อาร์เน่อใช้ 90 นาทีในคาราบาว คัพอย่างคุ้มค่า
ตัดเรื่องผลการแข่งขันออกไปก่อน 11 ตัวจริง และรายชื่อบนม้านั่งสำรองในเกมเยือนเซาท์แฮมป์ตัน ค่ำคืนวันพุธที่ผ่านมา ถือว่าอาร์เน่อเลือกตัวได้อย่างน่าประทับใจ
การที่เวอร์จิล ฟาน ไดค์ ได้พักสักทีถือว่าเป็นเรื่องที่จำเป็นก่อนที่เขาจะต้องลงเล่นต่อเนื่องช่วงปลายปี ยาวไปจนถึงก.พ. เช่นกันกับกรณีของ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ หวังว่าทั้งคู่จะไปจัดการสัญญาใหม่ ถ่ายวีดีโอ อะไรให้เรียบร้อย!
การเห็นวาตารุ เอ็นโดลงเป็นตัวจริง คงทำให้แฟนบอลลิเวอร์พูล โดยเฉพาะในเอเชีย ดีใจ แม้จะรู้ว่าอนาคตของกองกลางชาวญี่ปุ่นคงจะไม่แน่นอน และด้วยอายุอานามของเขา ไม่เกินฤดูกาลหน้าน่าจะเป็นฤดูกาลสุดท้ายในชุดหงส์แดง หรืออาจจะเพียงฤดูกาลนี้
เอ็นโดพิสูจน์ตัวเองเรื่องใจสู้ เขาเคยเข้าไปคุยกับอาร์เน่อมาแล้วในฤดูกาลนี้ และแม้จะได้ลงเล่นบางเกมไม่กี่นาที ท้ายเกมแต่อาร์เน่อยังยืนยันว่าเขามีความสำคัญ แม้ไม่กี่นาทีในหลายๆ เกมแต่เป็นช่วง “ปิดเกม” ของทีม
เอ็นโดไม่ใช่ตัวเลือกในเกมล่าสุด แม้แต่ช่วงที่ทีมตามหลัง 10 คน ก่อนตีเสมอฟูแล่ม 2-2 แต่มันก็พิสูจน์ให้เห็นว่าแท็กติกของอาร์เน่อถูกต้อง หากสถานการณ์เกมเป็นแบบอื่น ลิเวอร์พูลมีช่วงขึ้นนำ บางทีเราอาจจะเห็นเอ็นโดในเกมนั้น
เขาพูดในการแถลงข่าวก่อนเกมนัดนี้ว่าจะให้เวลากับเอ็นโด และถ้าใครได้ดู 90 นาทีในเกมกับเซาท์ฯ ต้องบอกว่าเอ็นโดใช้คุ้ม แถมโดนอ่วม! หลายลักษณะในเกมนี้
เอ็นโดเล่นเป็นกองหลังในจังหวะที่ทีมเล่นเกมรับ และขึ้นไปเป็นกองกลางตอนที่ทีมเล่นเกมรุก มีส่วนกับจังหวะเสียประตูแบบโชคร้าย (หรือมองว่าเป็นโชคดีของเจ้าถิ่น) เมื่อบอลที่อัดหน้าของเขา ไปเข้าทางเซาท์ฯ ตีไข่แตก
ภาพรวมเกมนี้ เอ็นโดเป็นหนึ่งในคนที่เด่นที่สุดสำหรับผม แถมท้ายเกมยังได้สวมปลอกแขนกัปตันทีมด้วย ก็เป็นโอกาสที่ดีจะได้ภาพสวยๆ กับลิเวอร์พูล
อ่อ ถ้าพูดถึงจังหวะเสียประตู จริงๆ จังหวะได้ประตูนำ 2-0 เขาเป็นคนสร้างเกมขึ้นไปก่อนที่เอลเลียตต์จะได้บอลจากคักโป และยิงประตูด้วย
ย้อนกลับไปสรุปรายชื่อตัวจริงในเกมนี้ และการลงเล่นที่สมเหตุสมผลไม่น้อย ตั้งแต่ควิวีน เคลเลเฮอร์ที่ถ้วยนี้คือถ้วยของเขา
มันเป็นโอกาสดีที่เขาได้กลับมาหลังพลาดท้ายเกมกับนิวคาสเซิล และให้อลีสซงได้พักหลังกลับมาจากการบาดเจ็บหมาดๆ ก่อนเตรียมตัวลงเล่นยาว
กองหลังเรามีตัวเลือกไม่มากในนาทีนี้ การใช้ โจ โกเมซ และจาร์เรล ควอนซาห์เป็นเรื่องจำเป็น เกมนี้ควอนซาห์ต้องเป็นตัวยืนอยู่แล้ว ส่วนโกเมซยืนด้านซ้ายตำแหน่งที่เขาเล่นได้ดีที่สุดในฤดูกาลหลังๆ
เอาจริงๆ ในตำแหน่งแบ็กซ้าย โกเมซสร้างความอุ่นใจให้แฟนบอลลิเวอร์พูลมากกว่า ร็อบโบ้ที่ติดโทษแบนในเกมนี้ด้วยซ้ำ แม้แต่เด็กหงส์ยังมองว่าเขาเล่นตรงนี้ได้ดีกว่าด้านขวา หรือแม้แต่เซนเตอร์ฮาล์ฟ!
ด้านขวาการที่เทรนต์ออกสตาร์ททำให้กังวลนิดหน่อย แต่สุดท้ายเทรนต์กับโกเมซก็ได้เล่นเพียง 45 นาที ถือว่าเป็นการเตรียมการที่ดีสำหรับช่วงเทศกาล และทั้งคู่ไม่ถูกหักโหมใช้งานมากเกินไป
ซิมิกาสเพิ่งกลับมาซ้อมเต็มที่ได้ในวันก่อนแข่ง การที่เขามีชื่อก็นับว่าดีมาก แต่การลงเล่น 45 นาทีโดยไม่มีปัญหาอะไร แปลว่าร็อบโบ้จะเจอคู่แข่งหลังจากนี้ หรืออย่างน้อยก็สลับกันลงเล่นได้ในช่วงเวลาที่โปรแกรมถี่
และพูดถึง 45 นาทีแรก แผงหลังทำหน้าที่ได้อย่างดี โดยเฉพาะการมีเอ็นโดขึ้นไปเล่นเหมือนกองกลางเวลารุก รวมกับไทเลอร์ มอร์ตันที่รักษาสมดุลตรงนี้ แดนกลางที่มี แกรี่ แม็ค อัลลิสเตอร์ เอ๊ย! อเล็กซิสก็มีพลังเป็นอย่างมาก
ครึ่งแรกเกมด้านซ้ายที่เทรย์ นีโอนีได้เล่นกับ โกดี้ คักโป ถือว่าทำได้ดีมากๆ ในแดนหน้าการที่นูนเญซได้เล่นเกมนี้ไม่ผิดจากที่หลายคนคาดไว้ และที่สุดเขาก็ทำประตูได้
จังหวะหลุดเดี่ยวแบบนั้นถ้ายิงไม่เข้าอีก รับรองว่าเสียงวิจารณ์รุนแรงแน่ๆ หลายคนคงรับไม่ได้!
จริงๆ นูนเญซมีความจมูกไวในการหาตำแหน่ง บอลที่ดูมีโชคตกลงตรงนั้น ถ้าเป็นกองหน้าคนอื่นๆ ไม่แน่ว่าจะอยู่ในตำแหน่งที่ดีขนาดนั้นเสมอไป
อย่างไรก็ตามการที่เขาพลาดการจบสกอร์ตรงนั้นบ่อยๆ ก็กลายเป็นภาพจำที่ไม่ดีเช่นกัน มันคงแก้ยาก จนกว่าเขาจะยิงได้ต่อเนื่อง
ภาพรวมการเล่นของเขาพัฒนาขึ้นกว่ายุคของเจอร์เก้น คล็อปป์ ในแง่การมีส่วนร่วมกับเกม การไล่บอล และการช่วยเพื่อน หลายเกมเขาเล่นตำแหน่งต่างๆ ทั้งขวา ซ้าย และกลาง แต่ก็ไม่ได้ยืนค้ำในแดนหน้าตลอดเวลา
ดูสไตล์การเล่น ถ้าเขาเกิดในยุคที่ลิเวอร์พูลตัวแทงหลุดแบบสตีเวน เจอร์ราร์ด และเล่นบอลวิ่งหาพื้นที่เข้าทำแบบ ตอร์เรส อาจจะง่ายกว่าในยุคนี้ แต่ก็นั่นแหล่ะ มีหลายๆ อย่างที่ยังต้องปรับปรุง และขัดใจแฟนบอล
อย่างไรก็ตามสำหรับฤดูกาลนี้ เรายังเปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้ ยังไงก็ตามนูนเญซยังคงมีส่วนต่อความสำเร็จที่เป็นไปได้ในฤดูกาลนี้ ลองลดความคาดหวังในการทำประตูลงเล็กน้อย เข้าใจว่ายังไงเขาเป็นหน้าเป้า(ในหลายๆ เกม) แต่ประโยชน์อย่างอื่นก็สำคัญ
เกมกับฟูแล่มเขาได้แอสซิสต์ (แม้โชต้าต้องไปทำต่อในจังหวะนั้น!) และประตูในเกมนี้หยุดเสียงล้อในสนาม (แฟนบอลเซาท์ล้อว่า +++ แอนดี้ แคร์โรลล์) ซึ่งนูนเญซถึงเอามือป้องหูตอนที่ทำประตูได้
ความเปรี้ยวของพี่แก บางทีอาจจะต้องให้ปลอดปล่อยบ้าง แต่ต้องไม่มากเกินไป! ผมคิดว่ากองหน้าอุรุกวัยต้องมีจุดนี้อยู่ ถ้าไปคุมไว้ทุกอย่าง การเล่นจะดูฝืดๆ ไปแทน แต่ถ้าปล่อยหมดก็ล่อใบเหลืองเหลือเกิน อาร์เน่อต้องคุมอยู่ในระดับพอดี
จริงๆ หลังจากได้ประตูแล้ว เกมนี้นูนเญซก็มีส่วนกับเกมเยอะ แต่ท้ายเกม หรือหลังจากนั้นที่หลายคนหงุดหงิด น่าจะเป็นการไม่จ่ายให้เพื่อน หรือโดยเฉพาะท้ายเกมที่เอลเลียตต์ว่างๆ เหมือนแกไม่เห็น และสุดท้ายยิงเองออกไปแบบไม่ได้ลุ้น
ดูเหมือนถ้าไม่มีซาลาห์อยู่ในสนาม นูนเญซก็จะไม่ค่อยจ่ายให้ใคร แต่ก็พูดยาก เพราะเกมนี้ตำแหน่งแกต้องยืนสูงขึ้น ซึ่งมักจะเป็นเกมที่ไม่มีโมอยู่ โดยรวมไม่ใช่วันที่แย่ แต่ก็ยังต้องให้พัฒนาอยู่ดี
คักโปอย่างที่ผมมักจะพูดถึงเป็นประจำว่าแฟนบอลชื่นชมนักเตะคนนี้น้อยไปนิดหน่อย เขามีวินัย และมีส่วนผลิตสกอร์ให้กับทีมทั้งทางตรง และทางอ้อม เล่นได้ทุกนาทีไม่เกี่ยงว่าโค้ชสั่งให้ทำอะไร
มาตรฐานแต่ละเกมให้เป็นคะแนนมักจะอยู่ที่ 7-8 ไม่ค่อยมีเกมที่แย่ หรือดีมาก แต่เกมนี้เล่นไปประมาณหนึ่งชม. ก็ได้พัก เป็นสัญญาณว่าเกมกับสเปอร์สน่าจะได้เล่นต่อ ซึ่งเป็นเรื่องที่ดีมาก
คักโปมาเรื่อยๆ แต่มีส่วนสำคัญกับทีม เกมนี้แอสซิสต์ของเขาน่าชมเชยมาก เป็นหนึ่งในคนที่เด่นที่สุดในเกมนี้ แม้จะไม่ได้เล่นเต็มเกม
และที่ไม่พูดถึงเลยไม่ได้คือ เอลเลียตต์ ที่ทำประตูที่สองในเกมนี้ ช่วงต้นพูดถึงประตู 1-2 ของเซาท์ฯ แต่ต้องไม่ลืมว่า 2 ประตูของลิเวอร์พูลก็มีโชคเช่นกัน กับลูกยิงที่แฉลบของเอลเลียตต์ แต่เป็นจังหวะเข้าทำที่สวย
ฮาร์วีย์ เอลเลียตต์ทำประตูสำคัญในครึ่งแรก
ประตูของนูนเญซก็เป็นจังหวะที่โกลของเจ้าถิ่นลื่นนิดหน่อย ทำให้ไม่สามารถพุ่งออกมาขวางเร็วได้ ไม่อย่างนั้นไม่แน่ว่านูนเญซจะยิงเข้า!
เอลเลียตต์เล่นเกมรุกเต็มตัวในช่วงต้น และถอยมายืนกองกลางในครึ่งหลัง ดูสด ปราดเปรียว และน่าจะกลับมาเป็นกำลังสำคัญของทีมในเวลานี้ได้ดี
อาร์เน่อแม้จะอยู่บนอัฒจันทร์ในเกมนี้ แต่ก็เห็นว่าเขาปรับแท็กติกเร็วมาก (อาจจะเร็วกว่าตอนอยู่ข้างสนาม!)
พอโดน 1-2 เซาท์ฯ เริ่มกลับสู่เกม การเปลี่ยนตัวหลังจากนั้นเบรกเกมที่ต่อเนื่องของเจ้าถิ่นได้เลย
ต้นครึ่งหลัง ลิเวอร์พูลปรับมาเหมือนยืนหลัง 3 เพราะตอนนั้นห่าง 2 ประตู แต่พอดูแล้วการเล่นไม่ค่อยเข้าท่า นักเตะดูจะไม่คุ้นเคย สุดท้ายการลงเล่นของ แดนน์ส และโชต้า ปรับมายืนหลัง 4 เหมือนเดิม ก็ทำให้เกมแน่นขึ้น
ตอนพักครึ่งอย่างที่บอกว่าเทรนต์กับโจได้พักไป เคียซ่า และซิมิกาสก็ลงมาสะสม 45 นาทีได้ดี หลังจากนั้นโชต้า และแม็คคอนเนลล์ได้เล่นประมาณครึ่งชม. ก็สมเหตุสมผล และเป็นสัญญาณที่ดีหลังมีข่าวว่าโชต้าเจ็บมานิดหน่อย แต่เล่น 30 นาทีไม่มีปัญหาก็สบายใจได้
เคียซ่าเกมนี้ผมว่าดูดีมาก มีสองจังหวะมุมเดียวกันกับที่ซาลาห์ทำประตูได้บ่อยๆ เขายิงได้ฉลาด และเข้ากรอบ แต่อาจจะจังหวะช้าไปทำให้เซาท์แฮมป์ตันป้องกันได้ แต่ก็ดูดี มีชั้นเชิง อาจจะต้องทำความเข้าใจ หรือปรับตัวกับตำแหน่งของเพื่อนร่วมทีม แต่ก็เป็นเกมแรกๆ ของเขาในชุดใหญ่ต้องให้เวลา
เร็วเกินไปที่จะบอกว่าหวังอะไรจากเคียซ่าได้ แต่อย่างน้อยเกมนี้โมก็ได้พัก และเราจะเห็นว่าสไตล์ของเขาแตกต่างจากที่เรามี ไม่ว่าดิอาซที่ได้พักไปในเกมนี้อีกคน หรือโชต้า, นูนเญซ, ซาลาห์, คักโป แม้แต่เอลเลียตต์ ดังนั้นความหลากหลายนี้จะเป็นประโยชน์หากเลือกถูกเกม
แม้จะไม่ชอบใจกับกฎเล่นรอบรองชนะเลิศ 2 นัดในรายการนี้ แต่หากดูรายชื่อนักเตะที่ได้เล่นในเกมนี้ รอบรองน่าจะเป็นโอกาสของพวกเขาอีกครั้ง มันยังมีแง่ดีคือให้กลุ่มนี้ได้ยืดเส้นยืดสาย และมีโอกาสแย่งตัวจริง
พวกเขาน่าจะได้เล่นเอฟเอ คัพ กับแอคริงตันด้วย ดังนั้นนักเตะเหล่านี้จำเป็น และหากเรียกฟอร์มได้ เล่นดีจริงๆ อาจจะมีผลต่อการแย่งตัวจริงในพรีเมียร์ลีก รวมถึงอย่างน้อยก็น่าจะได้เล่นแชมเปียนส์ลีก 2 เกมสุดท้ายที่หงส์แดงแทบจะผ่านเข้ารอบในฐานะ 1 ใน 8 ทีมรอแค่การยืนยัน หรือ 1 แต้ม
มอร์ตันเงียบๆ แต่มีไว้ดีกว่า เขาโชคร้ายกับการบาดเจ็บ ทั้งที่ทำผลงานได้ดีมากในช่วงยืมตัว รวมกับแม็คคอลเนลล์ และแดนน์สที่ได้เล่นมาแล้วในยุคคล็อปป์ อย่างน้อยๆ น่าจะอยู่กับทีมมากกว่าออกไปแบบยืมตัวไปถึงปลายมกราคม ตอนนี้ขุมกำลังหรือ squad ของลิเวอร์พูลดูใหญ่ขึ้นมาก
ขาดแค่ โกนาเต้ ที่เจ็บอีกไม่นานรายเดียว ดังนั้นชื่อเสียงของอาร์เน่อที่ว่ากันก่อนหน้านี้ว่าเขาคุมการบาดเจ็บของนักเตะในทีมได้ดี ทีมค่อยข้างสมบูรณ์ตลอดทั้งฤดูกาลตั้งแต่เฟเยนูร์ดไม่น่าจะใช่เรื่องบังเอิญ
เกมที่เยอะขึ้นอีก 2 เกมแน่ๆ และเอฟเอ คัพ ก็มีโอกาสงอกอีก บางทีบอลถ้วยในประเทศสองรายการนี้ แฟนหงส์ไม่ได้ซีเรียสเท่ากับพรีเมียร์ลีก และแชมเปียนส์ลีกด้วยซ้ำ(คล้ายกับเชลซีในยูโรปา คอนเฟอเรนซ์) แต่ถ้าเข้ารอบลึกๆ ได้ก็ดีต่อนักเตะกลุ่มนี้ที่จะได้ลง
เกือบจะลืมพูดถึงเคลเลเฮอร์ เขามีส่วนในการสร้างเกมจากหลัง และเซฟสำคัญที่เซาท์ฯ พยายามตีเสมอ 2-2 ภาพรวมวันนี้แม้จะเสียไป 1 ประตู แต่ก็เป็นวันที่สมบูรณ์แบบมากแล้ว แม็คก้าที่เล่นดีมากก็ไม่ได้เล่นเต็มเกม ถือว่ายืดเส้นยืดสายได้ดีหลังแบนมา 2 นัด
สถานการณ์จึงเป็นว่านอกจากนักเตะที่ได้พัก เชื่อว่าหลายคนเล่นเพื่อแย่งตัวจริงในพรีเมียร์ลีกเช่นกัน มีหลายตำแหน่งที่ปรับเปลี่ยน และเพิ่มความหลากหลายได้
อาร์เน่อใช้ 90 นาทีในเกมกับเซาท์แฮมป์ตันได้อย่างคุ้มค่าลงตัวมากๆ ส่วนฟอร์มนอกจากนูนเญซที่ดื้อไปนิดหน่อยช่วงท้าย หรือควอนซาห์ที่เกือบเสียฟาวล์ท้ายเกม จากจังหวะดึง แต่ไซม่อน ฮูเปอร์ไม่เป่า รอดไปแบบ 50-50 ไม่งั้นอาจจะมีผลกับความมั่นใจไปอีก
รวมๆ ถ้าไม่ตกหล่นอะไร มันเป็นวันที่ดีของทีม และของอะคาเดมีด้วย
แถมท้าย ผมชอบการตอบของอาร์เน่อที่ยอมรับว่าไม่ได้จัดทีมที่ดีที่สุด ปกติเวลาลีก คัพ ผู้จัดการทีมทุกคนจะบอกว่าพยายามจัดทีมที่ดีที่สุด หรือพอจะชนะในเกมนั้นๆ แม้แต่เจอร์เก้น คล็อปป์
แต่อาร์เน่อบอกว่าเราจะมีทีมที่ดีกว่าคืนนี้ ไม่อย่างนั้นทุกสัปดาห์ผมคงตัดสินใจผิด! คือเขาบอกว่ามันเป็นไปได้ และไว้ใจนักเตะชุดนี้ แต่มันก็ชัดเจนอย่างที่เราหรือคนทั้งโลกเห็นว่ารายการนี้ มันจำเป็นต้องลองทีม และเสี่ยงอยู่บ้าง
อาร์เซนอลที่ชนะพาเลซในวันเดียวกันก็จัดใหญ่จัดเต็มไม่น้อย ถ้ามองในแง่ความสำเร็จ ถ้าตัดปืนออกไปได้คงเป็นเรื่องที่ดี แต่ในทางกลับกัน ถ้าคิดถึงการแข่งขันแย่งแชมป์พรีเมียร์ลีก ให้ทีมของอาร์เตต้ามีอีก 2 นัดเพิ่มเท่ากับเราคงเป็นการแข่งขันที่แฟร์
ไม่ว่าสเปอร์สหรือแมนฯ ยูไนเต็ดผ่านเข้ามาในวันพฤหัสบดี รวมกับอาร์เซนอล และนิวคาสเซิล ยังไงก็จะมีเกมที่น่าสนใจแน่ๆ ในรอบรองชนะเลิศ หรือแม้แต่มองไปถึงนัดชิงชนะเลิศ
ครึ่งหลังเซาท์แฮมป์ตันสร้างงานหนัก และให้บททดสอบที่ดีกับเหล่าตัวสำรอง หรือนักเตะที่ได้โอกาสเรียกความฟิต ความมั่นใจ และอีกสองเกมเป็นอย่างน้อยที่เพิ่มขึ้น ก็จะเป็นโอกาสดีๆ แบบนี้
If I play with all the regular starters that we have a better team than we have tonight otherwise I make every week the wrong decision.
เกมแบบนี้นี่แหล่ะ จะเป็นโอกาสให้อาร์เน่อได้เห็นได้เลือก ทีมที่ดีกว่าอย่างที่บอกในการลงเล่นทุกๆ สัปดาห์ ที่ทุกคนรู้ดีว่าหมายถึงการลงเล่นรายการไหนที่สำคัญที่สุดในใจแฟนบอลหงส์แดงทุกคนเวลานี้...
จินตะปัญญา
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
