Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
เรื่องเล่าเมาเมาแมน
•
ติดตาม
21 ธ.ค. เวลา 08:00 • ข่าวรอบโลก
รัสเซียใช้ของแบบนี้เปลืองตาย ไม่คุ้มเลย….
ใครที่เห็นภาพการโจมตีของรัสเซียมาสองเกือบสามปี
แล้วเทียบกับผลงานของอิสราเอล เราจะเห็นความแตกต่าง
มากพอสมควร ถึงผลของการโจมตี
โดยเฉพาะพวกขีปนาวุธร่อนจากเครื่องบิน
ที่รัสเซียโม้นักหนาว่าเจ๋งอย่าง Kinzhal และ Avangard
ผลของการโจมตีของรัส มักสร้างความเสียหายได้
“ไม่มากเท่าที่ควร” แม้จะรอดระบบปัองกันเข้าไปได้ก็ตาม
ที่ชัดเจนคือ Kinzhal , Avangard มีทั้งโดนสอยร่วง
ไม่สมราคาคุย และไอ้ที่เข้าเป้า ก็ไม่สามารถทำลาย
เป้าหมายได้ตามที่ต้องการ
คือ เข้าเป้านั่นแหละ แต่มันมักจะไม่ส่งผลกับเป้าหมาย
ในระดับที่ทำให้มันใช้งานไม่ได้อีก หนักไปทางระเบิดไฟไหม้
คนตายมากกว่าที่จะทำลายเป้าหมาย ให้หมดสภาพได้จริงๆ
ทีนี้เราลองหันไปดูทางอิสราเอลบ้าง
ค่อนข้างชัดเจนว่าให้ผลที่แตกต่าง คือ ตูมเดียวตึกถล่มลงเลย
อิสราเอลนั้น ชอบที่จะเอาภาพจากกล้องติดจรวดมาเผยแพร่
2
และผลของมันจากคลิปที่ถ่ายโดยคนพื้นที่ ทั้งในปาเลสไตน์
เลบานอน เราก็จะเห็นจริงๆ ว่าผลของขีปนาวุธอิสราเอลนั้น
“ดูเหมือน” จะรุนแรงกว่าของรัสเซีย
…มันมักไม่มีการระเบิดไฟลุกท่วมแบบของรัสเซียมากนัก
นอกจากเป็นการโจมตีคลังแสง หรือคลังน้ำมัน….
…แต่ตึกหรือสิ่งก่อสร้างที่เป็นเป้าเป้าโดนยิง
มักจะพังลงอย่างราบคาบ ภายในนัดเดียว ….
…คำถามคือ จรวดอิสราเอลนั้น รุนแรงกว่ารัสเซียงั้นเหรอ…
…ซึ่งตอบได้เลยว่า “ไม่ใช่” ในทางเทคนิค ทั้งจากขนาด
และความเร็วแล้ว ต้องบอกว่า ของรัสเซียนั้นรุนแรงกว่ามาก…
ปัญหาของรัสเซียที่ทำไม่ได้แบบอิสราเอล คือ ความแม่นยำ
เราจะเห็นว่า เวลาทางรัสเซียเอาภาพความรุนแรง
ของอาวุธพวกเขามาโชว์ผ่านสื่อของตน
มันจะหนักไปทางไฟลุก หรือหลุมขนาดใหญ่ตามพื้นดิน
นั่นยืนยันได้อย่างดี ว่าอาวุธรัสเซียนั้นรุนแรงมาก
นั่นอาจได้ผลดี ถ้าคุณจะบอมบ์เมืองชนบทในยูเครน
เพราะในเมืองหนาวนั้น บ้านพักอาศัย นิยมใช้ไม้
หรือโครงสร้างเบา ซึ่งทนไม่ได้ทั้งไฟ และแรงระเบิด
แต่กับอาคาร และสิ่งก่อสร้างขนาดใหญ่ ที่เป็นโครงสร้าง
เหล็ก หรือคอนกรีตเสริมเหล็กนั้น เป็นอีกเรื่องหนึ่ง
พวกมันจะมีความทนทานมาก ถ้าการโจมตี ไม่ถูกจุด
ของโครงสร้าง สิ่งที่จะได้คือความเสียหายของ cladding
และข้าวของต่างๆ เท่านั้น แต่มันจะไม่ทำให้อาคารพังได้
และจุดยุทธศาสตร์เป้าหมายของรัสเซีย ที่ยูเครนใช้ทำการ
มันก็เป็นอาคารในลักษณะนี้ทั้งนั้น
…แรงระเบิดที่มาก จะต้องมากจริงๆ ถึงจะทำลายอาคาร
พวกนี้ได้ ในกรณีว่าโจมตีได้ไม่ถูกจุดโครงสร้าง…
…เราจะเห็นว่าได้ว่า อาคารคอนกรีตเสริมเหล็ก
ในฮิโรชิม่า มันไม่ได้พังไปกับนิวเคลียร์ทั้งหมด
มันยังคงตั้งโครงสร้างอยู่ได้ ทั้งที่โดนแบบเผาขน
แม้นั่นจะเป็นเทคโนโลยีการก่อสร้างรุ่นเก่า
และเทคโนโลยีนิวเคลียร์เก่าก็ตาม…
…แต่ในปัจจุบัน อาวุธที่รัสเซียใช้ แม้จะรุนแรง แต่อย่าไรซะ
มันก็ไม่รุนแรงเท่าที่ฮิโรชิม่า และเทคโนโลยีก่อสร้าง
มันก็ดีขึ้นมาก สำหรับอาคารในยูเครน
…แล้วมันจะพังได้อย่างไร ?….
ในขณะที่ของอิสราเอลนั้น ถ้าเราดูหลักฐาน
หลายๆอย่างประกอบกัน
เราจะพบเลยว่า จรวดของพวกเขาไม่รุนแรงอะไรนัก
การระเบิดก็ไม่น่าตื่นตาเท่าของรัสเซีย
มีไฟ และคลื่นกระแทกค่อนข้างต่ำ
แต่ตึกหรือเป้าหมายนั้น พังได้แทบจะในลูกเดียวเสมอ
ช่วงแรกของสงครามในกาซ่า
ผมที่ทำงานด้านการก่อสร้างโดยตรง ยังเข้าใจว่า
มาตรฐานการก่อสร้างของพวกปาเลสไตน์นั้นต่ำรึเปล่า
มันถึงได้ทำให้ตึกพังง่ายเหลือเกิน…
แต่เมื่อไปดูข้อมูล อาคารใหญ่ๆในกาซ่านั้น
ผู้สร้างมักเป็นบริษัทของตะวันตกเอง ที่ชาติอาหรับรวยๆ
จ้างมาสร้างช่วยชาวปาเลสไตน์
บางแห่ง พวกโรงเรียน โรงพยาบาล ก็เป็นสหประชาชาติ
ที่เข้ามาสร้าง มันจึงเป็นแบบวิศวกรรมโครงสร้าง
ที่ได้มาตรฐานอย่างแน่นอน ไม่ใช่ว่าจะพังง่ายๆ
1
มันชัดเจนขึ้น เมื่ออิสราเอลโจมตีเลบานอน
เพราะอาคารในเลบานอนส่วนมาก มีการก่อสร้างที่ดี
แต่ก็ยังพังภายในนัดเดียว หรืออย่างมากไม่เกินสาม
ในการโจมตีของอิสราเอล
ความรุนแรงของระเบิด ดูจะไม่ใช่หัวใจของเรื่องนี้
ความสำเร็จของอิสราเอล คือ ความแม่นยำ
ที่สามารถกำหนดจุดที่เล็กๆ เพื่อการโจมตีโครงสร้างได้
1
เสาอาคารใหญ่ๆส่วนมาก ถ้าเป็นคอนกรีตเสริมเหล็ก
มันมักมีขนาดประมาณ 1 * 1 เมตร หรือกรณี่เป็นปล่อง
ก็จะไม่เกิน 3 เมตรต่อบล็อกแน่ๆ เป็นมาตรฐานทั่วโลก
และถ้าเป็นเหล็ก จะเล็กกว่านั้นอีก คือมันอาจมีขนาด
ราวๆ 50 เซนติเมตร ในลักษณะของเหล็ก wide flange
ร่วมกับปล่องกลางอาคาร ซึ่งอาคารหลังยุค 80
จะเป็นแบบนี้ซะเยอะที่สุด
…หมายความว่า อิสราเอล สามารถกำหนดเป้าหมายจรวด
ที่มีขนาดพื้นที่เพียง 0.5*0.5 เมตร เพื่อทำลายโครงสร้าง
ได้ จากระยะนับร้อยกิโลเมตร ซึ่งน่าทึ่งมาก…
ในการสังหารผู้นำฮามาสคาบ้านในอิหร่าน ก็แสดงให้เห็น
เข่นกัน เพราะมีการรายงานถึงจรวด ที่ลอดหน้าต่างเข้ามาได้
นี่ยิ่งแสดงถึงความแม่นยำแบบสุดๆ ของอิสราเอล
การทำลายตึกที่ก่อสร้างมาอย่างดี ไม่ใช่เรื่องยาก
แต่ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย
…มันไม่ใช่ถนนพระราม 2 ที่กระเทือนนิดเดียวก็ได้เรื่อง …
2
การทำลายตึก คุณจะต้องทำลายมันที่โครงสร้างหลักเท่านั้น
การโจมตีผนังตึก แล้วหวังให้แรงระเบิด ทำลายส่วนที่เหลือ
มันอาจทำได้ แต่ต้องมีความรุนแรงอย่างมาก
ซึ่งนั่นคือ เรากำลังพูดถึงความรุนแรงระดับนิวเคลียร์
และอาจต้องเป็นระดับนิวเคลียร์ทางยุทธศาสตร์ด้วย
แต่ถ้าคุณแม่นพอ ที่จะยิงตัดโครงสร้างหลัก
แบบที่อิสราเอลทำ ลูกเดียวมันก็เกินพอ ที่จะทำลาย
กรณีเครื่องบินชนตึกในเหตุการณ์ 9/11 นั้น ชัดเจน
มาก ในเรื่องนี้ เพราะแม้ไม่ใช่จรวดที่มีวัตถุระเบิดเลย
แต่การคำนวณจุดชนที่แม่นยำ และผลจากความร้อน
จากการเผาไหม้น้ำมันเครื่องบิน ที่มีต่อโครงสร้างเหล็ก
ที่จะโก่งตัว จนถึงจุดวิบัติของโครงสร้างได้
ทำให้มันประสบความสำเร็จ ในการปฏิบัติการ
…ปัจจุบัน การยิงผนังตึก หรือการปล่อยระเบิดที่มี
ความรุนแรงสูง ไปตกใกล้ๆตึกของรัสเซีย มันจึงไม่มีคุณค่า
อะไรเลย ถ้าเรามองในแง่เป้าหมายของการปฏิบัติการ
ที่ต้องการให้อาคาร สถานที่นั้นใช้ประโยชน์ไม่ได้อีก…
…มันออกจะเป็นความสิ้นเปลืองโดยใช่เหตุมากกว่า…
และคือเหตุผลหนึ่ง ที่สงครามไม่จบ ยูเครนไม่ยอมแพ้เสียที
ความจริง ถ้ารัสเซียทำได้แบบที่อิสราเอลทำ
การถล่มโรงไฟฟ้า หรือจุดยุทธศาสตร์ต่างๆ ของรัสเซีย
อย่างหนักขนาดนั้น มันคงทำให้สงครามจบไปนานแล้ว
ยูเครนจะรบต่อไม่ได้เลย ถ้าขาดของสิ่งเดียว คือไฟฟ้า
มันสำคัญ ทั้งกับการดำเนินการทางการทหาร
และประชาชนคงทนไม่ได้ มาจนถึงตอนนี้ ถ้าไม่มีไฟฟ้า
รัสเซียทราบดี ขีปนาวุธ จรวดสารพัดแบบ โดรน
ของรัสเซียนับหมื่นยูนิต ที่ประเคนใส่
มันก็มีเป้าหมายก็คือทำลายสิ่งเหล่านี้นั่นแหละ
แต่ด้วยทั้งการป้องกันได้ดีในระดับหนึ่ง และความไม่แม่น
ของรัสเซียเอง ทำให้มันไม่สามารถทำลายโครงสร้างพื้นฐาน
เหล่านี้ได้อย่างถาวร
สิ่งที่เป็น คือ รัสเซียก็โจมตีเข้านั่นแหละ ถ้าพูดถึงโรงไฟฟ้า
หรือสาธารณูปโภคน่ะนะ
แต่ปัญหาคือ มันมักเสียหายในระดับที่ซ่อมได้
มากกว่าที่จะหมดสภาพไปเลย…
…สภาพพลังงานในยูเครน จะมีลักษณะแบบ มาๆหายๆ
คือ ตอนโดนพังไปพักหนึ่ง ก็จะซ่อมจนใช้ได้ วนไปแบบนี้
สงครามมันไม่จบหรอก ถ้ากำลังบำรุงอีกฝ่าย มันเติมได้
ซ่อมได้เรื่อยๆ แบบนี้ ยูเครนจึงยื้อมาได้
พลังงาน สำคัญมากกว่าอาวุธเสียอีก ในสงครามลักษณะนี้
มันไม่ใช่สงครามในป่า ที่จะได้ซุ่มใช้อาวุธประจำกาย
ไล่ยิงกัน ที่จะต้องไม่ใช้ไฟฟ้า หรือแค่เครื่องปั่นไฟขนาดเล็กได้
ซึ่งถ้าเรามองไปทางยูเครน พวกเขากลับประสบความสำเร็จมากกว่า ในแง่การทำลายสาธารณูปโภคของรัสเซีย
การทำลายโรงกลั่นน้ำมัน โรงไฟฟ้า สถานีเรดาร์ของรัสเซีย
ตามแนวชายแดนตะวันตกของรัสเซีย ที่อยู่ในพิสัยของอาวุธที่รับมอบมาจนถึงจุดที่ซ่อมไม่ได้ มันคือเครื่องยืนยันเรื่องนี้ได้ดี
รัสเซียรู้หรือไม่ กับปัญหาเหล่านี้
คำตอบคือพวกเขารู้ดี แต่ทำอะไรไม่ได้มากนัก
ไม่ใช่รัสเซียไม่มีทรัพยากรบุคคลเก่งๆ ที่จะมาคำนวณวิถี
และจะที่ขีปนาวุธต้องตกใส่แล้วตึกพัง
รัสเซียมีมากมาย พวกเขามีวิศวกรเก่งๆเยอะมาก
ปัญหาคือ การออกแบบอาวุธของรัสเซีย
มันไม่ได้ตอบโจทย์ ปฏิบัติการในลักษณะนี้เลย
อาวุธรัสเซีย ถูกออกแบบบนปรัชญาว่าต้องแรง เร็ว
ยิ่งมายุคนี้ ความบ้าคลั่งเรื่อง hypersonic missile
ของปูติน ยิ่งซ้ำเติมให้มันแย่ลงไป
เพราะ ยิ่งเร็ว มันก็ยิ่งไม่แม่น มันเป็นกฎธรรมชาติอยู่แล้ว
บางครั้งที่ปูตินพูออกมา มันจึงน่าขำ ที่ฝืนกฎฟิสิกส์แบบนั้น
โอเคแหละ คำว่าแม่นของปูติน มันเป็นในลักษณะว่า
…ชั้นจะยิงเคียฟ มันก็ตกที่เคียฟแหละ หรือดีหน่อย
คืออาจระบุเป็นย่านๆได้ …
…หรือเอาประเมินแบบสูงสุดเลย คือแม่นในรัศมี 50 เมตร
ไม่ใช่ครึ่งเมตรตามมาตรฐานตะวันตก…
แต่ปัญหาคือ มันตูมวงกว้างแล้ว ไอ้ที่อยากทำลายจริงๆ
มันไม่ได้พังไปด้วยนี่สิ
แล้วถ้าแค่อาคารบนดิน ยังทำลายไม่ได้ หรือสิ้นเปลืองมาก
ในการทำลาย ไอ้พวกฐานทัพใต้ดินนี่ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเลย
…ด้วยเหตุนี้ รัสเซียจึงไม่มีอาวุธลักษณะทำลายบังเกอร์
ที่ดีพอ เพราะมันขาดความแม่นยำนั่นเอง…
และจุดอ่อนสำคัญอีกอย่าง
ที่เป็นปัญหาของรัสเซียมากๆมาตลอด
คือ การระบุเป้าหมายด้วยดาวเทียม ที่พวกเขามีน้อยเกินไป
และไม่แม่นยำนัก มันเลยเป็นข้อจำกัด ให้อาวุธที่ไม่แม่นอยู่แล้ว
มันไม่แม่นหนักเข้าไปอีก
…การโจมตีของรัสเซีย อาจสร้างข่าว สร้างความเสียหาย
ต่อชีวิตและทรัพย์สินของยูเครนได้ แต่ในแง่ยุทธศาสตร์
ต่อเป้าหมายสำคัญ มันค่อนข้างล้มเหลวอย่างสิ้นเชิงทีเดียว…
…ก็ได้อย่างเดียวแหละ คือผลทางจิตวิทยาต่อชาวยูเครน
มันคือการทำสงครามให้กลัวเสียมากกว่า….
ความแม่นยำ ไม่ว่ากับเรื่องอะไรก็เป็นสิ่งดี
ในสงครามยิ่งมีความสำคัญ และมันลดความสิ้นเปลืองได้มาก
ความแม่นยำ ชี้ขาดสงครามได้เลย ถ้ากำลังรบสูสี
กับกรณียูเครน ถ้าเรามองจำนวนจรวดนับหมื่นของรัสเซีย
กับจำนวนหลักร้อยของยูเครน มันคือสงครามอสมมาตรสุดๆ
มันยากที่จะเชื่อ ว่าสงครามมาถึงตรงนี้ได้
แต่ถ้ามองลึกลงไปในรายละเอียด
ว่ารัสเซียอาจต้องใช้หลายสิบ ทำในสิ่งที่จรวดยูเครน
ทำได้ในลูกเดียว ความอสมมาตรของสงคราม มันก็จะน้อยลง
และนั่นเป็นเหตุผลสำคัญ ที่ทำให้ยูเครนอยู่มาได้ถึงตอนนี้
ยิ่งตอนนี้ พวกเขามีโดรนสารพัดแบบเยอะมาก
ที่พร้อมใช้งาน มันยิ่งทำให้ความเสียเปรียบลดลง
…ถ้าทรัมป์ไม่ตัดจบ พวกเขาจะยื้อ และลากรัสเซียลงนรก
ไปด้วยแน่ๆ ไม่ว่ารัสเซียจะได้ห้าแคว้นหรือไม่ก็ตาม….
อาวุธ บางทีให้รวดเร็ว รุนแรง ทันสมัยแค่ไหน
มันก็สู้ความแม่นยำไม่ได้หรอก เรื่องนี้มีในประวัติศาสตร์
ในสมัยที่ปืนยังขาดความแม่นยำ ไร้เกลียวในลำกล้อง
และสะบัดแบบโคตรๆ แบบปืนคาบศิลา
เชื่อไหมว่า การซุ่มโจมตี ระยะไกลๆ มันจะต้องถูก
ทำด้วยอาวุธที่ล้าสมัยกว่านับพันปี อย่างหน้าไม้คันแข้ง
แบบยุโรป
….คือ หน้าไม้ที่ต้องใช้กว้านดึงสายน่ะครับ
มันบรรจุลูกได้ช้า เทอะทะก็จริง แต่รุนแรงไม่น้อยกว่าปืนเลย
มันเจาะทะลุเกราะยุโรปได้เลยจากระยะไกลพอสมควร
…ที่สำคัญคือมันหวังผลได้เพราะความแม่นยำในการสังหาร
ได้มากกว่าปืนสมัยนั้น
มันก็ไม่ต่างกับในยุคนี้ ตอนนี้หรอก
ถามว่าไฮเปอร์โซนิค มันยากเกินความสามารถ
ของประเทศที่เขาส่งจรวดเป็นว่าเล่น
แถมตอนจอดยังเอาเหล็กคีบได้ิงั้นเหรอ ถึงไม่ทำ
คำตอบคือ ให้เร็วน่ะไม่ยาก แต่มันไม่แม่น
เขาก็ไม่รู้จะทำไปทำไม เปลืองเปล่าๆ
แล้วถามใจปูตินดูจริงๆก็ได้ ถ้าให้เขาเลือกว่า
ไอ้ไฮเปอร์โซนิครัสเซียเนี่ย จะไม่เร็วมากขนาดที่ทำออกมา
แต่แม่นขึ้นแบบมากๆ แบบอิสราเอล เขาเอาไหม …
…เชื่อเถอะ ปูตินเอาครับ ช้าหน่อยแต่แม่นชัวร์เนี่ย…
ไอ้ที่เป็นอยู่ของรัสเซียเนี่ย เปลืองโดยใช่เหตุแท้ๆ เลย
เหมือนเอาง้าวไปวิ่งไล่ฟันไก่อ่ะนะ เดี๋ยวก็เหนื่อยตาย
เพราะไล่ไก่ไม่ทัน ส่วนอีอีกคนใช้แค่อีดาบก็เหลือเฟือ
1
การใช้อาวุธที่เกินจำเป็น แล้วไม่ได้ผลอย่างที่ต้องการ
…มันไม่ได้มีประโยชน์อะไรเลย นอกจากดูน่ากลัว
ไว้เอามาโม้ ก็แค่นั้นเอง 😅😅😅…
1
ข่าวรอบโลก
russia
บันทึก
13
4
2
13
4
2
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย