18 ธ.ค. เวลา 11:00 • ธุรกิจ

แตกไลน์ธุรกิจครอบครัว ทำ “Rin ปลาเค็มรวน” นวัตกรรมอาหารไทยโบราณ การันตีคุณภาพ Thai SELECT

“อาหารไทย” ได้รับการยอมรับในระดับสากล ทั้งด้านเอกลักษณ์ของรสชาติอาหารที่โดดเด่น มีวัตถุดิบท้องถิ่นที่หลากหลาย และความใส่ใจในการรังสรรค์ทุกขั้นตอนการปรุงอาหาร เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้อาหารไทย เป็นที่ชื่นชอบของผู้บริโภคทั้งใน และต่างประเทศอย่างกว้างขวาง
บทความนี้ Bangkok Bank SME จะพาไปเจาะลึกกลยุทธ์การตลาด กับคุณไพรินทร์ อัศวทวีโชค กรรมการผู้จัดการ บริษัท ริน อินเตอร์ฟู้ด จำกัด และผู้ก่อตั้งแบรนด์ “Rin ปลาเค็มรวน” ผู้เปลี่ยนวิธีคิดและมองหาธุรกิจใหม่ที่มีโอกาสเติบโตได้อย่างยั่งยืนในอนาคต
โดยเริ่มต้นจากความชื่นชอบและความคุ้นเคยกับอาหารทะเลอย่าง "ปลาอินทรีเค็ม" ที่กลายเป็นตัวเลือกแรกในการนำมาพัฒนาต่อยอดเป็นธุรกิจ ตอบโจทย์ Pain Point เรื่องกลิ่นเมื่อต้องนำไปประกอบอาหาร ซึ่งมีชื่อเสียงในกลุ่มผู้บริโภคมานาน แต่ยังไม่มีใครนำมาสร้างแบรนด์อย่างจริงจัง มาดูว่าคุณไพรินทร์มีแนวคิดในการแตกไลน์ธุรกิจอย่างไร จนกลายเป็นธุรกิจที่ประสบความสำเร็จจนถึงวันนี้
เห็น Pain Point เป็นโอกาส ปั้นอาหารไทยโบราณด้วยนวัตกรรม
คุณไพรินทร์ เล่าถึงที่มาของธุรกิจว่า ที่บ้านทำธุรกิจครอบครัว เป็นธุรกิจเครื่องเขียนรายใหญ่ของจังหวัดชุมพรและกาฬสินธุ์ รวมถึงธุรกิจโรงงานพลาสติกที่จังหวัดสมุทรสาครด้วย แต่ถึงช่วงหนึ่งที่ทั่วโลกได้พบกับวิกฤตการณ์โควิด-19 ธุรกิจเริ่มชะลอตัว
จึงมีความคิดอยากแตกไลน์ธุรกิจใหม่ที่มีโอกาสเติบโตอย่างยั่งยืนกว่า เพื่อส่งต่อให้ลูกหลาน เลยกลับมามอง อาหารทะเล สิ่งที่คุ้นเคยและเป็นความชอบส่วนตัว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง "ปลาอินทรีเค็ม" ซึ่งกลายเป็นตัวเลือกแรกของการนำมาต่อยอดธุรกิจ เพื่อตอบโจทย์ Pain Point เรื่องกลิ่นเมื่อต้องนำไปประกอบอาหาร และนำองค์ความรู้เรื่องการรวนปลาเค็ม
ซึ่งถือเป็นกรรมวิธีโบราณตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 ที่ได้จากคุณย่าเพื่อน มาเป็นสตอรี่ ชูจุดเด่นด้วยกรรมวิธีการคั่วรวนกับสมุนไพรไทยแบบโบราณ จนออกมาเป็นผลิตภัณฑ์ต้นแบบ เพื่อนำไปให้คนใกล้ชิดและลูกค้าได้ทดลองรับประทาน
ผลที่ได้คือ ทุกคนต่างชื่นชอบเพราะอร่อย ที่สำคัญคือมีความแปลกใหม่ แตกต่างจากที่เคยรับประทานมา จนเกิดการซื้อซ้ำ แต่เป็นการซื้อด้วยความเข้าผิด คิดว่าเป็น “น้ำพริกปลาเค็ม” ซึ่งไม่ใช่คอนเซ็ปต์ของปลาเค็มรวน เราจึงต้องสร้างการรับรู้ (Awareness) ที่ชัดเจนภายใต้สโลแกนที่ว่า “ปลาเค็มรวนไม่ใช่น้ำพริก” โดยเริ่มต้นเข้าถึงผู้บริโภคผ่านช่องทางโซเชียลมีเดียต่าง ๆ ซึ่งต้องใช้เวลาสร้างความเข้าใจในสิ่งที่ลูกค้าไม่คุ้นเคยอยู่นานพอสมควร แต่ก็ได้ผลตอบรับที่ดี
“เราอยากรักษาคำว่า ‘ปลาเค็มรวน’ ไว้ให้ลูกหลาน และคนรุ่นหลัง ได้รู้จักอาหารชนิดนี้ ด้วยหวังสืบสานวัฒนธรรมอาหารโบราณที่กำลังจะสูญหายไป ให้ยังคงอยู่”
จุดเด่นของ “Rin ปลาเค็มรวน” คืออะไร
สำหรับจุดเด่นของ “Rin ปลาเค็มรวน” คุณไพรินทร์ อธิบายให้เห็นภาพว่า คือ การใช้ปลาอินทรีเค็มที่มีความสดใหม่ เกรดดีที่สุด เนื้อจะแน่นไม่แตกยุ่ย เมื่อนำมาคั่วรวนกับสมุนไพรไทย โดยไม่ใส่สารกันเสีย ไม่ใส่ผงชูรส ไม่ปรุงแต่งความหวานใด ๆ จะทำให้ได้ความหอม กรอบตามธรรมชาติ ถือเป็นสูตรเฉพาะ "ปลาเค็มที่ไม่เค็มเกินไป"
ด้วยปัจจุบันผู้บริโภคหันมาใส่ใจเรื่องสุขภาพมากขึ้น โดยเฉพาะผู้สูงวัย เราจึงมีการพัฒนาปลาเค็มรวนให้มีโซเดียมต่ำ ลดความเค็มให้น้อยกว่าท้องตลาดทั่วไป (เกลือน้อยกว่าทั่วไป 40%) จนกลายเป็นที่นิยมของลูกค้าทุกเพศทุกวัย และยังเป็นหนึ่งในตัวเลือกสำหรับของขวัญของฝากให้ผู้ใหญ่อีกด้วย
“ลูกค้าจึงไม่ต้องกังวลเรื่องค่าโซเดียม เพราะปลาที่เราดอง จะมีการกำหนดวันที่ดอง เพื่อควบคุมระดับความเค็มให้ไม่สูงเกินไป”
นอกจากนี้ เรายังมีการควบคุมคุณภาพและบรรจุภัณฑ์ที่ได้มาตรฐาน ทำให้สินค้ามีอายุการเก็บรักษานานถึง 1 ปี สามารถรับประทานได้ทุกที่ ทุกเวลา โดย Rin ปลาเค็มรวน มีให้เลือก 2 รูปแบบ คือ แบบซอง 30 กรัม มี 2 รสชาติ ได้แก่ รสเผ็ด และรสกลมกล่อม ส่วนแบบกระปุก 100 กรัม มี 4 รสชาติ ได้แก่ เผ็ด, กลมกล่อม , กระชาย และแซลมอน
สามารถหาซื้อได้ทั้งช่องทางออนไลน์ อย่าง Shopee, Lazada และแฟลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย เช่น Facebook, Line, IG รวมถึงช่องทางออฟไลน์ เช่น The Mall, Lemon Farm, Rimping, Gourmet, Villa Market, Food Land, Tops Supermarket และ TOPS Daily กว่า 100 สาขาทั่วประเทศ
ทำธุรกิจยุคใหม่ ต้องใส่ใจเรื่องสิ่งแวดล้อมไปพร้อมกัน
นอกจากการพัฒนาสินค้าปลาเค็มรวนรูปแบบต่าง ๆ แล้ว คุณไพรินทร์ ยังมองถึงความยั่งยืน (Sustainability) ของธุรกิจ โดยการนำวัตถุดิบปลาเหลือทิ้งจากส่วนอื่น ๆ มาต่อยอดในกระบวนการผลิตแบบ Zero Waste อย่างเช่น ส่วนหัวปลา เรามีแนวคิดที่จะนำมาทำเป็นซุปหัวปลา เพราะมีสารอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายไม่น้อย ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการรวบรวมข้อมูลเพื่อศึกษาและพัฒนากระบวนการผลิตให้สามารถรักษาคุณค่าสารอาหารไว้ได้มากที่สุด
การันตีคุณภาพด้วย ตราสัญลักษณ์ Thai SELECT
สำหรับ “ริน อินเตอร์ฟู้ด” สิ่งที่ทำให้ธุรกิจเติบโตมาถึงทุกวันนี้ มองว่า มาจากการให้ความสำคัญเรื่องคุณภาพของสินค้าและการสร้างความรับรู้ของแบรนด์ เพื่อให้เกิดการซื้อซ้ำ ซึ่งสินค้าเกี่ยวกับอาหาร คุณภาพถือเป็นสิ่งสำคัญ สินค้าของเราจึงเข้มงวดเรื่องมาตรฐานด้านอาหารและสุขภาพในหลายมาตรฐานก่อนส่งไปจำหน่าย
เราศึกษาเรื่องมาตรฐานอาหารควบคู่กับการเข้าร่วมกิจกรรมของกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) ทำให้ได้ความรู้และเข้าใจเกี่ยวกับการส่งออกมากขึ้น รวมถึงทราบรายละเอียดโครงการ Thai SELECT จึงตัดสินใจสมัครขอรับตราสัญลักษณ์ เพราะต้องการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับผลิตภัณฑ์ และสร้างความเชื่อมั่นในสินค้าให้กับผู้บริโภค
ซึ่งตราสัญลักษณ์ Thai SELECT มีเกณฑ์การคัดเลือกสินค้าที่มีความเป็นไทย ผลิตจากวัตถุดิบในประเทศ มีรสชาติที่โดดเด่นเป็นอัตลักษณ์ ซึ่งถือเป็นโอกาสดีที่จะได้ร่วมกิจกรรมโปรโมทของทาง DITP ทั้งในและต่างประเทศ เพราะ “ริน อินเตอร์ฟู้ด” มีแผนจะขยายตลาดไปยังต่างประเทศ ตราสัญลักษณ์นี้จะช่วยเพิ่มโอกาสในการขายมากยิ่งขึ้น เพราะเป็นการการันตีให้ผู้บริโภคทั่วโลกได้มั่นใจในคุณภาพและมาตรฐานของผลิตภัณฑ์ดังกล่าวว่า มีรสชาติตามต้นตำรับอาหารไทยอย่างแน่นอน
ส่วนผู้ประกอบการ SME ที่อยากสร้างธุรกิจจากสินค้าท้องถิ่น แนะนำให้หาความรู้เพิ่มเติมด้วยการเข้าร่วมอบรมกับหน่วยงานภาครัฐ โดยเฉพาะความรู้เรื่องนวัตกรรมใหม่ ๆ และการเพิ่มมูลค่าสินค้าด้วยการสร้างความแตกต่าง เป็นสิ่งที่จะดึงดูดความสนใจลูกค้าได้
กลยุทธ์การทำการตลาดของ “ริน อินเตอร์ฟู้ด”
“ริน อินเตอร์ฟู้ด” กำหนดกลยุทธ์ในการทำการตลาดไว้ 2 รูปแบบ คือ กลุ่ม Business-to-Customer (B2C) จะเป็นแบบ Ready to Eat คือซื้อแล้วรับประทานได้เลย จะโรยบนข้าวสวยหรือโจ๊กร้อน ๆ รวมไปถึงโรยบนแกงเนื้อ แกงเขียวหวาน สปาเก็ตตี้ ก็สามารถเพิ่มรสชาติได้เป็นอย่างดี
ซึ่งคุณไพรินทร์ บอกว่า ส่วนใหญ่เราจะได้ไอเดียเหล่านี้มาจากการรีวิวของลูกค้า และกลุ่ม Business-to-Business (B2B) ซึ่งเป็นกลุ่มร้านอาหารที่นำสินค้าไปประกอบในเมนูอาหาร หรือ Easy to Cook ในลักษณะการนำไปโรยตอนทำอาหาร เป็นต้น ซึ่งเรารับทำในรูปแบบ OEM ด้วย หากลูกค้าสนใจต้องการนำไปทำเป็นแบรนด์ของตัวเอง
พี่เลี้ยงทางธุรกิจ เรื่องจำเป็นสำหรับ SME ตัวเล็ก ๆ
คุณไพรินทร์ กล่าวว่า หนึ่งโครงการดี ๆ ที่มีโอกาสได้เข้าร่วมคือ โครงการ Big Brother ที่จะมีพี่เลี้ยงคอยให้คำปรึกษา ซึ่งเป็นเรื่องจำเป็นมากสำหรับ SME ตัวเล็ก ๆ ที่ไม่มีพื้นฐานการบริหารมากนัก การมีพี่เลี้ยงดูแลให้คำปรึกษาในเรื่องที่ไม่เข้าใจ หรือในจุดที่เรามองไม่เห็น จะทำให้เราเข้าใจธุรกิจที่ทำอย่างถ่องแท้ ซึ่งวัตถุประสงค์ที่เราเข้าร่วมโครงการ เพื่อต้องการขยายตลาด และหลังจบโครงการ เราสามารถขยายตลาดสู่โมเดิร์นเทรดใหญ่ ๆ ได้ ถือว่าประสบความสำเร็จตามเป้าหมายที่วางไว้เป็นอย่างมาก
ก้าวต่อไปของ “ริน อินเตอร์ฟู้ด”
คุณไพรินทร์ กล่าวว่า จากการที่ผลิตภัณฑ์ของ “ริน อินเตอร์ฟู้ด” ได้รับรางวัล SME Soft Power Star 2024 จากรองนายกรัฐมนตรี ที่ได้รับการสนับสนุนจากสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) ที่คัดเลือกจากผู้ประกอบการ SME กว่า 1,000 ราย เพื่อเชิดชูผู้ประกอบการที่มีความโดดเด่นในด้านการใช้ Soft Power สร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทย ซึ่ง RIN ปลาเค็มรวน ก็ได้รับรางวัลนี้
เนื่องจาก ปลาเค็มรวน เป็นอาหารไทยโบราณหารับประทานยาก ถูกนำกลับมาคิดและทำใหม่ ยกระดับ ให้เป็นอาหารไทยพื้นถิ่นที่มีอัตลักษณ์โดดเด่นและเข้าถึงผู้บริโภคได้เป็นอย่างดี
ซึ่งจากการได้รับรางวัลนี้ ส่งผลให้ผลิตภัณฑ์ของเราอาจได้ขึ้นไปเสิร์ฟบนสายการบินในเร็ว ๆ นี้ อีกทั้ง ยังมุ่งเน้นกลุ่ม Business-to-Business (B2B) ซึ่งจะเป็นกลุ่มร้านอาหารที่นำสินค้าไปประกอบในเมนูอาหาร หรือ Easy to Cook ในโรงแรม หรือร้านอาหารมากขึ้นด้วย
ตั้งเป้า ปลาเค็มรวน อาหารไทยโบราณโกอินเตอร์
ปัจจุบัน “ริน อินเตอร์ฟู้ด” เน้นทำตลาดในประเทศเป็นหลัก ซึ่งปีหน้าคาดว่า ธุรกิจจะเติบโตประมาณ 20 - 30% หลังจากทำการตลาดในประเทศเราแข็งแรงดีแล้ว เรามีแผนจะส่งออกไปยังประเทศเพื่อนบ้าน และประเทศใกล้เคียงในแถบเอเชีย อาทิ กัมพูชา สิงคโปร์ มาเลเซีย และฮ่องกง เป็นเป้าหมายแรก ๆ
ฝากแง่คิด ถึง SME ในการทำธุรกิจในยุคปัจจุบัน
ก่อนจบการสนทนา คุณไพรินทร์ ยังฝากแง่คิดถึง SME ในการทำธุรกิจด้วยว่า การพยายามหาข้อมูลหรือองค์ความรู้ก่อนแล้วค่อยลงมือทำ ไม่ใช่สิ่งผิด แต่สิ่งที่ควรทำมากกว่านั้นคือ การเรียนรู้ไปพร้อม ๆ กับลงมือทำ เพราะก่อนทำเราจะยังไม่รู้ว่าต้องทำหรือไม่ต้องทำอะไร ต้องรู้หรือไม่ต้องรู้อะไร หรือแม้กระทั่งปัญหาที่จะเข้ามา เราก็ไม่อาจคาดเดาได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง ดังนั้น เราควรศึกษาหาข้อมูลเพื่อมาเป็นองค์ความรู้
และนำมาปรับใช้ พร้อมกับเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ ที่อาจเกิดขึ้นในขณะที่ลงมือทำจะดีกว่า ที่สำคัญคือเราต้องมีเป้าหมาย และแผนงานที่ชัดเจน โดยนำ Mindset ของผู้บริหารที่ประสบความสำเร็จมาประยุกต์ใช้ให้เหมาะสมกับธุรกิจเรา หากไม่มั่นใจให้ขอคำแนะนำจากผู้ที่อยู่วงการใกล้เคียงกับเรา สุดท้ายคือ ห้ามท้อถอย เราต้องให้กำลังใจตัวเองมาก ๆ แล้วเราจะประสบความสำเร็จได้ ในเส้นทางที่เราบุกเบิกด้วยตัวเอง
ติดตาม บริษัท ริน อินเตอร์ฟู้ด จำกัด เพิ่มเติมได้ที่
โฆษณา