เมื่อวาน เวลา 20:12 • ศิลปะ & ออกแบบ
สนามกอล์ฟเซอร์เจมส์ (forest Hill)

สนามกอล์ฟ เก้าหลุม ควรจะเริ่มต้นอย่างไร

สนามกอล์ฟมาตรฐาน 9 หลุม ควรมีลักษณะดังนี้:
1. จำนวนพาร์รวม:
มาตรฐานสนามกอล์ฟ 9 หลุมโดยทั่วไปจะมีพาร์รวมอยู่ที่ 34-36 พาร์ ต่อ 1 รอบ
(เมื่อรวมพาร์ทั้งหมดของ 9 หลุม)
2. อัตราส่วนของพาร์ในแต่ละหลุม:
พาร์ 3: ประมาณ 2-3 หลุม
พาร์ 4: ประมาณ 4-5 หลุม
พาร์ 5: ประมาณ 1-2 หลุม
(สนามอาจปรับเปลี่ยนตามพื้นที่และดีไซน์เฉพาะของสนาม)
3. ระยะทางรวม:
ระยะทางรวมของสนาม 9 หลุมสำหรับ ชาย (จากแท่นทีสีขาว) จะอยู่ที่ประมาณ 2,800–3,200 หลา
สำหรับ หญิง (จากแท่นทีสีแดง) จะสั้นลงเล็กน้อย อยู่ที่ประมาณ 2,400–2,600 หลา
4. ระยะเฉลี่ยของแต่ละพาร์:
พาร์ 3: ระยะประมาณ 100-200 หลา
พาร์ 4: ระยะประมาณ 250-400 หลา
พาร์ 5: ระยะประมาณ 450-550 หลา
ตัวอย่างการจัดพาร์ใน 9 หลุม:
รวม: พาร์ 36 ระยะรวมประมาณ 2,970 หลา
ทั้งนี้ การออกแบบขึ้นอยู่กับความเหมาะสมของพื้นที่และความตั้งใจในการสร้างสนามว่าจะให้ท้าทายหรือเหมาะสำหรับผู้เล่นระดับใดครับ
การสร้างสนามกอล์ฟมาตรฐาน 9 หลุมเป็นโครงการที่ต้องใช้เงินทุนและพื้นที่มาก รายละเอียดค่าใช้จ่ายและพื้นที่ที่ต้องใช้มีดังนี้:
---
1. พื้นที่ที่ต้องการ
พื้นที่ขั้นต่ำ: ประมาณ 50-75 ไร่
พื้นที่นี้รวมแฟร์เวย์ กรีน บ่อทราย น้ำ และสิ่งอำนวยความสะดวกพื้นฐาน เช่น คลับเฮาส์และที่จอดรถ
หากมีภูมิประเทศที่ซับซ้อน หรือเพิ่มองค์ประกอบด้านทิวทัศน์ อาจต้องใช้พื้นที่มากกว่า 100 ไร่
---
2. ค่าใช้จ่ายในการสร้างสนามกอล์ฟ 9 หลุม
1. ค่าที่ดิน (ถ้ามีการซื้อ)
ราคาแตกต่างตามพื้นที่ เช่น 500,000–5,000,000 บาท/ไร่ ในแต่ละภูมิภาคของประเทศไทย
2. ค่าออกแบบสนามกอล์ฟ
ว่าจ้างสถาปนิกสนามกอล์ฟ: 2–5 ล้านบาท
(ขึ้นอยู่กับชื่อเสียงของผู้ออกแบบและความซับซ้อนของดีไซน์)
3. ค่าปรับพื้นที่และก่อสร้าง
การปรับพื้นดิน, การสร้างแฟร์เวย์, กรีน, บ่อทราย, และแหล่งน้ำ: 20–50 ล้านบาท
Lay Out golf field
4. ค่าอุปกรณ์การปลูกหญ้าและการดูแล
ปลูกหญ้าบนแฟร์เวย์และกรีน: 10–15 ล้านบาท
หญ้าที่นิยมใช้: Bermuda หรือ Paspalum (ดูแลง่ายในสภาพอากาศไทย)
ระบบน้ำและการระบายน้ำ: 5–10 ล้านบาท
5. ค่าก่อสร้างสิ่งอำนวยความสะดวก
คลับเฮาส์ (อาคารเล็ก), ห้องน้ำ, ที่จอดรถ: 5–10 ล้านบาท
6. ค่าอุปกรณ์และเครื่องมือดูแลสนาม
รถตัดหญ้า, เครื่องฉีดน้ำ: 3–5 ล้านบาท
7. ค่าใบอนุญาตและภาษี
ใบอนุญาตก่อสร้าง, ภาษีธุรกิจ: 2–5 ล้านบาท
Example Player Scores
3. ค่าใช้จ่ายต่อเนื่อง (รายปี)
1. ค่าดูแลสนาม
ทีมงานดูแลสนาม (คนตัดหญ้า, ทีมช่าง): 1–3 ล้านบาท/ปี
ค่าวัสดุสิ้นเปลือง เช่น ปุ๋ย, สารกำจัดศัตรูพืช: 1–2 ล้านบาท/ปี
2. ค่าไฟฟ้าและระบบน้ำ
ค่าน้ำ (ระบบชลประทาน) และค่าไฟสำหรับปั๊มน้ำ: 500,000–1,000,000 บาท/ปี
---
สรุปงบประมาณเบื้องต้น
รวมงบก่อสร้างสนามกอล์ฟ 9 หลุม: 50–100 ล้านบาท (ไม่รวมค่าที่ดิน)
หากมีการตกแต่งภูมิทัศน์เพิ่มเติมหรือสร้างอาคารหรูหรา งบอาจเพิ่มถึง 150 ล้านบาท
---
ปัจจัยที่ส่งผลต่อค่าใช้จ่าย
1. ภูมิประเทศ
ถ้าพื้นที่เดิมราบเรียบ ค่าใช้จ่ายจะลดลง
ถ้ามีการปรับพื้นที่ใหญ่ เช่น ขุดบ่อน้ำ, สร้างเนิน ค่าใช้จ่ายจะเพิ่มขึ้น
2. การเลือกวัสดุและหญ้า
ใช้หญ้าคุณภาพสูง เช่น Bentgrass ในกรีน อาจมีราคาสูงขึ้น
3. การออกแบบและสิ่งอำนวยความสะดวก
สนามกอล์ฟที่มีดีไซน์พิเศษ เช่น มีอุปสรรคน้ำหรือบ่อทรายมาก จะใช้งบสูงกว่า
---
หากต้องการคำแนะนำเพิ่มเติมหรือข้อมูลเกี่ยวกับบริษัทที่รับออกแบบสนามกอล์ฟในประเทศไทย สามารถแจ้งเพิ่มเติมได้ครับ
การเลือกทำเลสำหรับสนามกอล์ฟ 9 หลุมควรพิจารณาจาก กลุ่มลูกค้าเป้าหมาย และความเหมาะสมของพื้นที่ที่ตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มลูกค้า โดยสามารถแบ่งกลุ่มลูกค้าที่สำคัญได้ดังนี้:
---
1. กลุ่มลูกค้าที่สำคัญ
1. นักกอล์ฟท้องถิ่น (Local Golfers)
กลุ่มนี้มักเป็นคนในพื้นที่ใกล้เคียง เช่น พนักงานบริษัท, ข้าราชการ, เจ้าของธุรกิจ
ชอบเล่นกอล์ฟเป็นประจำหรือในช่วงวันหยุด
ราคาและความสะดวกของสนามเป็นปัจจัยสำคัญ
2. นักท่องเที่ยวที่เล่นกอล์ฟ
เป็นกลุ่มที่เดินทางมาจากต่างจังหวัดหรือต่างประเทศ
สนใจสนามที่มีวิวสวย บริการครบวงจร เช่น สนามที่ใกล้แหล่งท่องเที่ยวหรือรีสอร์ท
มักมองหาประสบการณ์การเล่นกอล์ฟที่มีคุณภาพ
3. กลุ่มลูกค้ากลุ่มองค์กร (Corporate Clients)
บริษัทหรือองค์กรที่จัดกิจกรรมสำหรับพนักงาน เช่น กอล์ฟเพื่อสร้างความสัมพันธ์
สนใจสนามที่มีสิ่งอำนวยความสะดวก เช่น ห้องประชุม คลับเฮาส์ และพื้นที่รับรอง
4. กลุ่มผู้เริ่มต้นเล่นกอล์ฟ (Beginner Golfers)
สนใจสนามขนาดเล็กที่เป็นมิตรสำหรับผู้เริ่มต้น
สนาม 9 หลุมเหมาะสำหรับการเรียนรู้และฝึกฝน
---
2. ทำเลที่เหมาะสม
1. ใกล้ชุมชนเมืองขนาดกลางถึงใหญ่
ตัวอย่าง: เมืองที่มีเศรษฐกิจเติบโต เช่น นครปฐม, ชลบุรี, อยุธยา
ใกล้เขตนิคมอุตสาหกรรม หรือพื้นที่ที่มีฐานคนทำงาน
2. พื้นที่แหล่งท่องเที่ยว
ใกล้รีสอร์ทหรือสถานที่ท่องเที่ยว เช่น หัวหิน, เชียงใหม่, ภูเก็ต, กระบี่
ดึงดูดทั้งนักท่องเที่ยวชาวไทยและต่างชาติ
3. พื้นที่ติดถนนใหญ่หรือติดทางหลวง
สะดวกสำหรับการเดินทาง เช่น ใกล้สนามบินหรือสถานีรถไฟ
เพิ่มโอกาสดึงลูกค้าจากพื้นที่อื่น
4. ภูมิทัศน์สวยงาม
ใกล้ภูเขา แม่น้ำ หรือมีวิวธรรมชาติ
ช่วยสร้างความประทับใจและเพิ่มมูลค่าให้สนาม
---
3. ปัจจัยสำคัญที่ควรพิจารณาในการเลือกทำเล
1. กำลังซื้อในพื้นที่
ทำเลควรอยู่ในพื้นที่ที่มีกลุ่มลูกค้าระดับกลางถึงสูง
พิจารณาเศรษฐกิจและอาชีพในพื้นที่
2. การแข่งขันในพื้นที่
ศึกษาสนามกอล์ฟที่มีอยู่แล้วในบริเวณใกล้เคียง
หาจุดเด่นที่ทำให้สนามของคุณแตกต่าง
3. ความสะดวกในการเดินทาง
ทำเลที่เข้าถึงง่าย เช่น ใกล้ทางด่วนหรือสนามบิน
มีป้ายบอกทางและที่จอดรถเพียงพอ
4. การพัฒนาในอนาคต
พื้นที่ที่มีโครงการพัฒนา เช่น เขตเศรษฐกิจใหม่, นิคมอุตสาหกรรม
---
ตัวอย่างทำเลแนะนำในไทย
ชลบุรี/พัทยา: ใกล้นิคมอุตสาหกรรม มีนักท่องเที่ยวต่างชาติจำนวนมาก
เชียงใหม่: เมืองท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติ เหมาะสำหรับสนามที่มีวิวสวย
อยุธยา: ใกล้กรุงเทพฯ และเป็นจุดเชื่อมต่อสำหรับคนทำงาน
หัวหิน: แหล่งพักผ่อนยอดนิยม มีนักท่องเที่ยวตลอดทั้งปี
หากคุณต้องการเจาะจงทำเลเพิ่มเติมหรือข้อมูลเชิงลึกสำหรับพื้นที่เฉพาะ แจ้งรายละเอียดเพิ่มเติมได้ครับ
ขอบคุณภาพ Lay Out สนามกอล์ฟ จากอาจารย์ฟลุ๊ก และ ขอบคุณข้อมูลดีๆ จาก Chat GPT มากๆ ครับ
โฆษณา