เมื่อวาน เวลา 04:51 • ความคิดเห็น
โลกมายา ให้เพียงแค่ อารมณ์ดีใจเสียใจ ชอบหรือไม่ชอบ
มองแต่ข้างนอก เราก็มองดูตัวเองไม่ออก ..เค้าจึงแนะบอกให้จับตนค้นตน ต้นในกายนี้ ที่มีอารมณ์ต่างๆ ทั้งดีไม่ดี อารมณ์ที่ปรุงแต่งกาย มีกายาวาจาใจ ..เช่น รู้ไม่พอใจ เผลอ พูดออกไป ..อารมณ์โมโหโกรธก็ไหลเข้า ..สติปัญญา..ที่ว่ารู้ดี ..รู้แล้ว ..กลับเสียที พูดไปตามอารมณ์ คล้องเวรคล้อง ..สิ่งที่พูดด้วยความไม่พอใจ ก็ไปเรียกร้อง ให้ตัวทิฐิเกิดขึ้น เมื่อทิฐิเกิดขึ้น ก็ไปดึงอารมณ์โมโห จูงกันมา สิ่งที่ได้นั้นก็คือกรรม บันทึกเก็บที่ไหน..เก็บที่ธาตุทั้งสี่ของตนเอง
คราวนี้ สิ่งไหนที่เป็นบวก ..ที่จะช่วยเหลือจิตได้ นั่นก็คือ การสร้างทาน สร้างกุศลขึ้นมา เพื่อที่จะทำให้กาย นั้นเป็นบุญ นำกายนี้ นำธาตทั้งสองพ่อแม่ มาสร้างบุญกุศล เกิดเป็นการตอบแทนพระคุณของธาตุพ่อแม่ที่ให้จิตอาสัย บุญที่เกิดขึ้นก็จะช่วยให้จิต ได้อาศัยในกายที่มีบุญ
..แล้วก็ช่วยเหลือจิต ให้สามารถใช้กายนี้ เรียนรู้จักอารมณ์กรรม ในตัวตนของตน ที่ต้องอาศัย ทำกายนิ่ง จิตเฉย .มีความขันติเกิดขึ้น ..เพื่อรู้จักสิ่งต่างที่ไหลเข้ามาในกาย ในธาตุทั้งสี่ ที่มีทั้งดีและไม่ดี .ที่เกิดขึ้นในกายนี้ จึงต้อง.ขจัดปลดเปลื้องทิ้งไป
..มองจ้างแต่ข้างนอก สิ่งที่ได้ ก็มีแต่อารมณ์กรรม มีอารมณ์โลภโลภโกรธหลง ที่ยึดวัตถุสิ่งของ เห็นเราก็ยึด ..เอามาคิดมานึก ..ให้เกิดอารมณ์ปรุงแต่งกาย ..ให้เกิดอารมณ์อุปโลกน์ดีใจเสียใจ ชอบหรือไม่ชอบ ตามที่อารมณ์ หรือ ที่เค้าว่า โลกอุปโลกน์ อารมณ์ดีใจหรือเสียใจให้
1
..อารมณ์ต่างๆที่เกิดขึ้น ในชีวิตที่กายก็เปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ ..ไปสู่สิ่งที่ว่า กายแก่ กายเจ็บ กายตาย ..เพลิดเพลินมองข้างนอก ..จนลืมสำรวจกายที่อาศัย .เผลอแป๊บเดียว .เอ้า..แก่แล้ว ความเจ็บป่วย ก็มาเตือนว่า ..ใกล้ตายแล้วน่ะ ..แล้วจิตนั้นได้อะไร ..ที่จะนำพาไปกับจิต ..เค้าว่าต้องทำก่อนกายนี้ จะหมดลม..
โฆษณา