20 ธ.ค. เวลา 04:22 • ประวัติศาสตร์

บันไดที่ไม่อาจเคลื่อนย้ายได้ใน ”โบสถ์พระคูหาศักดิ์สิทธิ์ (Church of the Holy Sepulchre)“

“โบสถ์พระคูหาศักดิ์สิทธิ์ (Church of the Holy Sepulchre)“ คือหนึ่งในโบสถ์ที่เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งในคริสต์ศาสนา หากแต่ในโบสถ์ก็มีสิ่งที่น่าแปลกใจสำหรับผู้พบเห็น
นั่นคือในโบสถ์มีบันไดอันหนึ่งตั้งอยู่ และบันไดนี้ก็ตั้งอยู่เช่นนี้มาเป็นเวลานานกว่าสามศตวรรษแล้วโดยไม่มีการเคลื่อนย้าย
เหตุใดจึงเป็นเช่นนั้น เรื่องราวนี้เป็นอย่างไร ผมจะเล่าให้ฟังครับ
โบสถ์พระคูหาศักดิ์สิทธิ์ (Church of the Holy Sepulchre)
“เยรูซาเลม (Jerusalem)” คือดินแดนศักดิ์สิทธิ์ที่สำคัญสำหรับศาสนาถึงสามศาสนา นั่นคือ ศาสนายูดาห์ ศาสนาคริสต์ และศาสนาอิสลาม
ตลอดเวลาที่ผ่านมา เยรูซาเลมเป็นศูนย์กลางความขัดแย้งของศาสนาเหล่านี้ และเกิดความขัดแย้งรุนแรง การนองเลือดตามมาหลายครั้ง
สำหรับศาสนาคริสต์ นิกายต่างๆ ในศาสนาคริสต์ต้องการจะเข้าครอบครอง ”โบสถ์พระคูหาศักดิ์สิทธิ์ (Church of the Holy Sepulchre)“ ซึ่งเป็นหนึ่งในสถานที่ที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดแห่งหนึ่งของศาสนาคริสต์
แต่ในช่วงศตวรรษที่ 11 เยรูซาเลมกลับตกไปอยู่ในมือของมุสลิม ทำให้พระสันตะปาปาทรงเรียกร้องให้กระทำ “สงครามครูเสด (Crusade)” ซึ่งเป็นสงครามศักดิ์สิทธิ์ที่จะทวงคืนดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของชาวคริสต์กลับคืนมา
ในสงครามนี้ คนทุกระดับชั้น ทั้งกษัตริย์ อัศวิน ขุนนาง ลงไปจนถึงชาวนาชาวไร่ ต่างเข้าร่วมกับสงคราม
ในสงครามครูเสดครั้งที่ 1 (First Crusade) เยรูซาเลมกลับมาอยู่ในมือของกองทัพครูเสด หากแต่เนื่องจากขาดแคลนเสบียงและการติดต่อสื่อสารที่ลำบาก ทำให้กองทัพครูเสดไม่สามารถรักษาเยรูซาเลมไว้ได้นานนัก
ในไม่ช้า กองทัพมุสลิมก็ยกทัพกลับมายังดินแดนศักดิ์สิทธิ์ และกองทัพครูเสดก็ยกทัพกลับยุโรป
คริสตจักรโรมันคาทอลิกต้องเจรจาและประนีประนอมกับพวกมุสลิม แต่ปัญหาใหม่กำลังจะตามมา
คริสตจักรออร์โธดอกซ์กรีกคือนิกายที่ใหญ่เป็นอันดับสองในศาสนาคริสต์ และในช่วงศตวรรษที่ 18 คริสตจักรออร์โธดอกซ์กรีกก็ได้ทูลขอพระบรมราชานุญาตต่อสุลต่านแห่งจักรวรรดิอ็อตโตมัน ขอเข้ามาควบคุมดินแดนศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งคริสตจักรโรมันคาทอลิกก็ทำอย่างเดียวกัน
ในขณะเดียวกัน เหล่านักบวชชาวอาร์เมเนียและคณะฟรันซิสกัน ต่างก็ออกมาเคลมดินแดนศักดิ์สิทธิ์เช่นกัน
แต่ผู้ที่องค์สุลต่านพระราชทานอำนาจการบริหารดินแดนศักดิ์สิทธิ์ให้ ก็คือคณะฟรันซิสกัน เนื่องจากคณะฟรันซิสกันนั้นจ่ายเงินสินบนให้เหล่าขุนนางเป็นจำนวนมาก และเหล่าชาวคริสต์ก็สามารถเข้ามาประกอบพิธีกรรมได้อย่างเสรี
1
แต่ในเวลาต่อมา ก็ได้เกิดความขัดแย้งระหว่างนิกายต่างๆ ซึ่งหนึ่งในแผนการที่ได้วางไว้ ก็คือการปรับปรุงแท่นบูชาในโบสถ์พระคูหาศักดิ์สิทธิ์
องค์สุลต่านได้ออกพระราชกฤษฎีกา กำหนดว่าหากจะมีการปรับปรุง เปลี่ยนแปลงอะไรก็ตามในโบสถ์พระคูหาศักดิ์สิทธิ์ จะต้องได้รับความยินยอมจากคริสตจักรทั้งหก
และจากคำสั่งนี้ ก็ได้มีการนำบันไดไปวางพาดไว้ในบริเวณหน้าต่างบานหนึ่งของโบสถ์พระคูหาศักดิ์สิทธิ์ และก็ไม่มีการเคลื่อนย้ายบันไดนี้ออกไปเลยเนื่องจากการเคลื่อนย้ายต้องได้รับความยินยอมจากคริสตจักรทั้งหกก่อน
มีทฤษฎีมากมายที่ว่าทำไมจึงมีการวางพาดบันไดไว้ตรงบริเวณนี้ บ้างก็ว่าช่างปูนที่เข้ามาทำงานในโบสถ์ลืมเอาไว้ บ้างก็ว่านักบวชชาวอาร์เมเนียใช้ปีนขึ้นไปเพื่อสูดอากาศ
มีกฎที่กล่าวว่าใครจะเข้าหรือออกจากโบสถ์พระคูหาศักดิ์สิทธิ์ จะต้องจ่ายเงิน ทำให้นักบวชชาวอาร์เมเนียไม่ยอมออกจากโบสถ์เนื่องจากไม่ต้องการจะเสียเงิน แต่ก็อยากจะสูดอากาศภายนอก จึงใช้บันไดนี้ปีนขึ้นไปเพื่อสูดอากาศภายนอก
แต่ไม่ว่าความจริงจะเป็นอย่างไร ก็ดูเหมือนว่าบันไดนี้จะยังคงอยู่เช่นนั้น และไม่มีการเคลื่อนย้ายในเร็ววัน
ล่าสุด ในคราวที่พระสันตะปาปาเสด็จมายังเยรูซาเลม พระองค์ทรงชี้และตรัสว่าบันไดนี้ทำให้ชุมชนชาวคริสต์แตกแยก
แต่แม้แต่องค์พระสันตะปาปาก็ยังไม่มีอำนาจที่จะสั่งเคลื่อนย้ายบันไดนี้ไปได้
โฆษณา