18 ธ.ค. เวลา 01:00 • สุขภาพ

การเสื่อมสภาพและการจัดการเครื่องมือแพทย์ในโรงพยาบาล🇹🇭: ซ่อมหรือซื้อใหม่ แบบไหนคุ้มค่ากว่ากัน

เครื่องมือแพทย์เป็นทรัพยากรสำคัญในระบบสาธารณสุขของประเทศไทย ซึ่งมีบทบาทในการช่วยวินิจฉัย ดูแลรักษา และติดตามอาการผู้ป่วย การจัดการเครื่องมือแพทย์ที่เหมาะสมมีผลโดยตรงต่อ คุณภาพการรักษา, ประสิทธิภาพในการใช้งาน, ต้นทุนการดำเนินงาน และความยั่งยืนของระบบสาธารณสุข โดยเฉพาะในประเทศกำลังพัฒนาที่มีข้อจำกัดด้านงบประมาณและทรัพยากรบุคคล
💵ข้อจำกัดด้านงบประมาณและระบบการจัดซื้อจัดจ้าง💵
โรงพยาบาลของรัฐในประเทศไทยมักประสบกับปัญหางบประมาณไม่เพียงพอสำหรับการจัดซื้อเครื่องมือใหม่ การจัดซื้อจัดจ้างต้องดำเนินการตาม พระราชบัญญัติการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ พ.ศ. 2560 ซึ่งมีความซับซ้อนและใช้เวลานาน ส่งผลให้หลายครั้งโรงพยาบาลจำเป็นต้องซ่อมแซมเครื่องมือที่เสื่อมสภาพแทนการเปลี่ยนใหม่ นอกจากนี้ เครื่องมือบริจาค ซึ่งแม้จะช่วยลดภาระค่าใช้จ่าย แต่หลายครั้งกลับกลายเป็นภาระเนื่องจากขาดการตรวจสอบคุณภาพและความเหมาะสมในการใช้งาน
ดังนั้นการพิจารณาว่าจะ ซ่อมแซม หรือ ซื้อใหม่ ของเครื่องมือแพทย์ในประเทศไทย ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบโดยคำนึงถึง ต้นทุนรวม, อายุการใช้งาน, ความพร้อมด้านการซ่อมบำรุง และ ผลกระทบต่อการให้บริการ ควบคู่กับหลักสถิติและกรณีศึกษาในประเทศ เพื่อให้เกิดความคุ้มค่าสูงสุดทั้งในระยะสั้นและระยะยาว
1. ปัจจัยหลักในการตัดสินใจ: ซ่อมแซม หรือ ซื้อใหม่
การตัดสินใจนี้ขึ้นอยู่กับ 4 ปัจจัยหลัก ดังนี้:
1.1 วิเคราะห์ต้นทุนรวม (Total Cost of Ownership: TCO)
การเปรียบเทียบค่าใช้จ่ายทั้งหมดระหว่างการซ่อมแซมและการซื้อใหม่ ประกอบด้วย:
• ค่าใช้จ่ายในการซ่อม: รวมค่าชิ้นส่วน, ค่าแรง, และค่าขนส่ง
• ค่าเสียโอกาส: ระยะเวลาที่เครื่องมือหยุดทำงาน (Downtime)
• ค่าบำรุงรักษา: ในระยะยาวหลังการซ่อม
• ต้นทุนการจัดหาใหม่: ราคาซื้อเครื่องใหม่และค่าติดตั้ง
ตัวอย่างสถิติเปรียบเทียบ:
โรงพยาบาลขนาดกลางแห่งหนึ่ง พบว่าการซ่อมแซมเครื่อง อัลตราซาวด์ มีค่าใช้จ่าย 300,000 บาท ในขณะที่ซื้อเครื่องใหม่มีค่าใช้จ่าย 1,500,000 บาท เมื่อใช้หลัก TCO วิเคราะห์พบว่า:
• การซ่อมแซมสามารถยืดอายุเครื่องมือได้อีก 3 ปี
• แต่เครื่องใหม่มีประสิทธิภาพสูงขึ้น และคาดว่าจะใช้งานได้นานถึง 10 ปี
ผลสรุป:
การซื้อใหม่คุ้มค่ามากกว่าในระยะยาว โดยเฉพาะเมื่อพิจารณาความแม่นยำในการวินิจฉัยและการบำรุงรักษาต่ำ
1.2 อายุการใช้งานของเครื่องมือแพทย์🩼
อายุการใช้งานตามมาตรฐานสากลสำหรับเครื่องมือแพทย์ ได้แก่:
• เครื่องมือพื้นฐาน: 5-7 ปี เช่น เครื่องวัดความดัน, เครื่องช่วยหายใจ
• เครื่องมือขั้นสูง: 8-15 ปี เช่น CT Scan, MRI, เครื่องอัลตราซาวด์
• อุปกรณ์สิ้นเปลือง: 1-3 ปี เช่น หูฟังแพทย์ เครื่องวัดอุณหภูมิ
โดยเครื่องมือแพทย์หลายประเภทถูกใช้งานเกินอายุการใช้งานมาตรฐานตามสากล ซึ่งในประเทศไทยพบว่า:
• เครื่องมือพื้นฐาน (เครื่องวัดความดัน, EKG): อายุการใช้งานเฉลี่ย 7-10 ปี แต่ถูกใช้ต่อถึง 12-15 ปี
• เครื่องมือชั้นสูง (CT Scan, MRI): อายุการใช้งานเฉลี่ย 10-15 ปี แต่ในโรงพยาบาลรัฐบางแห่งใช้งานต่อเกิน 20 ปี
• การใช้งานเกินอายุการใช้งานเพิ่มความเสี่ยงในการทำงานผิดพลาดและส่งผลต่อการรักษาผู้ป่วย
สถิติจาก กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) ระบุว่า โรงพยาบาลรัฐกว่า 60% ยังคงใช้งานเครื่องมือแพทย์ที่มีอายุเกิน 10 ปี เนื่องจากข้อจำกัดงบประมาณ
1.3 ความพร้อมด้านอะไหล่และผู้เชี่ยวชาญ
• เครื่องมือจากต่างประเทศอาจมีปัญหาเรื่อง อะไหล่ขาดแคลน หรือมีราคาสูง
• ในพื้นที่ชนบท การซ่อมแซมเครื่องมือมักต้องส่งไปยังศูนย์กลาง ส่งผลให้ ระยะเวลาการหยุดใช้งาน (Downtime) ยาวนาน
ตัวอย่าง:
เครื่อง X-ray ในโรงพยาบาลชุมชน จ.นครราชสีมา ต้องหยุดใช้งานกว่า 4 เดือน เนื่องจากอะไหล่ต้องนำเข้าจากต่างประเทศ
1.4 ผลกระทบต่อการให้บริการและผู้ป่วย
• เครื่องมือที่หยุดใช้งาน ส่งผลกระทบต่อความต่อเนื่องในการรักษา
• การใช้เครื่องมือเก่าที่เสื่อมสภาพอาจเพิ่มความเสี่ยง เช่น การวินิจฉัยผิดพลาด
กรณีศึกษา:
เครื่อง EKG รุ่นเก่าที่มีความคลาดเคลื่อนในการแปลผล ส่งผลให้ผู้ป่วยโรคหัวใจต้องถูกส่งต่อไปยังโรงพยาบาลเอกชน ซึ่งทำให้เกิดค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้น
2. การเสื่อมสภาพของเครื่องมือแพทย์และการแก้ไขตามช่วงเวลา⏳
เครื่องมือแพทย์มีการเสื่อมสภาพตามช่วงอายุการใช้งาน ซึ่งเกิดจากปัจจัยต่าง ๆ เช่น การออกแบบ, การใช้งานผิดวิธี และการเสื่อมสภาพตามธรรมชาติ โดยแบ่งออกเป็น 3 ช่วงหลัก ได้แก่:
ช่วงต้น (ก) (Initial Failure) เป็นช่วงที่เครื่องมือมีปัญหาเนื่องจากข้อผิดพลาดในการผลิตหรือการออกแบบ ซึ่งพบได้ในเครื่องมือใหม่ที่เพิ่งเริ่มใช้งาน หากไม่มีการควบคุมคุณภาพที่เข้มงวด เครื่องมือจะเกิดความเสียหายตั้งแต่ระยะแรก
• สถิติ: เครื่องมือแพทย์ใหม่ที่มีข้อบกพร่องจากการผลิตประมาณ 2-3%
• ตัวอย่าง: เครื่องวัดความดันอัตโนมัติใหม่บางรุ่นมีปัญหาในช่วง 6 เดือนแรกจากโรงงาน
• วิธีแก้ไขในช่วงนี้ คือ การตรวจสอบคุณภาพอย่างละเอียดก่อนนำเครื่องมือมาใช้งาน รวมถึงการบำรุงรักษาเชิงป้องกันตั้งแต่เริ่มต้น
ช่วงกลาง (ข) (Random Failure) เป็นช่วงที่เครื่องมือมีความเสี่ยงจากการใช้งานที่ไม่ถูกต้อง ขาดการบำรุงรักษา หรือใช้งานหนักเกินกำหนด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในโรงพยาบาลรัฐที่มีผู้ป่วยจำนวนมาก
• สถิติ: เครื่องมือที่มีการใช้งานไม่ถูกต้องส่งผลให้เกิดความเสียหาย 10-20% ต่อปี
• ตัวอย่าง: เครื่องช่วยหายใจที่พบการใช้งานผิดวิธีในหอผู้ป่วยหนัก (ICU) ทำให้ต้องซ่อมบำรุงบ่อยขึ้น
• การเสื่อมสภาพในช่วงนี้สามารถป้องกันได้ด้วยการ จัดฝึกอบรมบุคลากร, การควบคุมการใช้งานให้ถูกต้อง และการวางแผนบำรุงรักษาเชิงป้องกัน
ช่วงปลาย (ค) (Wear-out Failure) เป็นช่วงที่เครื่องมือเสื่อมสภาพตามธรรมชาติหลังการใช้งานเป็นเวลานาน เครื่องมือในช่วงนี้มักมีค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมสูงขึ้นและประสิทธิภาพลดลงอย่างเห็นได้ชัด
• สถิติ: จากการสำรวจในโรงพยาบาลรัฐ 20 แห่ง พบว่าเครื่องมือที่มีอายุเกิน 10 ปีมีอัตราการชำรุดสูงขึ้น 40% ในช่วงปลายของอายุการใช้งาน
• ตัวอย่าง:
การวิเคราะห์ข้อมูลสถิติในโรงพยาบาล 5 แห่ง พบว่าเครื่อง EKG ที่ใช้งานมานานกว่า 8 ปี มีอัตราการชำรุดสูงขึ้นจาก 5% ต่อปี เป็น 25% ต่อปี ในช่วงปลายอายุการใช้งาน ซึ่งทำให้ค่าซ่อมแซมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
• การแก้ไข คือ การประเมินความคุ้มค่าในการซ่อมแซมเทียบกับการซื้อใหม่ และดำเนินการแทงจำหน่ายหากไม่คุ้มค่าต่อการใช้งาน
3. การแทงจำหน่ายเครื่องมือแพทย์ด้วยหลักสถิติ📈
การพิจารณาแทงจำหน่ายเครื่องมือแพทย์ ควรประเมินตาม ค่าเสื่อมราคา และ ความถี่ในการซ่อมแซม
• หลักการคำนวณค่าเสื่อมราคา:
ค่าเสื่อมราคา = (ราคาซื้อ - มูลค่าซาก) ÷ อายุการใช้งาน (ปี)
ตัวอย่าง:
เครื่อง CT Scan ราคาซื้อ 20,000,000 บาท อายุการใช้งาน 10 ปี
• ค่าเสื่อมราคาต่อปี = (20,000,000 ÷ 10) = 2,000,000 บาท
• หากใช้เกิน 10 ปี ค่าใช้จ่ายในการซ่อมสูงถึงปีละ 1,500,000 บาท แสดงว่าไม่คุ้มค่าที่จะซ่อมแซม
แนวทางการแทงจำหน่าย:
• พิจารณาค่าเสื่อมสภาพ, ประสิทธิภาพในการใช้งาน และต้นทุนซ่อมแซม
• นำเครื่องที่เสื่อมสภาพมาประมูลขายทอดตลาด หรือทำลายตามระเบียบ
4. กรณีศึกษา: การจัดการเครื่องมือแพทย์ในโรงพยาบาลขนาดใหญ่ 🚑
โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งพบปัญหาเครื่อง MRI ที่ใช้งานมานาน 11 ปี มีค่าซ่อมแซมสูงถึง 3,000,000 บาทต่อปี เทียบกับการซื้อเครื่องใหม่ราคา 20,000,000 บาท พร้อมเทคโนโลยีใหม่ที่ประหยัดพลังงานกว่า 30%
การวิเคราะห์ TCO:
• ซ่อมแซม: ต้นทุนรวม 5 ปี = 15,000,000 บาท
• ซื้อใหม่: ต้นทุนรวม 5 ปี = 20,000,000 บาท แต่เพิ่มประสิทธิภาพและลดค่าไฟฟ้า
ผลลัพธ์: โรงพยาบาลตัดสินใจซื้อเครื่องใหม่ เนื่องจากความคุ้มค่าในระยะยาว
5. แนวทางการจัดการเครื่องมือแพทย์ที่เหมาะสมกับโรงพยาบาลในประเทศไทย ✅
1. จัดทำแผนบำรุงรักษาเชิงป้องกัน (Preventive Maintenance): ตรวจสอบและซ่อมบำรุงเครื่องมืออย่างสม่ำเสมอ เพื่อลดความเสี่ยงการเสื่อมสภาพก่อนเวลา
2. เพิ่มประสิทธิภาพระบบฝึกอบรม: จัดอบรมการใช้งานเครื่องมือแพทย์ให้กับเจ้าหน้าที่อย่างต่อเนื่อง
3. การเช่าซื้อและความร่วมมือภาครัฐ-เอกชน (PPP): โรงพยาบาลสามารถใช้วิธีเช่าซื้อเครื่องมือแพทย์ หรือทำสัญญาร่วมทุนกับภาคเอกชน เพื่อลดภาระงบประมาณในการจัดซื้อ
4. การใช้เทคโนโลยีดิจิทัล: นำระบบการจัดการทรัพย์สินดิจิทัลมาใช้ เพื่อติดตามสถานะเครื่องมือ, การซ่อมบำรุง และอายุการใช้งาน
6. การซ่อมเครื่องมือแพทย์ให้คุ้มค่า:
โดยมีตัวอย่างเชิงสถิติที่นำมาใช้ได้ ดังนี้:
เกณฑ์การตัดสินใจ: ซ่อมหรือเปลี่ยนเครื่องใหม่
1. Rule of 50%
• หากค่าใช้จ่ายในการซ่อมเกิน 50% ของราคาซื้อเครื่องใหม่ แนะนำให้เปลี่ยนเครื่อง
• ตัวอย่าง: เครื่องมือแพทย์มีราคาซื้อใหม่ 200,000 บาท แต่การซ่อมมีค่าใช้จ่าย 120,000 บาท (60%) ควรพิจารณาซื้อเครื่องใหม่
2. Return on Investment (ROI) จากการซ่อม
• พิจารณาความคุ้มค่าจากประสิทธิภาพเครื่องมือที่กลับคืนมาหลังการซ่อม เช่น ระยะเวลาการใช้งานเพิ่มเติม
• ตัวอย่าง: หากเครื่องมือซ่อมแล้วสามารถใช้งานต่อได้อีก 5 ปี โดยมีค่าใช้จ่ายซ่อม 50,000 บาท เทียบกับซื้อใหม่ 200,000 บาท ค่า ROI สูงถึง 300%
3. Mean Time Between Failures (MTBF)
• หากเครื่องมือแพทย์ที่ซ่อมแซมแล้วมี MTBF นานขึ้น ย่อมคุ้มค่ากว่าการเปลี่ยนเครื่องใหม่
• ตัวอย่าง: การซ่อมเครื่อง X ทำให้ MTBF เพิ่มจาก 6 เดือนเป็น 2 ปี จึงมีความคุ้มค่า
ตัวอย่างเชิงสถิติในการพิจารณา
จากตัวอย่าง:
• เครื่องวัดความดัน: ค่าใช้จ่ายซ่อมเพียง 40% ของราคาเครื่องใหม่ และยืดอายุการใช้งานได้ 3 ปี → คุ้มค่าที่จะซ่อม
• เครื่องตรวจคลื่นหัวใจ: ค่าใช้จ่ายซ่อมสูงถึง 60% และใช้งานต่อได้เพียง 2 ปี → ควรเปลี่ยนเครื่องใหม่
• เครื่อง X-ray: ซ่อมด้วยต้นทุน 40% และยืดอายุการใช้งานได้ 5 ปี → คุ้มค่าซ่อม
บทสรุป
การพิจารณาว่าจะ ซ่อมแซม หรือ ซื้อใหม่ เครื่องมือแพทย์ต้องอาศัยการวิเคราะห์อย่างรอบคอบ โดยใช้หลักสถิติ เช่น ต้นทุนรวม (TCO), ค่าเสื่อมราคา, และอัตราการเสื่อมสภาพ ควบคู่กับการประเมินผลกระทบต่อคุณภาพการให้บริการ การวางแผนบำรุงรักษาเชิงป้องกันและการฝึกอบรมบุคลากรในการใช้งานอย่างถูกต้อง จะช่วยยืดอายุการใช้งานเครื่องมือแพทย์ ทำให้โรงพยาบาลสามารถจัดการทรัพยากรที่มีอยู่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
นอกจากนี้ การวางแผน จัดซื้อทดแทนที่มีประสิทธิภาพ จะช่วยยกระดับคุณภาพของเครื่องมือแพทย์ในประเทศ และสร้างความยั่งยืนให้กับระบบสาธารณสุขไทย ส่งผลให้คุณภาพการให้บริการทางการแพทย์ในประเทศไทยดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ในท้ายที่สุด การบริหารจัดการเครื่องมือแพทย์ที่ดีจะช่วยเพิ่มความปลอดภัยในการรักษาผู้ป่วย ลดความเสี่ยงจากการใช้งานเครื่องมือที่เสื่อมสภาพ และเพิ่มประสิทธิภาพในการดูแลสุขภาพประชาชนได้อย่างแท้จริง ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญในการยกระดับระบบสาธารณสุขไทยให้สามารถตอบสนองความต้องการของประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน.
โฆษณา