20 ธ.ค. เวลา 07:02 • หุ้น & เศรษฐกิจ

เช็คฟอร์ม 11 หุ้นเข้าตา ถูกอัพ ESG Rating แถมมีปัจจัยหนุน

ช่วงที่ผ่านมาตลาดหลักทรัพย์ฯ เปิดเผยผลการประเมินหุ้นยั่งยืนปี 2567 หรือ SET ESG Rating โดยมีบริษัทจดทะเบียนที่ได้รับการประเมินเป็นหุ้นยั่งยืนทั้งหมด 228 บริษัท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่ 191 บริษัท โดยมี 56 บริษัทได้ Rating AAA, 80 บริษัทได้ AA, 71 บริษัทได้ A และ 21 บริษัทได้ BBB
โดยจำนวนหุ้นยั่งยืนที่เพิ่มขึ้นจะยิ่งทำให้กองทุน TESG น่าสนใจมากขึ้น เพราะทางเลือกในการลงทุนมีจะมีมากขึ้นตามไปด้วย อีกทั้งยังเป็นบวกต่อหุ้นที่ได้รับการปรับเพิ่ม Rating เพราะจะมีโอกาสได้แรงหนุนจากเม็ดเงินลดหย่อนภาษีที่จะเข้ามาในช่วงปลายปีด้วย
ซึ่งนักวิเคราะห์ได้คัดเลือกหุ้นที่ถูกปรับเพิ่ม ESG Rating และน่าจะได้รับผลบวกจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐ รวมถึงมีแนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 4/67 ดี และได้ประโยชน์จากทิศทางดอกเบี้ยขาลง
บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด มองว่าการที่มีบริษัทได้รับการประเมินเป็นหุ้นยั่งยืนมากขึ้น จะช่วยเพิ่มทางเลือกในการลงทุนให้กับกองทุน TESG มากขึ้น โดยเฉพาะกองทุน Active Fund ที่มักจะไม่ได้เลือกหุ้นอิงไปกับ ดัชนี SETESG Index จึงถือเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้กองทุน TESG ประเภท Active Fund มีความน่าสนใจมากขึ้น สำหรับการลงทุนลดหย่อนภาษีในช่วงโค้งสุดท้ายของปีนี้
นอกจากนี้ ยังมองว่าบริษัทต่างๆ ที่ได้รับการปรับคะแนน ESG Rating ขึ้นจะได้รับปัจจัยหนุนเฉพาะตัวตามไปด้วย เนื่องจากมีโอกาสจะได้เม็ดเงินจากกองทุน Active Fund ที่กล่าวไปข้างต้น และหากเป็นหุ้นขนาดใหญ่ ก็มีโอกาสจะได้เม็ดเงินจากกองทุน Passive Fund ด้วยเช่นกัน เพราะตลาดหลักทรัพย์จะใช้ Rating ใหม่นี้สำหรับการประเมินดัชนี SETESG Index รอบครึ่งแรกปี 2568 พร้อมกับดัชนี SET50/SET100
ทั้งนี้ ในเชิงกลยุทธ์ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) เลือกหุ้นเด่นตามธีมการลงทุนในช่วงนี้ เช่น Domestic Play ที่ได้แรงหนุนจากการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล, กลุ่มท่องเที่ยวที่เข้าสู่ High Season, หุ้นที่คาดว่าผลประกอบการไตรมาส 4/67 เด่น และหุ้นกลุ่ม Yield Play ที่ยังได้ประโยชน์จากแนวโน้มดอกเบี้ยขาลง
สำหรับหุ้นแนะนำได้แก่ SAWAD (BBB เป็น AA) คาดจะกำไรสุทธิปี 67 ที่ 5,419 ล้านบาท โต 8.4% จากปีก่อน ให้คำแนะนำ "ซื้อ" ราคาเป้าหมาย 51 บาท
BBL (AA เป็น AAA) คาดจะมีกำไรสุทธิปี 67 ที่ 43,950 ล้านบาท โต 5.6% จากปีก่อน ให้คำแนะนำ "ซื้อ" ราคาเป้าหมาย 190 บาท
TTB (AA เป็น AAA) คาดจะมีกำไรสุทธิปี 67 ที่ 20,175 ล้านบาท โต 9.3% จากปีก่อน ให้คำแนะนำ "เก็งกำไร" ราคาเป้าหมาย 2.10 บาท
SYMC (No Rating เป็น BBB) คาดกำไรสุทธิปี 67 ที่ 275 ล้านบาท โต 21% จากปีก่อน ให้คำแนะนำ "ซื้อ" ราคาเป้าหมาย 12.70 บาท
INSET (No Rating เป็น BBB) คาดกำไรสุทธิปี 67 ที่ 90 ล้านบาท ลดลง 17.5% จากปีก่อน ให้คำแนะนำ "ซื้อ" ราคาเป้าหมาย 5.18 บาท
SHR (A เป็น AA) คาดกำไรสุทธิปี 67 ที่ 165 ล้านบาท โต 91.86% จากปีก่อน ให้คำแนะนำ "ซื้อ" ราคาเป้าหมาย 3.30 บาท
GPSC (AA เป็น AAA) คาดกำไรสุทธิปี 67 ที่ 3,694 ล้านบาท โต 314.59% จากปีก่อน ให้คำแนะนำ "ซื้อ" ราคาเป้าหมาย 50 บาท
GULF (AA เป็น AAA) คาดกำไรสุทธิปี 67 ที่ 18,195 ล้านบาท โต 22.46% จากปีก่อน ให้คำแนะนำ "เก็งกำไร" ราคาเป้าหมาย 63.75 บาท
SSP (No Rating เป็น AA) คาดกำไรสุทธิปี 67 ที่ 844 ล้านบาท โต 3.94% จากปีก่อน ให้คำแนะนำ "ซื้อ" ราคาเป้าหมาย 9 บาท
TEGH (No Rating เป็น AAA) คาดกำไรสุทธิปี 67 ที่ 523 ล้านบาท โต 143.26% จากปีก่อน ให้คำแนะนำ "ซื้อ" ราคาเป้าหมาย 5 บาท
และสุดท้าย TASCO (No Rating เป็น AA) คาดกำไรสุทธิปี 67 ที่ 1,902 ล้านบาท ลดลง 17.52% จากปีก่อน ให้คำแนะนำ "ซื้อ" ราคาเป้าหมาย 22.40 บาท
โฆษณา