16 ธ.ค. เวลา 23:01 • ธุรกิจ
เชื่อว่าจขกท.เข้าใจความหมายของคำว่า Ego ดีพอ ถึงได้ตั้งคำถามที่ระบุเจาะจงว่า "การสร้างประโยชน์จากอัตตา"
ขอยกมือชูจุ๊กกะแร๊ สนับสนุนคุณ Chen Eing ที่แจกแจงในเม้นท์ของเธอ & ขออนุญาตรวบตึงให้กระชับประมาณนี้ค่ะ
  • Id คือฟีเจอร์ที่คอยชี้หาสิ่งที่ต้องการ (ไม่ว่าเราจะรู้ตัวหรือไม่ก็ตาม)
  • โดยที่ Superego จะคอยประมวลความเหมาะสมในการไขว่คว้าในสิ่งที่อยากได้ (คนที่ฟีเจอร์นี้ malfunction ก็จะแสดงออกอย่างไม่เหมาะสมนั่นแหละ)
  • ส่วน Ego คือกระบวนการการไตร่ตรอง เพื่อให้เราได้มาในสิ่งที่ต้องการ หรือเพื่อให้เราปฏิบัติการให้บรรลุเป้าหมาย และสร้างความพึงพอใจให้กับตัวเองและคนรอบข้าง
เห็น-รู้-เข้าใจความแตกต่างเสียก่อน แยกแยะให้ออกเสียก่อนว่า ตอนนี้ขณะนี้เราถูกผลักดันด้วยอะไร Id หรือ Ego หรือ Superego จึงนำไปการเรียนรู้วิธีควบคุมและใช้ประโยชน์ให้เหมาะสม
มีอีกคำที่น่าสนใจ "ความแข็งแรงของอีโก้" ซึ่งแวบแรกอาจรู้สึกไม่ดีกับคำๆนี้ เข้าใจผิดๆว่าหมายถึงคนที่อีโก้สูงจนน่ารังเกียจ พลันรีบร้อนออกตัวว่าฉันเป็นคนไม่มีอีโก้ บลาๆๆ
ความแข็งแรงของอีโก้หมายถึงความยั่งยืน ความแกร่ง และความ ‘ล้มได้ก็ลุกได้’ ของตัวเราเอง
คนที่มีความแข็งแรงของอีโก้น้อยหรืออีโก้อ่อนแอ จะขาดความยืดหยุ่น ยึดติดกับสิ่งที่ทำให้รู้สึกสบายใจ หลีกเลี่ยงสิ่งที่ทำให้รู้สึกไม่ปลอดภัยทางอารมณ์ พวกเขามักจะมีความคาดหวังกับทุกสิ่งแม้มันจะไม่มีทางเป็นจริง และยังยึดเอาความคาดหวังนั้นเป็นแรงผลักดันหลัก ซึ่งข้อเสียคือจะทำให้ความเครียดของร่างกายพุ่งขึ้นสูง เนื่องจากจิตใจพวกเขาเต็มไปด้วยความกลัวและวิตกกังวลว่าจะมีอะไรมาทำให้ไม่สบายใจหรือเปล่า
ในทางกลับกัน คนที่มีความแข็งแรงของอีโก้สูงจะเป็นคนที่ยืดหยุ่น มองโลกในแง่ดี รับมือกับความเครียดได้ดี อดทนกับความไม่สบายใจได้ และยิ่งความแข็งแรงมีมากเท่าไร พวกเขาจะสบายใจและสามารถแก้ปัญหาทุกสิ่งได้ดีมากขึ้นเท่านั้น พวกเขาจะรักความท้าทาย เพราะมองว่าความท้าทายทำให้ได้เรียนรู้และเติบโตขึ้น
โฆษณา