17 ธ.ค. เวลา 13:32 • การตลาด

Facebook ได้กำไรจากอะไร? เจาะลึกโมเดลธุรกิจยักษ์ใหญ่โซเชียลมีเดีย

Facebook (ปัจจุบันอยู่ภายใต้บริษัทแม่ Meta Platforms, Inc.) เป็นแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียที่มีผู้ใช้งานทั่วโลกหลายพันล้านคนต่อเดือน หลายคนอาจสงสัยว่า “Facebook ให้บริการฟรี แล้วเขาได้กำไรจากอะไร?” ความจริงแล้ว รายได้หลักของ Facebook มาจากกลยุทธ์ทางธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับ การโฆษณาออนไลน์ และการสร้างระบบนิเวศดิจิทัลที่แข็งแกร่งเพื่อตอบสนองความต้องการของนักการตลาดและผู้ใช้
1. รายได้หลักจากโฆษณาออนไลน์ (Advertising Revenue)
Facebook เป็นแพลตฟอร์มที่สร้างรายได้หลักจาก การโฆษณาออนไลน์ โดยมีสัดส่วนสูงถึงกว่า 97% ของรายได้รวม ในปีที่ผ่านมา การโฆษณาบน Facebook มีประสิทธิภาพสูงเพราะสามารถกำหนดเป้าหมายไปยังผู้ใช้อย่างแม่นยำผ่านข้อมูลพฤติกรรมและความสนใจต่าง ๆ
กลยุทธ์โฆษณาของ Facebook:
• Personalized Ads: Facebook รวบรวมข้อมูลการใช้งาน เช่น การกดไลก์, การแชร์, พฤติกรรมการค้นหา, และการซื้อสินค้าออนไลน์ เพื่อแสดงโฆษณาที่ตรงกับความสนใจของผู้ใช้
• Targeted Ads: นักโฆษณาสามารถกำหนดกลุ่มเป้าหมายได้อย่างละเอียด เช่น อายุ, เพศ, พื้นที่อาศัย, งานอดิเรก, หรือแม้กระทั่งพฤติกรรมการใช้จ่าย
• Dynamic Ads: โฆษณาที่ปรับแต่งเนื้อหาอัตโนมัติตามพฤติกรรมของผู้ใช้ เช่น แสดงสินค้าที่ผู้ใช้อาจสนใจจากเว็บไซต์ที่เคยเข้าไปดู
ตัวอย่างรูปแบบโฆษณาหลักบน Facebook:
1. Facebook Feed Ads: โฆษณาที่แทรกอยู่ในหน้าฟีดข่าว
2. Stories Ads: โฆษณาในรูปแบบวิดีโอหรือภาพที่แสดงใน Facebook Stories
3. Video Ads: โฆษณาวิดีโอสั้นที่เล่นอัตโนมัติ
4. Marketplace Ads: โฆษณาที่แสดงใน Marketplace เพื่อการซื้อขายสินค้า
5. Messenger Ads: โฆษณาภายในแอป Messenger
Meta Pixel
Facebook ยังให้บริการ Meta Pixel ซึ่งเป็นเครื่องมือที่ช่วยติดตามพฤติกรรมของผู้ใช้จากเว็บไซต์ภายนอก เพื่อให้นักโฆษณาสามารถนำข้อมูลกลับมาปรับปรุงแคมเปญการตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ
2. รายได้จากแอปอื่นในเครือ (Instagram และ Messenger)
นอกจาก Facebook แล้ว Meta ยังถือครองแอปพลิเคชันยักษ์ใหญ่อื่น ๆ ได้แก่ Instagram และ Messenger ซึ่งสร้างรายได้จากโฆษณาในลักษณะเดียวกัน
• Instagram Ads: โฆษณาในรูปแบบโพสต์, Stories, และ Reels ที่เจาะกลุ่มวัยรุ่นและวัยทำงาน
• Messenger Ads: โฆษณาที่แทรกในแชทหรือช่องทางสนทนาของ Messenger
ในปีหลัง ๆ Reels บน Instagram กำลังเติบโตอย่างรวดเร็วและกลายเป็นแหล่งสร้างรายได้ใหม่จากการโฆษณา
3. บริการสำหรับธุรกิจและนักโฆษณา
Facebook ยังให้บริการเครื่องมือทางการตลาดสำหรับธุรกิจ เช่น:
1. Facebook Business Manager: เครื่องมือที่ช่วยจัดการโฆษณาและเพจของธุรกิจ
2. Facebook Marketplace: ช่องทางขายสินค้าแบบ C2C (Consumer-to-Consumer)
3. Facebook Shops: แพลตฟอร์มที่ให้ร้านค้าสามารถสร้างหน้าร้านออนไลน์บน Facebook และ Instagram
บริการเหล่านี้ทำให้ Facebook กลายเป็น ศูนย์กลางการค้าขายและการตลาดออนไลน์ ที่ผู้ประกอบการเลือกใช้งาน
4. รายได้จาก Reality Labs (Metaverse และ VR/AR)
Meta กำลังลงทุนในเทคโนโลยีแห่งอนาคตอย่าง Metaverse ผ่านแผนก Reality Labs ซึ่งรวมถึงการพัฒนา อุปกรณ์ VR/AR เช่น:
• Oculus Quest (VR Headset): ขายอุปกรณ์สำหรับการใช้งานในโลกเสมือนจริง
• Horizon Worlds: แพลตฟอร์ม Metaverse ที่ผู้ใช้สามารถสร้างและสำรวจโลกเสมือน
แม้ในปัจจุบันส่วนนี้ยังสร้างรายได้ไม่มากนัก แต่ Meta มองว่า Metaverse จะกลายเป็นแหล่งสร้างรายได้หลักในอนาคต
5. รายได้จากการสร้างคอนเทนต์และคอมมิชชัน
Meta เริ่มเปิดโอกาสให้ ครีเอเตอร์ สามารถสร้างรายได้จากคอนเทนต์ โดย Meta จะหักค่าคอมมิชชันจากรายได้บางส่วน เช่น:
• Facebook Stars: ระบบที่ผู้ชมให้ดาวสนับสนุนครีเอเตอร์ในการไลฟ์สตรีม
• Subscriptions: ค่าบริการรายเดือนที่ผู้ติดตามจ่ายให้ครีเอเตอร์
• Instagram Badges: ระบบสนับสนุนครีเอเตอร์ใน Instagram Live
นอกจากนี้ Meta ยังหักค่าคอมมิชชันจากการขายสินค้าใน Facebook Shops และ Marketplace
6. การขายข้อมูล (Data Monetization)?
หนึ่งในประเด็นที่ถกเถียงกันมากคือเรื่องการ ขายข้อมูลผู้ใช้ ซึ่ง Meta ยืนยันว่า ไม่ขายข้อมูลผู้ใช้โดยตรง แต่ใช้ข้อมูลดังกล่าวเพื่อสร้างระบบโฆษณาที่มีประสิทธิภาพ ทำให้นักโฆษณายินดีจ่ายเงินเพื่อโฆษณาบนแพลตฟอร์ม
สรุป: โมเดลธุรกิจของ Facebook
Facebook ให้บริการแพลตฟอร์มฟรีแก่ผู้ใช้ แต่ทำกำไรมหาศาลจากการสร้าง “ระบบนิเวศโฆษณาออนไลน์” ที่มีความแม่นยำสูง ประกอบด้วย:
1. รายได้หลักจากโฆษณาออนไลน์
2. การขยายธุรกิจผ่านแอปในเครือ เช่น Instagram และ Messenger
3. บริการสำหรับธุรกิจ เช่น Marketplace และ Shops
4. การลงทุนในเทคโนโลยีแห่งอนาคต (Metaverse)
5. ระบบสนับสนุนครีเอเตอร์
Facebook ไม่เพียงแค่เป็นโซเชียลมีเดีย แต่ยังเป็น “แพลตฟอร์มการตลาดดิจิทัล” ที่ทรงอิทธิพลระดับโลก ซึ่งเชื่อมต่อผู้คน, ธุรกิจ, และโฆษณาเข้าด้วยกันอย่างแนบเนียน จึงทำให้ Facebook กลายเป็นเครื่องจักรทำเงินที่ไม่มีใครเทียบได้ในยุคดิจิทัล.
โฆษณา