20 ธ.ค. เวลา 03:56 • ความคิดเห็น

บทเรียนจากหลานม่า

ข่าวดีล่าสุดและเป็นครั้งแรกของประเทศไทยที่หนังไทย “หลานม่า” ได้เข้ารอบ 15 เรื่องสุดท้ายของรางวัลออสการ์สาขาภาพยนตร์ต่างประเทศ ถ้าได้เข้าถึง 5 เรื่องสุดท้ายแล้วทั้งประเทศได้ลุ้นตอนประกาศรางวัลก็คงจะตื่นเต้นอยู่ไม่น้อย
ผมเพิ่งดูหนังเรื่องหลานม่าเป็นรอบที่สองเมื่อสามวันก่อนเพราะลูกสาวคนเล็กชวนดูใน netflix สำหรับเขาเป็นรอบที่สามแล้ว นอกจากเรื่องราวที่กินใจและทำออกมาได้ดีมากๆจนคนร้องไห้ด้วยความซาบซึ้งใจ รวมถึงลูกสาวคนเล็กผมที่ร้องไห้ทุกรอบที่ดู ก็ยังพาผมย้อนอดีตไปไกลโพ้นด้วยความคุ้นเคยด้วยความเป็นลูกหลานแต้จิ๋ว อาม่าขื่อติกก่อ เจี่ยะปึ่งบ๋วย แล้วใครพอพูดแต้จิ๋วเร็วๆใส่ก็จะปิดด้วยประโยคคลาสสิคว่าโอ่ยเทียโบ่ยต่า แล้วก็เดินยิ้มๆ หนีไป
1
สมัยเด็กๆก็ไปบ้านอาม่ากินข้าวครอบครัวใหญ่วันอาทิตย์ ภาพของฮวงซุ้ย อากาศร้อนๆ โปรยกระดาษสี เพลงอ่องกิมก๊อง กิมก๋องจ้อเหล่าเต ต่างๆ เหล่านี้ก็ทำให้ความทรงจำในวัยเยาว์ปรากฏมาชัดเจนขึ้น ยิ่งผมเป็นหลานคนโตของอาม่าและได้อยู่กับอาม่าในช่วงเรียนมหาวิทยาลัย ก็ยิ่งทำให้อินกับหนังเรื่องนี้เป็นการส่วนตัวขึ้นไปอีก จนคิดว่าเคลิ้มๆว่าตัวเองก็คือบิวกิ้นในหนังอยู่แว้บๆเหมือนกัน ส่วนลูกสาวคนเล็กนี่คือเรียกได้ว่าเป็นหนังที่รักที่สุดในชีวิตเลยก็ว่าได้
หลานม่าน่าจะเป็นหนังไทยที่ไปไกลและทำเงินในระดับโลกมากที่สุด ล่าสุดน่าจะทะลุสองพันล้านบาทแล้ว ด้วยเพราะไปสะกิดต่อมคนจีนโพ้นทะเลที่อยู่ตามประเทศต่างๆ และเรื่องราวที่ซาบซึ้ง ไปที่ไหนคนก็ร้องไห้น้ำหูน้ำตาไหลเต็มโรง ลูกสาวผมบอกว่าที่เมลเบิร์นนี่ยืนระยะฉายอยู่หลายเดือน
2
คนเอเชียที่โน่นไปดูกันแทบทุกคน คะแนนใน IMDB ได้สูงถึง 8.0 เวบมะเขือเน่านี่ได้ถึง 96% จะว่าไปก็ไม่น่าแปลกใจที่หลานม่าจะได้ลุ้นเข้าชิงออสการ์ปีนี้
ในหนังมีหลายตอนและหลายประโยคที่โดนใจ ต่างคนก็อาจจะโดนด้วยเหตุผลต่างกัน สำหรับผมที่ดูสามรอบก็มีอยู่หลายประโยค ประโยคแรกที่โดนสุดๆ ในฐานะคนที่มีลูกก็คือตอนที่อาม่านั่งอยู่หน้าบ้านมองส่งลูกชายคนเล็กที่มาเยี่ยม มาอ้อน ไถตังแล้วขี่มอเตอร์ไซด์จากไป
1
อาม่าบอกหลานว่า “อาโส่ยอ่ะ อีไม่มาน่ะดีที่สุด เพราะอีไม่มาก็แปลว่าอีสบายดี..”
1
ผมเองมีลูกสาวสองคนเรียนอยู่ต่างประเทศ ความรู้สึกก็เหมือนอาม่ามาก หลายครั้งที่ลูกสาวกำลังสนุกหรือเรียนหนักก็จะวุ่นๆ ไม่มีเวลาโทรมา หรือโทรไปก็คุยไม่ได้นาน ถามว่าคิดถึงหรือไม่ก็คิดถึง แต่ในใจกลับโล่งใจว่าเขากำลังเพลิดเพลินกับชีวิตมากกว่า เพราะช่วงที่โทรมาติดๆกันมักจะมีทุกข์ มีปัญหามาให้ช่วยแก้ ถึงแม้เราได้คุยบ่อยๆนานๆแต่ก็กลับรู้สึกว่าไม่ค่อยโทรมาจะเป็นช่วงเวลาที่ผมสบายใจมากกว่า
“ลี่อี้ซิงเปิ่ง” ประโยคที่สอง เป็นประโยคที่อาม่าพูดตอนอยู่โรงพยาบาลแล้วหลานชายหลอกว่าไม่ต้องทำคีโม แต่จริงๆคือร่างกายไม่ตอบสนองตามอาการ อาม่าดูออกแล้วก็พูดประโยคนี้ ซึ่งลูกสาวแปลทั้งน้ำตาว่าคือ ข้าวสารกลายเป็นข้าวสุกแล้ว สิ่งที่เกิดขึ้นมาก็ย้อนกลับไปไม่ได้แล้ว และอาม่าก็แตะไหล่จับมือหลายชายอย่างยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้น เป็นประโยคที่เป็นสัจธรรมของชีวิตมากๆ
1
ประโยคที่สามอยู่ช่วงตอนท้ายของหนัง อาม่าบอกลูกสาวที่ยังอยู่ดูแล อดทนและรักอาม่ามาตลอดแต่ก็มีแอบบ่นน้อยใจเล็กๆ บ้าง อาม่าบอกว่าเอ็มถามว่ารักใครมากที่สุด อาม่าบอกว่า กูก็ไม่รู้ แต่กูน่ะอยากอยู่กับมึงมากที่สุดเลยนะ…. เป็นการบอกรักลูกสาวแบบคนจีนที่ไม่ได้ถูกสอนมาให้แสดงความรัก บอกรักกันตรงๆ แบบฝรั่ง
2
ดูแล้วก็คิดถึงอาม่าผมที่เหมือนคนจีนทั่วไปที่เป็นธรรมเนียมที่จะให้ความสำคัญกับลูกชายเพราะเป็นผู้สืบทอดตระกูลมากกว่าลูกสาว แต่ผมจำได้ว่าตอนอาม่าเริ่มป่วยแล้วผมเพิ่งมีลูกสาวตัวเล็กๆ อาม่าเคยบอกว่า มีลูกสาวดีกว่านะเพราะลูกสาวอยู่กับเรา ลูกชายมาแล้วก็ไป ฟังประโยคนี้แล้วก็นึกถึงอาม่าผมในวันนั้นเหมือนกัน
2
ผมถามลูกสาวคนเล็กผู้ที่อินกับหนังเรื่องนี้มากๆ ว่าชอบตอนไหน ชอบประโยคไหนสุด เขาบอกว่าชอบตอนที่เอ็ม หลานอาม่ามาหาที่บ้านพักคนชราเพื่อมารับอาม่ากลับบ้าน เขาบอกว่าเป็นการเปิดและขมวดปม สรุปเรื่องราวของหลานม่าได้อย่างครบถ้วน
2
ตั้งแต่ประโยคแรกที่อาม่านอนอยู่แล้วหันมาเห็นหลาน เอ็มบอกว่าชิเชาะเองม่า ก็คือคำที่อาม่าด่าเอ็มตอนแรกๆ ว่าไม่ได้เรื่อง แล้วอาม่าทักตามธรรมเนียมคนจีนว่ากินอะไรมาหรือยัง แล้วเอ็มก็เปิดกระดุมเม็ดสุดท้ายที่เสื้อให้ตามที่อาม่าชอบ ก่อนที่อาม่าจะแซวหลานว่า.. กำลังอยากโชว์หวิวอยู่พอดีเลย… เป็นมุกระหว่างอาม่ากะหลานที่รู้กันสองคน ใครยังไม่เสียน้ำตามาทั้งเรื่องก็จะเสียตรงนี้แน่ๆ
พี่เก่ง จิระ มะลิกุล ปรมาจารย์แห่งวงการภาพยนตร์ไทยและ ครูใหญ่แห่ง GDH บริษัทที่สร้างหนังเรื่องนี้ เคยเล่าให้นักเรียนฟังตอนบรรยายเรื่องภาพยนตร์ให้นักเรียน abc ไว้ว่าการทำงานของหนังดีๆนั้นในระดับแรกๆ คือดูแล้วสนุกเพลิดเพลินตลอดทั้งเรื่อง บทไหลลื่น ระดับที่สองคือดูแลก็ได้คิดได้บทเรียนไปด้วย แต่ระดับที่สามนั้นคือดูแล้วเปลี่ยนความคิด เปลี่ยนมุมมองต่อชีวิตไปตลอดกาล
1
สำหรับหลานม่านั้นผมคงอยู่ในระดับสอง แต่ที่ดีใจมากๆ ก็คือหนังเรื่องนี้ดูจะมีผลอย่างมากต่อวิธีคิดและมุมมองชีวิตของ เมนิ ลูกสาวคนเล็กผมอย่างนึกไม่ถึง ทั้งที่เขาเองก็เป็นเด็กที่ไม่ได้โตในสภาพแวดล้อมแบบนั้นเท่าไหร่ น่าจะเป็นหนังที่มีผลต่อเขาอย่างมาก
หลานม่าจะได้ออสการ์หรือไม่ แต่ก็ได้รางวัลใหญ่ที่สุดสำหรับผมไปแล้วล่ะครับ…
1
โฆษณา