17 ธ.ค. เวลา 09:50 • ประวัติศาสตร์

GS-EP.2-การไต่สวนคดีแม่มดแห่งซาเล็ม

ปี ค.ศ.1692 หญิงสาวในเมืองซาเล็มหลายคนอยู่ๆก็มีอาการชัก คลานไปมา พูดจาไม่ได้ศัพท์ และตะโกนด่าทอพระเจ้า แม้แต่หมอก็ไม่สามารถรักษาได้ สุดท้ายชาวบ้านต่างเห็นพ้องต้องกันว่านี่เป็นฝีมือของแม่มด และการล่าแม่มดจึงได้เริ่มต้นขึ้น
เมืองซาเล็มเป็นเมืองที่ตั้งอยู่ในรัฐแมสซาชูเส็ตต์ อยู่ด้านบนริมขอบตะวันออกของประเทศสหรัฐอเมริกา ก่อร่างสร้างเมืองโดยกลุ่มพิวรีตัน หรือชาวคริสโปรแทสแทนด์นิกายหนึ่งที่ค่อนข้างเคร่งศาสนาโดยเฉพาะในด้านพิธีกรรม การปฏิบัติ จนทำให้ไม่เป็นที่ยอมรับในอังกฤษ จึงอพยพจากอังกฤษเข้ามาตั้งถิ่นฐานที่อเมริกา
คดีการล่าและไต่สวนแม่มดเกิดขึ้นช่วงปี ค.ศ.1692-1693 ตรงกับสมัยพระเพทราชาแห่งกรุงศรีอยุธยา จุดเริ่มต้นของเรื่องราวทั้งหมดเกิดมาจากมีเด็กสาวในหมู่บ้านคนหนึ่งชื่อว่า อลิซาเบธ แพร์ริส อยู่ ๆ เกิดอาการชัก คลานไปมา กรีดร้องโวยวายแสดงความเจ็บปวด หลังจากนั้นก็มีเด็กสาวแสดงอาการเดียวกันอีกหลายราย บางคนรุนแรงถึงขนาดพูดเป็นภาษาที่ฟังไม่รู้เรื่องคล้ายกับพยายามท่องคาถาอะไรสักอย่าง
และที่ทำให้ชาวบ้านที่เป็นคริสต์เคร่งศาสนารับไม่ได้เลยก็คือการที่มีเด็กสาวบางคนมีอาการถึงขึ้นตะโกนด่าพระเจ้าออกมาอย่างไร้สาเหตุ หมอประจำเมืองพยายามหาวิธีการรักษาเด็กสาวเหล่านี้จากอาการแปลกๆอยู่เป็นปีแต่ก็ไม่สามารถรักษาได้เลย
ชาวบ้านในสมัยนั้นความรู้ทางการแพทย์ยังมีไม่มากนัก เมื่อเหตุการณ์มาถึงตรงนี้หมอยังไม่สามารถรักษาให้หายได้ ชาวบ้านจึงคิดเห็นตรงกันว่าอาการเหล่านี้เกิดจากฝีมือของแม่มดและเปลี่ยนการรักษาโดยหมอไปให้บาทหลวงรักษาแทน
แค่ชาวพิวรีตันก็ถือว่าเคร่งศาสนาแล้ว แล้วนี่เป็นถึงบาทหลวงอีก ทำให้บาทหลวงต้องการจะแก้ปัญหาเหล่านี้ให้ได้เพื่อให้ได้รับการยอมรับจากชาวบ้าน วิธีที่เขาทำก็คือการทรมานให้เด็กสาวเหล่านั้นสารภาพว่าใครคือแม่มดที่สาปให้เด็กสาวเหล่านี้มีอาการผิดปกติ แรกเริ่มจากฝ่ายศาสนาโดยบาทหลวงลุกลามไปถึงฝ่ายผู้ปกครองกลายเป็นข้าราชการที่เป็นคนจัดการ นำโดยนายอำเภอจอร์จ คอร์วิน
จอร์จ คอร์วิน เป็นนักเจรจาที่ยอดเยี่ยม ที่มีสไตล์การสอบสวนที่โหดร้ายทารุณ เพื่อให้เหยื่อที่เขาจับมา ยอมรับว่าตนเองเป็นพ่อมดแม่มด การบังคับไม่ได้บังคับเปล่าๆยังแอบทำการชี้นำให้เด็กสาวที่ถูกทรมานไปสารภาพป้ายความผิดให้กับกลุ่มคนที่มีอำนาจทางสังคมต่ำ อาทิ ขอทานเร่ร่อน หญิงแก่ที่ไม่ค่อยไปโบสถ์ หรือแม้กระทั่งทาสผิวดำ
และนี่ก็คือจุดเริ่มต้นของการล่าแม่มด ลองนึกดูนะครับว่าแม่มดในอุดมคติของพวกเราแม้กระทั่งสมัยนี้ก็จะจินตนาการถึงผู้หญิงที่ดูท่าทางแปลกๆหน่อย เข้าสังคมไม่ค่อยเก่ง ทำให้หญิงเหล่านี้ถูกกล่าวหาว่าเป็นแม่มดเอาดื้อๆเลยและก็โดนจับมาทรมานให้สารภาพตามระเบียบ
การกระทำแบบนี้ทำให้หญิงสาวในเมืองต่างหวาดกลัวการถูกจับไปทรมาน อย่ากระนั้นเลย แก้ปัญหาโดยการไปแจ้งทางการดีกว่าว่าใครน่าสงสัย จะได้ทำให้ตัวถูกพ้นข้อกล่าวหาในภายหลังว่าเป็นแม่มด สุดท้ายทั้งเมืองก็ฟ้องกันยับ มีแม่มดเต็มเมือง
เหตุการณ์ลุกลามไปจนมีการตั้งศาลพิเศษขึ้นมาพิจารณาคดีแม่มดโดยเฉพาะ และบัญญัติให้การเป็นแม่มดนั้นมีโทษร้ายแรงสุดถึงขั้นประหารด้วยการแขวนคอ
การรับสารภาพและซัดทอดไปว่าใครเป็นแม่มดจะได้รับโทษเพียงเล็กน้อยแล้วก็ปล่อยตัวไป แต่ถ้าใครไม่ยอมรับสารภาพ ยืนยันว่าตัวเองบริสุทธิ์ แต่ไม่สามารถหาหลักฐานมายืนยันความบริสุทธิ์ได้ ผลที่ได้ก็คือการทรมาน วิธีการทรมานมีหลายวิธี ที่นิยมคือ การเอาเชือกรัดคอจนถึงข้อเท้าจนเลือดออกปาก/จมูก การนำก้อนหินมาวางทับอกไปเรื่อยๆ ถ้าครอบครัวไหนเสียชีวิตหมดไม่ว่าจะถุกตัดสินแขวนคอประหารหรือทรมานจนตาย ทรัพย์สินก็จะถูกยึดและมาแบ่งกันเองในกลุ่มลูกขุนกับตุลาการ
ผู้หญิงคนหนึ่งถูกเปลื้องผ้าค้นตัว คณะลุกขุนสตรีอ้างว่าเธอมีหัวนมที่สามซึ่งเป็นหลักฐานของการเป็นแม่มด เธอถูกตัดสินว่ามีความผิดและถูกประหารด้วยการแขวนคอ แต่เมื่อพิสูจน์ภายหลังก็ไม่มีใครพบหัวนมที่สามของเธอ ไม่ว่าจะในรายงานการไต่สวน หรือบนศพ
เหตุการณ์ดำเนินไป จนผู้ว่าการรัฐทนไม่ไหว ออกคำสั่งระงับศาลพิเศษแห่งนี้ และตั้งศาลแห่งใหม่ขึ้นมาแทน โดยใช้คณะลูกขุนจากเมืองอื่น แรกๆศาลแห่งนี้ยังมีการพิพากษาตัดสินลงโทษจำเลยอยู่บ้าง แต่สุดท้ายผู้ว่าการรัฐก็อภัยโทษให้หมด จน 1693 ผู้ถูกไต่สวนคดีแม่มดทุกคนก็ได้รับการตัดสินว่าไม่มีความผิดและถูกปล่อยไปทั้งหมด 1 ปี ประหารไป 19 ไม่รวมตายระหว่างการทรมาน และโดนจับอีกหลายร้อย
คอร์วินเองก็ไม่ได้อายุยืน และเสียชีวิตอย่างกระทันหันจากโรคเลือดด้วยวัยเพียง 30 ปีเท่านั้น โดยร่างของเขาถูกฝังไว้ในห้องใต้ดินของบ้าน ต่อมามีรายงานการพบเจอเรื่องราวแปลกๆ ในบ้านหลังนี้หลายครั้ง ซึ่งหลายคนเชื่อว่า วิญญาณของคอร์วินยังอยู่ภายในบ้านหลังนี้
ต่อมาปี 1711 รัฐบาลแมสซาชูเส็ตต์ก็ผ่านกฎหมายนิรโทษกรรม และยกเลิกผลของการดำเนินคดีไต่สวนแม่มดที่เคยเกิดขึ้นในปี 1692 สภานิติบัญญัติจึงผ่านรัฐบัญญัติให้ลบล้างมลทินผู้ที่ถูกตัดสินว่ามีความผิดและได้รับโทษประหาร อีกทั้งจ่ายค่าชดเชยให้กับลูกหลานของคนเหล่านั้นทั้งหมด
ปัจจุบันนี้ เมืองซาเลมกลับขึ้นมามีชีวิตชีวา เป็นแหล่งศูนย์รวมของผู้ที่ชื่นชอบเรื่องไสยศาสตร์ลี้ลับ เวทมนตร์ต่างๆ กลายเป็นว่าเมืองที่เคยล่าแม่มดในอดีตนั้นกลับเฟื่องฟูกลายเป็นเมืองแม่มดจริงๆ ที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวเข้ามาอย่างไม่ขาดสาย โดยเฉพาะที่สุสานของเมือง ซึ่งมีอนุสรณ์สถานการล่าแม่มดแห่งปี 1692 เป็นลานหญ้าปลูกต้นไม้ 19 ต้น แทนผู้ที่ถูกประหารด้วยการแขวนคออยู่ข้างสุสาน
#salem #ซาเล็ม #แม่มด #ล่าแม่มด #gstory #history #ที่นี่มีเรื่องเล่า
โฆษณา