18 ธ.ค. เวลา 07:04 • ปรัชญา

คุณเคยเดินผ่านสถานที่หนึ่ง แล้วรู้สึกว่าตัวเองยัง “ติดอยู่” ในที่แห่งนั้นไหม?

…จากบทความก่อนที่ฉันเล่าถึงทริปสงขลา ดูเหมือนฉันจะยัง “หลุดออก” จากสวนสัตว์สงขลาไม่ได้เลย เสียงของธรรมชาติที่ซ่อนตัวในรายละเอียดเล็กๆ แทรกซึมเข้ามาในใจ ราวกับกำลังฉุดรั้งฉันให้ย้อนกลับมาสำรวจมันอีกครั้ง
เสียงหายใจของสวนสัตว์ สงขลา
รถตู้เลื่อนผ่านถนนแคบที่ถูกโอบล้อมด้วยต้นปาล์มสูงระฟ้า ฉันแอบมองผ่านกระจก เห็นบึงเล็กสีเขียวสงบนิ่ง คล้ายผืนผ้าห่มที่ธรรมชาติบรรจงปูไว้ แหนบางเบาที่เกาะกลุ่มอยู่บนผิวน้ำ มันไม่ใช่ความรกร้าง หากแต่เป็นการพักหายใจของเวลา
ขณะที่รถแล่นผ่านโค้งหนึ่ง ฉันเห็นนกเพนกวินที่เคยพบเจอแต่ในสภาพแช่แข็งห้องแอร์ กลับยืนต้วมเตี้ยมอยู่ตรงนี้ แดดสงขลายามสายไม่ได้ทำให้มันดูแปลกที่ แต่กลับเป็นฉากชีวิตที่เรียบง่ายและอบอุ่น—ราวกับบอกว่าทุกชีวิตล้วนปรับตัวได้ เมื่ออยู่กับธรรมชาติที่ยอมรับมัน
สวนสัตว์สงขลาค่อยๆ เล่าตำนานของโลก ผ่านไดโนเสาร์ที่ยืนเฝ้าความสงบกลางพงไพรเหมือนนักรบผู้ภักดี ฉันมองไดโนเสาร์ตัวใหญ่ที่ยืนนิ่งราวอนุสาวรีย์ของกาลเวลา แล้วเผลอคิดไปว่า หากมันเคลื่อนไหวได้ เราอาจไม่ใช่ผู้มาเยือน แต่เป็นแขกของ “โลกเก่า” ที่เคยรุ่งเรือง และถูกทิ้งไว้ให้เราเรียนรู้
เสียงลมพัดไหวพาใบไม้เต้นระบำเบาๆ เสียงหัวเราะของเด็กน้อยปะปนกับเสียงชีวิตรอบข้าง ทำให้ทุกอย่างที่นี่ดูสมบูรณ์แบบโดยไม่ต้องปรุงแต่ง ฉันมองทะเลสาบสงขลาที่อยู่ไกลลิบ ทิวเขาที่ทอดยาว เหมือนเป็นขอบเขตของโลกที่กำลังกอดฉันไว้ในขณะนั้น
บางทีฉันยัง “หลุดออกมา” ไม่ได้จากสวนสัตว์สงขลา เพราะทุกจังหวะก้าวที่นี่เต็มไปด้วยบทเรียนเล็กๆ ที่ธรรมชาติแอบซ่อนเอาไว้ให้เราใคร่ครวญ ทั้งการอยู่นิ่งและการเคลื่อนไหว ทั้งเสียงและความเงียบ ทุกอย่างมีคำตอบอยู่ในตัวมันเอง
...และบางทีการเดินทางครั้งนี้ก็ทำให้ฉันได้รู้ว่า—
บางสถานที่ไม่ได้รอให้เราเดินผ่าน แต่รอให้เรา "หยุดฟัง"
แล้วคุณล่ะ เคยมีสถานที่ไหนไหมที่คุณยังหลุดออกจากมันไม่ได้...เพราะหัวใจยังไม่อยากจากไป?
....
ปลายดาวอินฟินิตี้
โฆษณา