เมื่อวาน เวลา 06:09 • ความคิดเห็น
คำพูดนี้มันมีมายาวนาน ตั้งแต่บ้านเมือง เปินป่าเป็นดง จะไปไหนที ก็ต้องบุกป่าฝ่าดง ต้องใช้แรงกายคนบ้าง สัตว์บ้าง ผู้ที่ที่เค้าเกิดมาก่อน เค้าก็รู้จัก เรื่องราวต่างๆ ในดงในป่า ส่วนมากคำพูดเยี่ยงนี้ มักจะพูดกับคนใกล้ชิด ญาตสนิทให้ฟัง ในทำนองที่พูดถึง ผู้ที่เค้าเคยผ่านอะไรมามายในชีวิต ..เค้าไม่ได้พูดกันพร่ำเพรื่อ ..
เรื่องราวของป่าดงนั้น มันก็มีเสื่อสิงกระทิงแรด งูเงี้ยวเขี้ยวขอ..สิ่งที่เป็นพิษอะไรมากมาย ในป่าดง นั่นก็เรื่องในป่าที่คนจะเดินทางเจ้าป่า ผ่านป่าเค้าก็บอกกล่าว ..เรื่องในป่าดงให้ฟัง แล้วจะใช้สติปัญญาไหวพริบอย่างไร เตรียมตัวเตรียมใจ เตรียมพร้อมร่างกายและจิตใจ ที่จะเข้าป่า คนที่ไม่มีใคร แนะนำ ไม่มีใครบอกกล่าวเลย ..เค้าจะเตรียมพร้อมได้มั้ย หรือว่า จะไปหาประสบการณ์ในป่าเอง โดยไม่ต้องหาความรู้อะไรก่อนเข้าป่า นั้นเป็นเรื่องธรรมชาติของป่า
คราวนี้ มันก็มีป่าอีกอย่างหนึ่ง ป่าดงที่อยู่ในกายใจจิต ของคน ก็เป็นป่าใหญ่ อยู่ในกายนี้ มีอารมณ์ต่างๆมากมาย เสือสิง เก้งกวาง สัตว์เลื้อยคลานอีกมากมาย มีทั้งนางตัณหา นางอรดี พยามาร ..ภูตผีปีศาจ เปรตอสุรกาย มากมายในป่า ..ป่าทีจิตนั้น หลงเดินอยู่ในป่า วนเวียนหาทางออกไม่ได้เลย คราวนี้ เมื่อเรามีโอกาส พบเจอะเจอ ชี้ทางให่ออกจากป่าอารมณ์ทั้งหลายในเรือนกาย ก็เหมือนเราได้เจอะเจอผู้ที่ให้ปัญญา ชี้ทางให้เราเดินออกจาก เพราะเราก็หลงอยู่ในป่านี้
เกิดมาที่ไหร่ ก็หลงป่าในเรือนกาย ..เมื่อผู้ที่ท่าน เคยผ่านป่ามาก่อน ..เราก็นอบน้อม รับฟังด้วยจิต ด้วยเหตุผล เรื่องวิธีการที่ท่านชี้ทาง ให้จิตนั้นนำไปฝึกหัด ให้จิตนั้นมีพละกำลัง มีไหวพริบ มีสติปัญญา ที่จะแก้ไข คลี่คลายอุปสรรคต่างๆที่เกิดขึ้น ตลอดจนภูตผีปีศาจ ที่หลอกจิตให้หลงใหล สำหรับเราเรื่องป่าใหญ่ในกายในใจ นี้ มันเป็นเรื่องใหญ่ เมื่อได้พบเจอะเจอผู้ใหญ่ ที่ท่านบอกกล่าวเรื่องของป่าใหญ่ที่จิตนั่นหลง เราก็นอบน้อมในคำแนะนำของผู้ที่ท่านเมตตาแนะนำให้ เป็นครูยาอาจารย์ ที่เรานับถือ
เด็กคนไหน ออกมาร้องกระแว้ๆ ไม่มีผู้ที่เคยอาบน้ำร้อนมาก่อน มาช่วยอุปถัมภ์ค้ำชู สอนเรื่องนั้นเรื่องนี้ บอกกล่าว เหตุผลอะไรต่างให้ ให้ไปใคร่ครวญ ทบทวนพิจารณา ให้รู้จักจำ..บางเรื่องแม้ยังไม่เจอะเจอ เหมือนเด็กจะเอานิ้วมือไปจิ้มปลั๊กไฟ ผู้ใหญ่ก็ต้องห้าม บอกให้หยุด .แล้วเด็กมันรู้เรื่องเองได้มั่ย ว่าปลั๊กไฟ มันอันตรายถึงตาย
โฆษณา