“กองหุ้นสหรัฐ” โชว์ผลงาน 10 ปี “สุดปัง” แชมป์สูงสุดเฉลี่ย +9.30% ต่อปี
“กองหุ้นไทย” น่าผิดหวังเฉลี่ย +0.42% ต่อปี เท่านั้น ส่วน “ตลาดเกิดใหม่-จีน-อาเซียน” 3 ตลาด “สุดแป๊ก” ผลงานเฉลี่ยยังคง
สาระ Fund วันละนิด: วันนี้ จะพามาส่องผลงาน “กองทุนหุ้น” 11 ประเภท ในรอบ “ทศวรรษ” ที่ผ่านมากันบ้าง ที่บอกว่า การลงทุนระยะยาวใน “หุ้น” ให้ผลตอบแทนที่ดีกว่าการลงทุนประเภทอื่นโดยเปรียบเทียบนั้น
อาจจะ “ไม่จริงเสมอไป” ขึ้นกับช่วงเวลาที่ลงทุน สินทรัพย์ที่เลือกลงทุนด้วยเช่นกัน
และยังมีความเสี่ยงใน “การเลือกกองทุน” เข้ามาเกี่ยวข้องด้วยเช่นกัน
ในช่วง 10 ปี ที่ผ่านมา “กองหุ้นสหรัฐ” ให้ผลตอบแทนสูงสุดเฉลี่ย +9.30% ต่อปี ส่วน “กองหุ้นอาเซียน” ผลตอบแทนแย่สุดเฉลี่ย -4.58% ต่อปี
ทั้ง 11 “กองทุนหุ้น” ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมานั้น ผลงานแต่ละกลุ่มเป็นยังไงบ้างนั้น ทาง ‘Wealthy Thai’ สรุปเอาไว้ให้แล้ว ตามไปดูพร้อมๆ กันได้เลย
“กองหุ้นสหรัฐ” แชมป์ผลตอบแทนดีสุดรอบทศวรรษ โชว์ผลตอบแทนเฉลี่ยสูง +9.30% ต่อปี...ส่วน 3 ตลาด “หุ้นตลาดเกิดใหม่-หุ้นจีน-หุ้นอาเซียน” ผลตอบแทนยัง “ติดลบ”
.
สำหรับ “กองทุนหุ้น” ที่มีผลการดำเนินงานยาวเกิน 10 ปี นั้น มี 11 ประเภท ด้วยกัน สามารถทำผลตอบแทนย้อนหลัง 10 ปี (ข้อมูล ณ วันที่ 29 พ.ย. 24) เฉลี่ยเป็น “บวก” ได้ 8 ประเภท คิดเป็น 73% ส่วนอีก 3 ประเภท ผลตอบแทนเฉลี่ยยังคง “ติดลบ” ประกอบด้วย
1) “กองหุ้นสหรัฐ” มี 9 กอง ทำผลตอบแทน 10 ปีได้สูงสุดเฉลี่ย +9.30% ต่อปี (ดีสุด +15.62% ต่อปี, แย่สุด +0.60% ต่อปี) และเป็นกลุ่มที่กองทุนทุกกองมีผลตอบแทนเป็น “บวก” ทั้ง 100%
- ดีสุด: “K-USXNDQ-A(D): กองทุนเปิดเค หุ้นยูเอส ดัชนีเอ็นดีคิว 100-A ชนิดจ่ายเงินปัน” ของบลจ.กสิกรไทย +15.62% ต่อปี
- ร่วงสุด: “KFUS-A: กองทุนเปิดกรุงศรียูเอสอิควิตี้-สะสมมูลค่า” ของบลจ.กรุงศรี +0.60% ต่อปี
2) “กองหุ้นญี่ปุ่น” มี 11 กอง ผลตอบแทน 10 ปี เฉลี่ย +6.51% ต่อปี (ดีสุด +9.29% ต่อปี, แย่สุด -0.40% ต่อปี) โดยมีกองทุน 91% ที่ผลตอบแทนเป็น “บวก” และมี 9% ที่ผลตอบแทนยัง “ติดลบ”
- ดีสุด: “ASP-NGF: กองทุนเปิดแอสเซทพลัสนิปปอนโกรท” ของบลจ.แอสเซท พลัส +9.29% ต่อปี
- ร่วงสุด: “B-NIPPON: กองทุนเปิดบัวหลวงหุ้นญี่ปุ่น” ของบลจ.บัวหลวง -0.40% ต่อปี
3) “กองหุ้นอินเดีย” มี 2 กอง ผลตอบแทน 10 ปี เฉลี่ย 6.43% ต่อปี ผลตอบแทนเป็น “บวก” 100%
- ดีสุด: “K-INDIA-A(D): กองทุนเปิดเค อินเดีย หุ้นทุน-A ชนิดจ่ายเงินปันผล” ของบลจ.กสิกรไทย +6.71% ต่อปี
- ร่วงสุด: “ABIG: กองทุนเปิด อเบอร์ดีน อินเดีย โกรท ฟันด์” ของบลจ.อเบอร์ดีน +6.15% ต่อปี
4) “กองหุ้นยุโรป” มี 13 กอง ทำผลตอบแทน 10 ปี เฉลี่ย +6.0% ต่อปี (ดีสุด +8.02 ต่อปี, แย่สุด +4.13% ต่อปี) โดยทุกกองมีผลตอบแทนเป็น “บวก” 100%
- ดีสุด: “KT-EUROSM: กองทุนเปิดเคแทม European Small Cap Equity” ของบลจ.กรุงไทย +8.02% ต่อปี
- ร่วงสุด: “ABEG: กองทุนเปิด อเบอร์ดีน ยูโรเปี้ยน ซัสเทนเนเบิล เอคควิตี้ ฟันด์” ของบลจ.อเบอร์ดีน +4.13% ต่อปี
5) “กองหุ้นสุขภาพ” มี 9 กอง ทำผลตอบแทน 10 ปี เฉลี่ย +4.20% ต่อปี (ดีสุด +5.58 ต่อปี, แย่สุด +3.00% ต่อปี) โดยทุกกองมีผลตอบแทนเป็น “บวก” 100%
- ดีสุด: “BCARE: กองทุนเปิดบัวหลวงโกลบอลเฮลธ์แคร์” ของบลจ.บัวหลวง +5.58% ต่อปี
- ร่วงสุด: “UGH: กองทุนเปิด ยูไนเต็ด โกลบอล เฮลท์แคร์ ฟันด์” ของบลจ.ยูโอบี +3.00% ต่อปี
6) “กองหุ้นโลก” มี 24 กอง ทำผลตอบแทน 10 ปี เฉลี่ย +4.19% ต่อปี (ดีสุด +9.26 ต่อปี, แย่สุด -10.70% ต่อปี) โดยมีกองทุน 92% ที่ผลตอบแทนเป็น “บวก” ในขณะที่อีก 8% ผลตอบแทนยังคง “ติดลบ”
- ดีสุด: “KT-FINANCE-A: กองทุนเปิดเคแทม เวิลด์ ไฟแนนเชียล เซอร์วิส ฟันด์” ของบลจ.กรุงไทย +9.26% ต่อปี
- ร่วงสุด: “I-10: กองทุนเปิดเอ็มเอฟซี อินเตอร์เนชั่นแนล เทน” ของบลจ.เอ็มเอฟซี -10.70% ต่อปี
7) “กองหุ้นเอเชียแปซิฟิก (ไม่รวมญี่ปุ่น)” มี 22 กอง ทำผลตอบแทน 10 ปี เฉลี่ย +1.11% ต่อปี (ดีสุด +5.44 ต่อปี, แย่สุด -4.01% ต่อปี) โดยมีกองทุน 82% ที่ผลตอบแทนเป็น “บวก” ในขณะที่อีก 18% ผลตอบแทนยังคง “ติดลบ”
- ดีสุด: “UOBSCI-N: กองทุนเปิด ยูโอบี สมาร์ท ไชน่า อินเดีย ชนิดไม่จ่ายเงินปันผล” ของบลจ.ยูโอบี +5.44% ต่อปี
- ร่วงสุด: “PRINCIPAL KEQ: กองทุนเปิดพรินซิเพิล เกาหลี อิควิตี้” ของบลจ.พรินซิเพิล -4.01% ต่อปี
8) “กองหุ้นไทย” มี 201 กอง ทำผลตอบแทน 10 ปี เฉลี่ย +0.42% ต่อปี (ดีสุด +5.61 ต่อปี, แย่สุด -5.49% ต่อปี) โดยมีกองทุน 61% ที่ผลตอบแทนเป็น “บวก” ในขณะที่อีก 39% ผลตอบแทนยังคง “ติดลบ”
- ดีสุด: “TSF-A: กองทุนเปิด ทิสโก้ สแตรทิจิก ฟันด์” ของบลจ.ทิสโก้ +5.61% ต่อปี
- ร่วงสุด: “ONE-MIDSMALL: กองทุนเปิด วรรณ มิด สมอล แค็ป หุ้นทุน” ของบลจ.วรรณ -5.49% ต่อปี
9) “กองหุ้นตลาดเกิดใหม่” มี 12 กอง ทำผลตอบแทน 10 ปี เฉลี่ย -0.67% ต่อปี (ดีสุด +1.60 ต่อปี, แย่สุด -4.21% ต่อปี) โดยมีกองทุน 42% ที่ผลตอบแทนเป็น “บวก” ในขณะที่ส่วนใหญ่ 58% ผลตอบแทนยังคง “ติดลบ”
- ดีสุด: “ES-EMEQ: กองทุนเปิดอีสท์สปริง Emerging Markets Equity Index” ของบลจ.อีสท์สปริง +1.60% ต่อปี
- ร่วงสุด: “TISCOLAF: กองทุนเปิด ทิสโก้ ละติน อเมริกา” ของบลจ.ทิสโก้ -4.21% ต่อปี
10) “กองหุ้นจีน” มี 14 กอง ทำผลตอบแทน 10 ปี เฉลี่ย -1.70% ต่อปี (ดีสุด +5.11 ต่อปี, แย่สุด -5.29% ต่อปี) โดยมีกองทุน 36% ที่ผลตอบแทนเป็น “บวก” ในขณะที่ส่วนใหญ่ 64% ผลตอบแทนยังคง “ติดลบ”
- ดีสุด: “UOBSGC: กองทุนเปิด ยูโอบี สมาร์ท เกรธเธอร์ ไชน่า” ของบลจ.ยูโอบี +5.11% ต่อปี
- ร่วงสุด: “ASP-CHINA: กองทุนเปิดแอสเซทพลัสไชน่า” ของบลจ.แอสเซท พลัส -5.29% ต่อปี
11) “กองหุ้นอาเซียน” มี 1 กอง ได้แก่ “I-ASEAN STAR 10: กองทุนเปิดเอ็มเอฟซี อินเตอร์เนชั่นแนล อาเซียน สตาร์ 10” ของบลจ.เอ็มเอฟซี ผลตอบแทน 10 ปีเฉลี่ยติดลบ -4.58% ต่อปี
สรุปผลงานช่วง 10 ปีที่ผ่านมานั้น “กองหุ้น” กลุ่มตลาดพัฒนาแล้ว กลับ Outperform กลุ่มหุ้นตลาดเกิดใหม่ ที่น่าผิดหวัง คือ “กองหุ้นไทย” ที่ผลตอบแทน 10 ปีที่ผ่านมาทำได้เพียง +0.42% ต่อปี เท่านั้น มองไปอีก 10 ปี ข้างหน้า “การเลือกตลาด” และ “การเลือกกองทุน” ยังคงสำคัญเพื่อโอกาสในการสร้างผลตอบแทนที่ดีอยู่นั่นเอง ดีสุด คือ “การจัดสรรเงินลงทุน” (Asset Allocation) นั่นเอง
ผลการดำเนินงานในอดีต มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต ผู้ลงทุนต้องทำความเข้าใจในลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยง ก่อนตัดสินใจลงทุน
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
