20 ธ.ค. เวลา 01:00 • กีฬา

ทำไม 3 นักเตะบุรีรัมย์ ออกจากแคมป์ทีมชาติไปช่วยสโมสร เราจะอธิบายแบบเข้าใจง่าย

3 นักเตะบุรีรัมย์ ออกจากแคมป์ทีมชาติ ไปช่วยสโมสรลงแข่งเอฟเอคัพ ทั้งๆ ที่เกมกับกัมพูชาจะเตะอยู่ใน 2 วันอยู่แล้ว เป็นดราม่าใหญ่ของฟุตบอลไทยวันนี้
เรื่องราวเป็นอย่างไร เราจะไปสรุปเหตุการณ์กันตั้งแต่แรก และมาคิดกันว่า เรื่องนี้ท้ายที่สุดแล้ว ใครเป็นคนผิดกันแน่ หรือไม่มีใครผิดเลย?
เพื่อความไม่สับสน อยากให้เห็นก่อน ว่าลำดับไทม์ไลน์ เป็นแบบนี้ครับ
17 ธันวาคม - ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา, พรรษา เหมวิบูลย์ และ เสกสรรค์ ราตรี สามนักเตะจากบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ลงเล่นในเกมที่ไทยชนะสิงคโปร์ 4-2 โดยศุภณัฏฐ์ กับ พรรษา เล่น 90 นาทีเต็ม ส่วนเสกสรรค์ เล่น 24 นาทีในฐานะตัวสำรอง
18 ธันวาคม - ทั้ง 3 คนนั้นกลับมาที่ไทย และบินต่อไปมหาสารคามทันที เพื่อไปเป็นตัวสำรอง ให้บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ลงแข่งขันกับทีมมหาสารคาม เอสบีที ในเอฟเอคัพ รอบ 32 ทีมสุดท้าย
19 ธันวาคม - ทั้ง 3 คนกลับมาที่กรุงเทพฯ เพื่อร่วมซ้อมรอบสุดท้าย ที่ราชมังคลากีฬาสถาน ก่อนแข่งกับกัมพูชา
เท่ากับว่า ใน 3 วัน ศุภณัฏฐ์, พรรษา และ เสกสรรค์ บินจากสิงคโปร์ > มหาสารคาม > กรุงเทพ เป็นการเดินทางที่สุดแสนทรหดมาก
คำถามที่แฟนบอลสงสัยคือ ทำไมทั้ง 3 คน ถึงออกจากแคมป์ทีมชาติได้ แล้วอิชิอิ ไม่ว่าอะไรหรอ? ที่ทั้ง 3 คนแยกตัวออกไปแบบนี้
รวมถึงตั้งคำถามกับบุรีรัมย์ด้วยว่า แค่เจอมหาสารคาม ใช้นักเตะที่มีอยู่ ก็ดีพอจะชนะสบายๆ แล้วหรือเปล่า คุณมีธีราทร, บิสโซลี่, ดิออน คูลส์, ศุภชัย ฯลฯ แค่นี้ก็ถือว่าน่าจะเอาอยู่นะ แล้วจะเรียก 3 นักเตะทีมชาติกลับไปทำไม
-----------------
[ คำถามที่ 1 - บุรีรัมย์เรียกตัวนักเตะกลับไปทำไม? ]
คำตอบคือ ทีมชุดใหญ่ของบุรีรัมย์ตอนนี้ มีนักเตะเหลือใน Squad แค่ 15 คนเท่านั้น (ตัวจริง 11 สำรอง 4) บางคนเจ็บ บางคนไม่พร้อม
ตามปกติแล้วในการแข่งอะไรก็ตาม ทีมควรใส่ผู้เล่นในซุ้มสำรองสัก 7 คน ว่ากันตรงๆ มีสำรอง 4 คนมันก็น้อยเกินไปจริงๆ
ปกติแล้วบุรีรัมย์ จะดึงเด็กจากชุด u-23 มาช่วย แต่รอบนี้ก็ไปดึงมาไม่ได้อีก เพราะทีม u-23 ติดโปรแกรมแข่งพอดี
ดังนั้นจึงมีผู้เล่นน้อยเกินไปในม้านั่งสำรอง สโมสรเลยมองว่า เอาแบงค์, พรรษา และ เสกสรรค์ มามีชื่อเป็นสำรองไว้ก่อนดีกว่า เผื่อมีเหตุฉุกเฉินจริงๆ จะได้ส่งลงไปแก้เกมได้
หรือถ้าเผื่อแจ๊กพอตแตก ต้องเล่น 120 นาทีขึ้นมา แล้วมีตัวเจ็บขึ้นมาแบบเซอร์ไพรส์จะได้มีอะไหล่ทางเลือกไว้ใช้งานตอนจำเป็นจริงๆ
แต่โชคดีที่เกมนี้บุรีรัมย์ถล่ม 5-0 สามนักเตะทีมชาติก็เลยไม่ต้องลงเล่นด้วย และสามารถบินกลับกรุงเทพฯ ได้โดยทันที
-----------------
[ คำถามที่ 2 - บุรีรัมย์ มีสิทธิ์ทำหรือไม่ ]
คำตอบคือ มี เพราะโปรแกรม AFF ไม่ได้อยู่ในฟีฟ่าเดย์ สโมสรจะปล่อย หรือไม่ปล่อยก็ได้ ต่างจากในช่วงฟีฟ่าเดย์ ที่ต้องโดนบังคับให้ปล่อยเท่านั้น
ความถูกใจเรื่องหนึ่ง แต่ถ้าถามว่าตามหลักการ บุรีรัมย์ทำได้ไหม คำตอบคือทำได้ โดยชอบธรรมด้วย
-----------------
[ คำถามที่ 3 - อิชิอิ รู้สึกอย่างไร? ]
คำตอบคือ "ไม่แฮปปี้" ผมอยู่ในห้องแถลงข่าววันนี้ด้วย นักข่าวจากไทยรัฐ และ ไทยพีบีเอส ถามเรื่องนี้สองรอบ จนอิชิอิก็ต้องตอบ เขาบอกว่า "เพราะเป็นความต้องการของสโมสร และสมาคมฯ ก็รับทราบ เลยจำเป็นต้องปล่อยตัวไป แต่ผมหวังว่าจะไม่เกิดเหตุการณ์แบบนี้อีก เพราะมันจะมีผลด้านลบกับทีม"
ในมุมของโค้ช นักเตะที่อยู่ในแคมป์ กำลังสู้ศึกกันอยู่ ไม่ควรเดินทางบินไปบินมาขนาดนั้น ร่างกายก็เหนื่อยล้าโดยใช่เหตุ
แล้วอีกอย่าง นักเตะคนอื่นๆ จะคิดอย่างไร ว่าระหว่างทำศึกอยู่แท้ๆ พวกเขาต้องอยู่ในโรงแรมโนโวเทล ที่รังสิตทุกๆ วัน แต่มี 3 คน แยกตัวกลับไปก่อนแบบนี้?
-----------------
เรื่องราวทั้งหมด มีแค่นี้ครับ ไม่ใช่เรื่องที่ซับซ้อนมาก
- มุมของสโมสร : มองว่า ถ้าเป็นฟีฟ่าเดย์ สโมสรไม่เคยปฏิเสธ แต่เมื่อมันไม่ได้อยู่ในฟีฟ่าเดย์ สโมสรก็สามารถดึงตัวกลับมาได้ไม่ใช่หรือ?
แล้วอีกอย่าง มันก็แค่นัดเดียวเอง ต่อให้ทั้ง 3 คนนั้น ไม่มีแรงลงให้ทีมชาติในเกมกับกัมพูชา แต่ทีมชาติไทย ก็เข้ารอบไปแล้วแน่ๆ ในฐานะแชมป์กลุ่ม A มันไม่ได้ส่งผลเสียอะไรขนาดนั้น
บุรีรัมย์เองก็คิดได้ ว่าเราอุตส่าห์ปล่อยให้ 3 คนนี้ มาช่วยชาติแล้ว ตั้งแต่แมตช์แรกที่เจอติมอร์เลยด้วยซ้ำ คราวนี้ ขอแค่นัดเดียวไม่ได้เลยหรือ? ทีสโมสรอื่น เขาไม่ปล่อยตั้งแต่แรก ไม่เห็นไปว่าฝ่ายนั้นมั่งเลย
- มุมของโค้ชทีมชาติ : ไม่อยากให้นักเตะออกจากแคมป์ และเดินทางไป-มา เยอะขนาดนั้น นักเตะเองก็จะกรอบ และมันจะส่งผลเสียต่อสปิริตทีมได้ ทีมชาติไม่ใช่โรงแรมจะได้เดี๋ยวมาเดี๋ยวไป
แต่ละฝ่ายก็มีความเห็นของตัวเอง
ส่วนตัวความเห็นของผมนั้น คิดว่า บุรีรัมย์ก็ไม่น่าเรียกกลับมาหรอกครับ
ต่อให้มี ตัวจริง 11 สำรอง 4 ดูจากรายชื่อ ก็ดีเกินพอที่จะเอาชนะมหาสารคามได้อยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องมีแบงค์, พรรษา, เสกสรรค์ก็ได้
คุณอาจทำได้ตามกฎ และรู้สึกปลอดภัยที่มีสำรองครบ 7 ตัว แต่ก็ต้องยอมรับผลที่ตามมาด้วย ว่าอาจทำให้แฟนบอลส่วนหนึ่งผิดหวัง เพราะทุกคนอยากให้ 3 นักเตะ โดยเฉพาะแบงค์ ที่เล่นมา 90 นาทีเต็มๆ 3 แมตช์ติดต่อกัน ได้พักฟื้นร่างกายกันทั้งนั้น
ปัญหาของเรื่องนี้ ผมคิดว่า สมาคม "ไม่คุย" กับสโมสรให้เคลียร์ตั้งแต่แรก ถามให้ชัดเจนเลยว่า ถ้าเราเรียกนักเตะ A คนนี้มา จะใช้งานได้ครบทัวร์นาเมนต์หรือไม่ หรือว่าเกมไหนที่ลงไม่ได้
เมื่อได้ข้อมูลครบแล้ว สมาคมก็แจ้งอิชิอิ ว่าเงื่อนไขของนักเตะคนนี้ เป็นแบบนี้ เพื่อให้โค้ชเขาได้ตัดสินใจ ก่อนจะเรียกตัวมาเป็น 1 ใน 26 คนสุดท้าย
ถ้าหากคุยกันเรียบร้อย แล้วไปสื่อสารกับอิชิอิให้ชัดเจน ให้อิชิอิรับรู้ตั้งแต่ Day One เลยว่าคนนี้จะไม่อยู่ตอนนั้น ตอนนี้ ดราม่าเรื่องนี้ก็จะไม่เกิด
อิชิอิสามารถบอกนักข่าวได้ทันทีว่า "โค้ชกับสมาคมเราตกลงกันตั้งแต่แรกแล้ว" ไม่ใช่บอกว่า "โดนต้นสังกัดดึงตัวกลับไปโดยไม่ยินยอม" สองประโยคนี้ความรู้สึกต่างกันชัดเจน
โจนาธาร เข็มดี, กัมพล ปฐมอรรฆย์กุล, อภิสิทธิ โสรฎา ไม่ได้เล่นให้ทีมชาติ 1 นัด ในเกมกับติมอร์ เพราะราชบุรี เอฟซี มีโปรแกรมตกค้างอยู่ เคสนี้ราชบุรีก็แจ้งไว้ก่อน ก็ไม่มีดราม่าอะไร
ดังนั้น ถ้าจะให้ตำหนิสมาคมสักอย่าง ก็คือการไม่ชัดเจนตั้งแต่แรก และ "ไม่แข็งพอ" ที่จะปฏิเสธบุรีรัมย์
เท่าที่เห็น คือสมาคมขาด Negotiator ที่ดี ในการเจรจากับสโมสรต่างๆ การมีบุคลากรที่เจรจาได้ดี กับต้นสังกัดต่างๆ ก็เป็นเรื่องสำคัญมากๆ เช่นกัน
ดราม่าเรื่องนี้ บางคนอาจจะต่อว่าสมาคม บางคนอาจจะต่อว่าบุรีรัมย์ ก็แล้วแต่ดุลยพินิจครับ
แต่ทั้งหมดทั้งสิ้น ผมไม่อยากให้เราลืม "ผู้ร้ายที่แท้จริง" นั่นคือ โปรแกรมของ AFF
ด้วยโปรแกรม AFF ที่จัดโพล่งขึ้นมา ทุกๆ 2 ปี โดยไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น ว่ามันจะอยู่ในช่วงฟีฟ่าเดย์หรือไม่ ทำให้ทุกคนลำบากใจไปหมด
สิ่งที่ ทั้งโค้ช, สมาคม และ สโมสร เป็นเดือดร้อนอยู่ตอนนี้ เพราะ "โปรแกรม" ของ AFF มันผิดเพี้ยนแต่แรกอยู่แล้ว ทุกคนเลยต้องมาแก้ปัญหากันไป
โปรแกรมของ AFF บ้าขนาดไหน คิดดูว่า แชมป์ฟุตบอลโลกที่กาตาร์ (32 ทีม) กว่าอาร์เจนติน่าจะได้แชมป์ ต้องเล่น 7 นัด
แต่กับ AFF (10 ทีม) ถ้าคุณอยากได้แชมป์ ต้องเล่นถึง 8 นัด ไม่มีทัวร์นาเมนต์บอลภูมิภาคที่ไหนในโลก ที่ต้องเล่นถึง 8 นัดเพื่อตัดสินแชมป์แบบนี้
ตราบใดก็ตามที่ โปรแกรม AFF ไม่สามารถจัดแจงให้อยู่ในช่วงฟีฟ่าเดย์ได้ หรือ ไม่สามารถจับยัดไปอยู่ในช่วงที่ไม่ชนกับโปรแกรมลีก เราก็จะเจอปัญหาแบบนี้เรื่อยๆ ครับ
สรุปคือ ทุกๆ คน ทั้งอิชิอิ ทั้งสโมสร ทั้งสมาคม ต่างก็ต้องมาแก้ปัญหาที่ AFF มอบให้กันทั้งนั้น
คุณเอาโปรแกรมทีมชาติ 8 นัด มายัดใส่ช่วงนอกฟีฟ่าเดย์แบบนี้ ไม่มีทางหรอกครับ ที่ทุกอย่างจะผ่านไปราบรื่นตามที่ต้องการ
ดังนั้น นี่ไม่ใช่เวลาที่เราจะทะเลาะกันเองหรอกครับ เราจะมาทะเลาะกันในปัญหาที่ AFF สร้างขึ้นทำไม
1
และโฟกัสของเรา ควรสนใจที่คู่แข่งของเรา คือกัมพูชาในวันศุกร์นี้ และคู่ต่อสู้ รอบรอง กับ รอบชิงที่รออยู่ต่างหากล่ะครับ
เลือกศัตรูให้ถูกคนกันเถอะครับทุกคน ในยามศึกแบบนี้ ผมว่าเราอย่ามาโทษกันเองเลยเนอะ
1
โฆษณา