16 ธ.ค. เวลา 12:16 • ความคิดเห็น
ในมุมมองของพระพุทธศาสนา แนวคิดที่ว่าเราคือนักท่องเที่ยวที่ไม่มีจุดหมาย อาจมองได้ในบริบทของ สังสารวัฏ (การเวียนว่ายตายเกิด) ซึ่งเป็นการเดินทางอันยาวนานในวัฏสงสารโดยไม่รู้ที่มาและที่ไปอย่างแท้จริง
1. เราเดินทางมาจากไหน ?
ในพระพุทธศาสนา ทุกชีวิตมีต้นกำเนิดจากกรรม (การกระทำ) ที่เคยทำไว้ในอดีตชาติ ไม่มีจุดเริ่มต้นที่แน่ชัด เพราะ สังสารวัฏไม่มีต้น ไม่มีปลาย เปรียบเหมือนคนที่หลงอยู่ในทะเลกว้าง ไม่รู้ว่ามาจากเกาะไหน และไม่เห็นเกาะปลายทางที่จะไป
พระพุทธองค์ตรัสว่า
“สังสารวัฏนี้ยาวนาน ไม่สามารถตามรู้จุดเริ่มต้นได้ว่าเราเวียนเกิด - ตายกันมาตั้งแต่เมื่อใด”
2. จุดหมายอยู่ที่ไหน ?
หากเราเดินทางในสังสารวัฏแบบไร้เป้าหมาย เราจะติดอยู่ใน ทุกข์ ซ้ำแล้วซ้ำเล่า เช่น การเกิด แก่ เจ็บ ตาย แต่ในทางธรรม จุดหมายปลายทางของการเดินทางนี้ คือการหลุดพ้นจากสังสารวัฏ หรือ นิพพาน ซึ่งเป็นสภาวะที่ไม่มีการเวียนว่ายตายเกิดอีก
การตั้งเป้าหมายในสังสารวัฏ คือการสร้างเหตุเพื่อหลุดพ้น
📌 ฝึกเจริญ สติ และ ปัญญา เพื่อเข้าใจความจริงของชีวิต
📌 ละกิเลส ตัณหา และความยึดมั่นถือมั่น
📌 ดำเนินตาม มรรค 8 เพื่อเดินไปสู่จุดหมายปลายทางที่แท้จริง
3. ไร้ขีดจำกัดจริงหรือ ?
ในมุมมองของธรรมชาติ สังสารวัฏดูเหมือนไร้ขีดจำกัด เพราะไม่มีวันจบสิ้นตราบใดที่เรายังมีกิเลสและกรรมผูกพัน แต่การปฏิบัติธรรมทำให้เราพบว่า ความไร้ขีดจำกัดนี้มีทางออก
พระพุทธองค์เปรียบไว้ว่า
“เหมือนน้ำที่ขังอยู่ในหม้อ ถ้าปล่อยหม้อนั้นลงจากน้ำ น้ำก็จะไม่ถูกขังอีก”
หมายถึง การหลุดพ้นจากการเวียนว่ายตายเกิดนั้นทำได้ หากเราปล่อยวางและดับเหตุที่ทำให้ต้องเวียนว่าย
4. ท่องเที่ยวในสังสารวัฏอย่างไรให้มีเป้าหมาย ?
แทนที่จะมองว่าเราเป็นนักท่องเที่ยวที่ไร้จุดหมาย พระพุทธศาสนาแนะนำให้เราเป็น “นักท่องเที่ยวที่มีสติ”
📌 มองทุกการเกิดเป็นโอกาส ในการสร้างบุญและสะสมปัญญา
📌 ใช้ชีวิตอย่างมีเป้าหมาย คือการลดละทุกข์ และทำเหตุเพื่อการหลุดพ้น
📌 ระลึกถึงความไม่เที่ยง ของชีวิต เพื่อไม่ยึดติดกับสิ่งที่พบเจอระหว่างทาง
@ สุดท้ายแล้ว เราอาจจะไม่ได้เลือกได้ว่าจะเดินทางไปที่ไหนในชาตินี้หรือชาติหน้า แต่เราสามารถเลือกได้ว่า จะเดินทางในสังสารวัฏต่อไป หรือจะหลุดพ้นจากมันเสียทีด้วยการเข้าถึงนิพพานครับ
โฆษณา