19 ธ.ค. เวลา 09:40 • ข่าว

สสส. เดินหน้าวันสต็อปเซอร์วิส จับมือองค์กรท้องถิ่น เร่งป้องกันปัญหาท้องไม่พร้อม

รองนายกฯ “ประเสริฐ” ประชุมคณะกรรมการป้องกันและแก้ปัญหาท้องในวัยรุ่น หนุน คณะอนุกรรมการ ฯ ระดับจังหวัด มุ่งดึงทุกภาคส่วน ร่วมคลี่คลายป้องกันปัญหา โดยเฉพาะในกลุ่มอายุต่ำกว่า 14 ปี ขณะที่กรมอนามัยเผยข้อมูลวัยรุ่นปรึกษาสายด่วนท้องไม่พร้อมผ่านช่องทางออนไลน์สายด่วน 1663 วันละ 128 ราย ด้วยปัญหาท้องไม่พร้อม
เมื่อวันที่ 18 ธ.ค. ที่กระทรวงสาธารณสุข นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการป้องกันและแก้ไขปัญหาการตั้งครรภ์ในวัยรุ่น ครั้งที่ 2/2567 โดยมี นายเดชอิศม์ ขาวทอง รมช.สาธารณสุข พญ.อัมพร เบญจพลพิทักษ์ อธิบดีกรมอนามัย
พร้อมด้วย ผู้แทนกระทรวงและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) กระทรวงมหาดไทย กระทรวงแรงงาน กระทรวงยุติธรรม และสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) เข้าร่วมประชุม
นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการป้องกันและแก้ไขปัญหาการตั้งครรภ์ในวัยรุ่น
นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการป้องกันและแก้ไขปัญหาการตั้งครรภ์ในวัยรุ่น กล่าวระหว่างการประชุมคณะกรรมการฯ ครั้งที่ 2/2567 ว่าการดำเนินการป้องกันและแก้ไขปัญหาการตั้งครรภ์ในวัยรุ่นเป็นเรื่องที่รัฐบาลให้ความสำคัญอย่างมาก
เพราะเด็กวัยเรียน วัยรุ่น ถือเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาประเทศทั้งในปัจจุบันและอนาคต การดำเนินงานเพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาการตั้งครรภ์ในวัยรุ่น ตั้งแต่ พ.ศ. 2560 หน่วยงานภาคีเครือข่ายร่วมกันจัดทำแผนยุทธศาสตร์และแผนปฏิบัติการฯ และขับเคลื่อนการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง จนสามารถลดอัตราคลอดในวัยรุ่นได้ตามเป้าหมาย
นายเดชอิศม์ ขาวทอง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข
ด้าน นายเดชอิศม์ ขาวทอง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า คณะกรรมการป้องกันและแก้ไขปัญหาการตั้งครรภ์ในวัยรุ่น มีการขับเคลื่อนกลไกการดำเนินงานระดับพื้นที่ผ่านคณะอนุกรรมการ ป้องกันและแก้ไขปัญหาการตั้งครรภ์ในวัยรุ่นระดับจังหวัดและกรุงเทพมหานคร โดยเน้นการมีส่วนร่วม ของภาคีเครือข่ายที่เกี่ยวข้องทุกภาคส่วนเพื่อร่วมกันคลี่คลายป้องกันและแก้ไขปัญหาการตั้งครรภ์ในวัยรุ่นอย่างเป็นรูปธรรม
โดยเฉพาะในกลุ่มต่ำกว่า 14 ปี เช่น การส่งเสริมความรอบรู้ด้านเพศวิถีศึกษาและทักษะชีวิต การเข้าถึงบริการสุขภาพทางเพศและอนามัยการเจริญพันธุ์ที่เป็นมิตรเพื่อลดปัญหาการตั้งครรภ์ในวัยรุ่น และป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ การจัดให้มีระบบดูแลช่วยเหลือ คุ้มครองนักเรียนที่ตั้งครรภ์ ให้ได้ รับการดูแลช่วยเหลือและคุ้มครองสิทธิด้านการศึกษาและสวัสดิการสังคมรอบด้าน
พญ.อัมพร เบญจพลพิทักษ์ อธิบดีกรมอนามัย
พญ.อัมพร กล่าวว่า พระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.)การป้องกันและแก้ไขปัญหาการตั้งครรภ์ในวัยรุ่น พ.ศ.2559 มีผลทำให้การขับเคลื่อนการป้องกันและแก้ไขปัญหาการตั้งครรภ์ในวัยรุ่นเป็นไปได้ดีขึ้น วัยรุ่นเข้าถึงบริการสุขภาพทางเพศและอนามัยการเจริญพันธุ์ที่เป็นมิตร โดยได้รับการปรึกษาเรื่องท้องไม่พร้อมผ่านช่องทางออนไลน์สายด่วนและเฟซบุ๊ก 1663 (มูลนิธิเข้าถึงเอดส์) รวมทั้งสิ้น 46,893 ราย (เฉลี่ย 128 ราย/วัน)
การจัดสวัสดิการสังคม พบว่าวัยรุ่นร้อยละ 96.3 ได้รับสวัสดิการเงินอุดหนุนเพื่อการเลี้ยงดูเด็กแรกเกิด ร้อยละ 90.4 มีความพึงพอใจต่อการได้รับสวัสดิการทางสังคม สภาเด็กและเยาวชนขับเคลื่อนกิจกรรมป้องกัน แก้ไข และเฝ้าระวังปัญหาการตั้งครรภ์ในวัยรุ่น 414 กิจกรรม
พญ.อัมพร กล่าวอีกว่า การคลอดของวัยรุ่นเริ่มนิ่งใน 1- 2 ปีที่ผ่านมา แต่ปี 2567 เพิ่มขึ้น หลักจุดทศนิยม ที่น่าจับตา คือแม่เด็กหญิงอายุ 10-14 ปีที่เพิ่มขึ้น มีการวิเคราะห์พบว่า มีตั้งแต่
1. ความไม่รู้ ไม่เข้าใจ ไม่ได้ป้องกัน ซึ่งต้องเพิ่มความรู้ตรงนี้
2. การถูกล่วงละเมิดทางเพศ
3. กลุ่มที่บอกว่ามีความพร้อม คือประสงค์ตั้งครรภ์ ครอบครัวยอมรับ
แต่เพราะเป็นเด็กไม่มีความพร้อมทางสุขภาพ และวุฒิภาวะ แทนที่จะเป็นเด็กหญิงแม่ แต่การศึกษายังสามารถพัฒนาชีวิตเขาได้มากกว่านี้ ดังนั้นเราต้องเดินหน้าชี้ให้เห็นถึงการชะลอการตั้งครรภ์ออกไปก่อน
ดังนั้นที่ประชุมมีการกำหนดแนวทางดังนี้
1. กำหนดให้มีการทำรายงานคลอดในวัยรุ่นที่มีความละเอียด มีข้อมูลที่ชัดเจนเพื่อให้เห็นภาพ
ดร.นพ.ไพโรจน์ เสาน่วม รองผู้จัดการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ และรักษาการผู้อำนวยการสำนักสนับสนุนการควบคุมปัจจัยเสี่ยงทางสุขภาพ (สสส.)
2. สสส. ให้การสนับสนุนศึกษาข้อมูลเหล่านี้ รวมถึงออกแบบการป้องกัน แก้ไขปัญหาแบบวันสต็อปเซอร์วิส ทั้งเรื่องสวัสดิการของรัฐ การส่งเสริมให้เข้าสู่การศึกษา วิชาชีพที่ตอบตอบโจทย์การใช้ชีวิต และการช่วยเหลือด้านต่างๆ เป็นต้น และเพื่อให้การทำงานได้เร็วขึ้น
จึงให้มีการทำเอ็มโอยูร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในการจัดทำวันสต็อปเซอร์วิสดังกล่าว ลงไปที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ซึ่งตอนนี้มีการฟอร์มทีม เร่งทำงานให้เห็นภาพความร่วมมือนี้ก่อนการประชุมครั้งต่อไปในเดือนมี.ค.2568 โดยจะมีการทำเป็นแซนบ็อกซ์ก่อนเพื่อให้เห็นภาพชัดเจน
โฆษณา