วันนี้ เวลา 01:59 • ความคิดเห็น
เราไม่รู้ว่า เจ้าของกระทู้ต้องการจะสื่อหรือถามอะไร แต่เราขอตอบในมุมธุรกิจที่เรามองเห็น
โรงเรียนกำลังจะตาย เพราะเด็กเกิดน้อยลง รายได้น้อยลง แต่ถ้าจะยังคงความเป็นสถานที่สะอาด สวยงาม ใช้บุคลากรมากมาย ไม่ว่าจะเป็นภารโรงทำความสะอาด จัดสวน รวมถึงเจ้าหน้าที่ที่ดูแลเรื่องสถานที่ โต๊ะ เก้าอี้ อาคาร อุปกรณ์การเรียน ฝ่ายโสต คอมพิวเตอร์ ทุกอย่างเป็นเงิน ที่ต้องเลี้ยงดูโรงเรียน
ถ้าโรงเรียนไม่ได้รับเงินสนับสนุน โรงเรียนก็ต้องขึ้นราคา เพื่อให้เด็กจำนวนน้อยนิด จ่ายค่าใช้จ่ายมากมายในโรงเรียน โรงเรียนเอกชนที่แสนแพงอยู่รอด แต่โรงเรียนเอกชนที่พยายามควบคุมค่าเทอมให้ผู้ปกครองจ่ายไหว จะไปไม่รอด เพราะไม่ครอบคลุมค่าใช้จ่ายโรงเรียน
โรงเรียนจะกลายเป็นที่เรียนของคนรวย และ คนจนต้องเดินทางไกลมาก เพื่อไปเรียนโรงเรียนถูกๆ โรงเรียนใกล้บ้านจะค่อยๆตายลง เพราะไม่มีนักเรียน ทุกวันนี้บางโรงเรียนใหญ่โต มีนักเรียน อนุบาลถึง ป.6 ไม่ถึง 100 คน ห้องเรียนชั้นหนึ่ง มีนักเรียนไม่ถึง 20 แล้วเด็ก 20 จะเลี้ยงดูครูสอน 10 คน 10 วิชา คงไม่ได้ ครู 1 คน จึงเป็นครูสอนทุกวิชา ที่เราพูดถึง ไม่ใช่โรงเรียนบ้านนอก บนเขานะ แต่เป็นโรงเรียนในเมืองเนี่ยแหละ ปริมณฑลกรุงเทพนี่เอง
การศึกษาเดินหน้าและถอยหลังไปพร้อมกัน เด็ก 20 คนต่อห้อง จะได้รับดูแลดี ด้วยค่าเทอมเป็นแสน แต่ถูกสอนแค่พอรู้หนังสือ ตามที่กระทรวงศึกษากำหนดตามพื้นฐาน ในโรงเรียนวัด ทุกวันนี้บางวัด ในโรงเรียนชั้นประถมมีเด็กนักเรียนในห้อง 9 คน ไปเรียนบ้างไม่ไปบ้าง บางวันครูสอนนักเรียนไม่ถึง 5 คน
เด็กรุ่นใหม่จึงทั้งโง่ และฉลาด ต่างกันราวฟ้ากับเหว ช่องว่างทางการศึกษานำไปสู่ ช่องว่างทางฐานะที่จะห่างกันมากขึ้น
แล้วคนที่จบครู จะล้นตลาด เพราะไม่มีโรงเรียนเปิดรับครูรุ่นใหม่ ครูก็ต้องรับจ็อบสอนพิเศษ และ ทำอาชีพอื่นแทน ในขณะเดียวกันก็ขาดแคลนครูที่เป็นซุปเปอร์ครู ที่จะยอมเป็นครูสอนทุกวิชา ที่หนักหนาสาหัส เป็นครูที่ต้องทำทุกหน้าที่ในโรงเรียนที่ค่าจ้างแสนต่ำ
คำว่า แก๊งค์ เด็กนักเรียน คำนี้จะหายไปนะ เพราะคนเกิดน้อย จะรวมตัวเป็นแก๊งค์ ท่าจะยาก เด็กผู้ชายในโรงเรียนก็น้อย แถมเด็กชายแท้ ก็น้อยลงไปอีก ถ้าห้องหนึ่ง มีเด็ก 10 คน ญ.5 ช.5 จะเหลือชายแท้แค่ 1-2 คน ตั้งแก๊งไปตีกับห้องอื่นไม่ได้แล้ว จบ
โฆษณา