18 ธ.ค. เวลา 03:49 • ความคิดเห็น

เอ๋ดิสั้น

เพจ roundfinger ของเอ๋ นิ้วกลมถูกมิจฉาชีพแฮคไปหลายวัน ถึงแม้จะกู้กลับคืนมาได้ คนร้ายก็ลบทุกอย่างที่โพสต์มาสิบกว่าปีไปจนหมดแถมไปโพสต์อะไรแย่ๆกวนๆจนคนรำคาญกด unfollow ไปก็เยอะ เหลือแต่ทรากปรักหักพังเหมือนไฟไหม้บ้านจนหมด
เอ๋เขียนบรรยายความรู้สึกไว้ว่า
“ความรู้สึกของผมเหมือนคนที่ค่อยๆ เริ่มจากการตั้งแผงขายของเล็กๆ ก่อร่างขึ้นเป็นร้าน กระทั่งกลายเป็นห้างขนาดใหญ่ ที่มีคนแวะเวียนมาใช้บริการในนั้นกันคึกคัก แล้วอยู่มาวันหนึ่งก็ถูกโจรบุกเข้ามา แล้วเผาทุกสิ่งในนั้นมอดไหม้ไม่เหลือชิ้นดี“
1
ผมนี่แทบจะเข้าใจความรู้สึกนี้มากๆ เพราะเป็นคนเขียนบทความลง facebook เหมือนกัน แถมผมเป็นคนที่ทำอะไรหยาบๆ ไม่ได้เก็บบทความเป็นเรื่องเป็นราวไว้ที่อื่น ถ้าวันหนึ่งโดนแบบเอ๋ (เขียนแบบนี้จะล่อเสือล่อตะเข้รึเปล่าเนี่ย) ก็คงหนักอยู่ไม่น้อยเพราะตั้งใจจะเขียนเก็บไว้ให้ลูกสาว คงเหมือนบ้านหลังเดียวที่มีโดนเผาจนหมดอะไรประมาณนั้น
แต่เรื่องของเอ๋ทำให้นึกถึงเรื่องราวหนึ่งขึ้นมา…
โทมัส เอดิสัน นักประดิษฐ์ผู้โด่งดังที่เราท่านรู้จักกันดี กำลังนั่งเล่นในเวลาสบายๆหลังอาหารเย็น อยู่ดีๆ ก็มีผู้ช่วยเขาวิ่งเข้ามาในบ้าน ตะโกนโวยวายว่าไฟไหม้ แล้วพยายามจะบอกว่าไฟได้ลามไปไหม้ศูนย์วิจัยของเอดิสันทั้งสิบตึก เอดิสันรีบไปที่เกิดเหตุก่อนจะพบว่านักดับเพลิงก็ทำอะไรไม่ได้ เพลิงได้เผาตึกสำคัญที่เก็บงานวิจัยทั้งชีวิตของเขาจนหมด
เอดินสันในวัย 67 ปี ยืนดูเพลิงลุกโหม ในกองเพลิงนั้นมีของสำคัญที่สร้างและสะสมมาหลายสิบปีหมดอยู่ในกองไฟนั้น ถ้าเป็นเรา เราจะรู้สึกอย่างไร
ในนิตยสารรีดเดอร์ไดเจสท์ปี 1961 บันทึกไว้จากปากคำของลูกชายเอดิสันในวันเกิดเหตุว่า “คุณพ่อเดินอย่างชิลๆมาหาเขาที่กำลังดูเพลิงลุกไหม้อยู่ พูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นกับเขาซึ่งอายุ 24 ปีในตอนนั้นว่า รีบไปตามแม่กับเพื่อนแม่ให้มาเร็วๆ เพราะรับรองว่าจะไม่ได้เห็นไฟไหม้อะไรแบบนี้อีกแล้วในชีวิต และเมื่อลูกชายพยายามจะบอกว่านี่มันหายนะชัดๆ เอดิสันกลับบอกลูกชายว่า
1
“ไม่เป็นไรหรอก ไฟไหม้รอบนี้นี่ช่วยเผาขยะที่ไม่ได้ใช้ไปเยอะอยู่นะ“
หลังจากนั้นมีบทสัมภาษณ์ของเอดิสันใน new york times ตอบถึงเรื่องนี้ว่า ถึงแม้ผมจะอายุ 67 ปีแล้วอ่ะนะ แต่เดี๋ยวก็จะเริ่มสร้างกันใหม่พรุ่งนี้เลย ซึ่งในตอนนั้นความสูญเสียของศูนย์วิจัยเขาประมาณล้านเหรียญในสมัยนั้น แต่จากทัศนคติที่ “ช่างแม่ม” แล้วเริ่มใหม่ในทันที ทำให้เขาทำเงินได้สิบล้านเหรียญในปีถัดมา
ผมแปลเรื่องราวนี้จาก Omaritani blog ที่เล่าถึงความคิดและทัศนคติที่เรียกว่า Amor Fati ซึ่งเป็นภาษาละตินโดยมีคำแปลว่า A love of Fate เป็นคำที่นิตเซ่ นักปรัชญาชาวเยอรมันเคยบรรยายไว้ว่าเป็นสูตรสำคัญในความยิ่งใหญ่ในความเป็นมนุษย์ที่จะยอมรับในสิ่งที่ควบคุมไม่ได้ แล้วพยายามจะใช้ประโยชน์จากสิ่งที่เกิดขึ้นแล้วเสมอ ไม่พยายามลบอดีต ยอมรับในสิ่งที่เป็นไม่ว่าจะดีหรือร้าย ผิดพลาดหรือล้มเหลว ความคิดแบบนี้ทำให้ลดความขัดขืนกับโชคชะตาลง และพาไปสู่วิธีคิดและแนวทางใหม่ได้
1
พออ่านวิธีคิดแบบ Amor Fati ผมก็คิดถึงคำว่า ตถตา ในศาสนาพุทธที่แปลได้ว่า มันเป็นเช่นนั้นเอง เป็นไปตามเหตุปัจจัย ไม่ได้เกิดจากความอ้อนวอนหรือปรารถนาของใคร
1
เอ๋ นิ้วกลมผู้ที่เพจถูกเผาแต่ตัวเขายังอยู่ก็ตั้งใจจะลุยใหม่ เริ่มสร้างจากศูนย์ใหม่ต่อ เอ๋บอกในโพสต์แรกหลังการกลับมาว่า “ผมยังไม่ตายครับ มันฆ่าผมไม่ตาย ผมแกร่งขึ้นในจิตวิญญาณจากการสูญเสีย ความพังทลาย ไฟที่มอดไหม้สิ่งที่สร้างมากว่าสิบปี
แต่ไม่เป็นไร ตราบที่ยังมีชีวิต เราสร้างสรรค์สิ่งใหม่ได้เสมอ ผมจะเขียนและทำคอนเทนต์บรรจุลงไปในเพจแห่งนี้อย่างต่อเนื่อง สะสมสมบัติมีค่าของตัวเองและแฟนเพจให้ค่อยๆ เพิ่มพูนขึ้นทุกวัน ที่ดินเรียบเตียนที่ถูกไฟไหม้จะค่อยๆ เขียวขจีขึ้น มีชีวิตชีวาขึ้น และอุดมไปด้วยปัญญา ความสุข พลังใจ”
ก็เลยอยากจะชวนชาวเพจเขียนไว้ให้เธอที่เป็นแฟนเพจ roundfinger ช่วยกด follow กัน ตามลิ้งค์นี้
ให้กับ “เอ๋ดิสั้น” กันนะครับ…
โฆษณา