียวนั้น มิใช่พระสงฆ์ หรือ?, ครั้ง ต้องกันไป กับ คำถาม? แล้ว คำว่า ‘สังฆทาน’ อันใดคือ ‘ของถวายอันเป็นปัจจัยแห่งสมณะจะพึงบริโภคใช้สอย’จึงจะมีความสำคัญ ที่จะ ต้องเอามาคิด! ,
แล้วมาดูเรื่อง อักษรอริยกะ [Ariyaka] เช่นไร?นี้ , ทำให้คิดนึกไปถึง แผนผัง และการจัดรูป นัยของการแบ่งภาระหน้าที่ และดำเนินงาน ตามงาน และตามภาระหน้าที่ ของ ‘นครรัฐ!วาติกัน’, นัยเพราะเรื่อง Roman script ย่อมมิได้ทำให้คิดไปถึงเรื่องอื่น เลย ,
แม้นว่า นัย ใน (Ariyaka script) มีอยู่ และมี นัย ไปตามความเป็นจริง ของ ‘พระพุทธาณาจักร’ ซึ่งก็ได้มีอยู่แล้ว ตามความเป็นไปเอง แห่งพระพุทธกัป! ของการ มี‘สารตั้งต้น (ภาษาต้นกัป), และพรหมลิขิต’ มาแล้วดั่งนั้น ซึ่งคงจะต้องเรียกว่า ‘การสงฆ์’ อยู่เอง ‘เพราะเป็นหมู่’, ซึ่ง ‘ภัทรกัป’ ได้ให้คงความเป็นเอนกปริยาย มากที่สุด , อันแก่เรื่อง แห่งอาภัสระ ทั้ง ๓ อย่างที่ต้องมาตามประกอบอยู่นั้น ด้วยกัป! ชื่อ ซึ่งมีพระสัพพัญญู ๑ , มิได้มีพระสัพพัญญู ๑ , และคงมีแต่พรหม ๑
Cittasamvaro Bhikkhu
1
โฆษณา