18 ธ.ค. เวลา 07:00 • หุ้น & เศรษฐกิจ

แนะนำ 2 กองทุนของ BBLAM กระจายการลงทุนทั่วโลกในแบบที่ใช่

การกระจายการลงทุนไปทั่วโลก นับว่าเป็นกลยุทธ์ที่ช่วยป้องกันความเสี่ยงจากความผันผวนของเศรษฐกิจในประเทศใดประเทศหนึ่ง และเพิ่มโอกาสในการสร้างผลตอบแทน จากการลงทุนในอุตสาหกรรมหรือบริษัทชั้นนำระดับโลกที่ไม่มีในตลาดหุ้นไทย
แต่การลงทุนในหุ้นแบบรายตัวอาจไม่ใช่เรื่องที่นักลงทุนหลายคนเชี่ยวชาญ การลงทุนผ่าน ‘กองทุนรวม’ จึงเป็นทางเลือกที่น่าสนใจในการกระจายการลงทุนไปทั่วโลก ซึ่ง BBLAM ก็มีกองทุนรวมมาแนะนำถึง 2 กองทุนด้วยกัน นั่นก็คือกองทุน B-GLOBAL และกองทุน B-OPP แล้วทั้งสองกองทุนนี้มีความแตกต่างกันอย่างไรกันนะ ?
ต้องบอกก่อนว่าทั้งกองทุน B-GLOBAL และกองทุน B-OPP คือกองทุนรวมหุ้นที่กระจายการลงทุนไปทั่วโลก โดยทั้งสองกองทุนนี้มีความแตกต่างกัน นั่นก็คือกองทุน B-GLOBAL มีนโยบายการลงทุนที่มุ่งเน้นลงทุนในหุ้นคุณภาพทั่วโลก ผ่านการลงทุนในหน่วยลงทุนของ Wellington Global Quality Growth Fund, USD S Accumulating Unhedged (กองทุนหลัก)
โดยคำว่า “คุณภาพ” นั้น ผู้จัดการกองทุนหลักของกองทุน B-GLOBAL จะพิจารณาจากการเติบโตของรายได้อย่างต่อเนื่องของบริษัท ความโดดเด่นในการดำเนินธุรกิจ มีการสร้างผลตอบแทนให้กับผู้ถือหุ้น และมีการปรับปรุงพื้นฐานของกิจการอย่างสม่ำเสมอ
ปัจจุบัน กองทุน B-GLOBAL มีการกระจายการลงทุนใน 5 ภูมิภาค ได้แก่ อเมริกาเหนือ ยุโรป กลุ่มตลาดเกิดใหม่ ญี่ปุ่น และเอเชียแฟซิฟิก (ยกเว้นญี่ปุ่น) โดย 5 บริษัทแรกที่มีน้ำหนักการลงทุนมากที่สุด ได้แก่ Microsoft, Apple, Amazon.com, Alphabet และ NVIDIA (ที่มา: Factsheet B-GLOBAL ข้อมูล ณ วันที่ 30 กันยายน 2567)
ขณะที่กองทุน B-OPP มีนโยบายการลงทุนในหน่วยลงทุนของ Pictet-Global Thematic Opportunities (กองทุนหลัก) ที่มุ่งเน้นลงทุนในหุ้นจากธีมที่มีแนวโน้มเติบโตในอนาคต หรือ Future Trend ไม่ว่าจะเป็นกลุ่ม Technology กลุ่ม Healthcare กลุ่ม Sustainable และกลุ่ม Consumer นอกจากนี้ยังมีการลงทุนในเทรนด์อื่น ๆ ที่จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทั่วโลกในระยะยาว หรือที่เรียกว่า “Tomorrow Winner” นั่นเอง
อีกหนึ่งความโดดเด่นของกองทุน B-OPP คือการลงทุนในอีก 15 ธีมย่อยที่สอดคล้องไปกับธีมหลัก ตัวอย่างเช่น Robotics, Nutrition และ Smart City เป็นต้น ปัจจุบัน กองทุน B-OPP มีการกระจายการลงทุนในประเทศ 5 อันดับแรก ได้แก่ สหรัฐอเมริกา ฝรั่งเศส สวิตเซอร์แลนด์ เดนมาร์ก และเนเธอร์แลนด์
โดยมีการลงทุนในบริษัท 5 อันดับแรก ได้แก่ Visa ผู้ให้บริการเครือข่ายชำระเงินของบัตรเครดิต, Novo Nordisk บริษัทผลิตยารักษาเบาหวาน, Unitedhealth Group บริษัทประกันสุขภาพที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐอเมริกา, Microsoft บริษัทผลิตซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์คอมพิวเตอร์ระดับโลก ปิดท้ายด้วย Thermo Fisher Scientific บริษัทวิจัยทางคลีนิกและเทคโนโลยีชีวภาพเพื่อการรักษาเฉพาะทาง (ที่มา: Factsheet B-OPP ข้อมูล ณ วันที่ 30 สิงหาคม 2567)
สำหรับนักลงทุนที่สนใจการกระจายการลงทุนไปทั่วโลก BBLAM ขอแนะนำกองทุน B-GLOBAL และกองทุน B-OPP ส่วนจะเลือกกองทุนไหนดีนั้น ? นักลงทุนสามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติม เพื่อเลือกลงทุนในกองทุนที่ชื่นชอบได้ และสำหรับผู้ที่ต้องการรับสิทธิประโยชน์ทางภาษีเพิ่มเติมจากการกระจายการลงทุนไปทั่วโลก BBLAM ขอแนะนำกองทุน B-GLOBALRMF และกองทุน B-OPPRMF ซึ่งสามารถเลือกลงทุนได้ด้วยเงินลงทุนเริ่มต้น 500 บาท
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่ BBLAM
• โทร. 0 2674 6488 กด 8
• เว็บไซต์ BBLAM
• ลงทุนด้วยตนเองง่าย ๆ ผ่านโมบายแบงก์กิ้งธนาคารกรุงเทพ หรือแอป BF Fund Trading จาก BBLAM
คำเตือน : การลงทุนมิใช่การฝากเงินและมีความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนอาจไม่ได้รับเงินลงทุนคืนเต็มจำนวนเมื่อไถ่ถอน (ไม่คุ้มครองเงินต้น) / ผู้ลงทุนต้องศึกษาและทำความเข้าใจลักษณะสินค้า ข้อมูลสำคัญ นโยบายการลงทุน เงื่อนไขผลตอบแทน ความเสี่ยง และสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่ระบุในคู่มือการลงทุนในกองทุน RMF ก่อนการตัดสินใจลงทุน / กองทุนที่มีการลงทุนในต่างประเทศมิได้มีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนทั้งหมดหรือเกือบทั้งหมด
ทั้งนี้ อยู่ในดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน ดังนั้น ผู้ลงทุนอาจขาดทุนหรือได้กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนจากการลงทุนในกองทุนดังกล่าว หรืออาจได้รับเงินคืนต่ำกว่าเงินลงทุนเริ่มแรกได้
#BBLAM #กองทุนบัวหลวง #BFFundTrading #MobileBanking #ธนาคารกรุงเทพ
โฆษณา