7 ชั่วโมงที่แล้ว • หุ้น & เศรษฐกิจ
สำหรับหุ้นตัวนี้ ผมลังเลที่จะให้หมีหรือกระทิง เพราะผมมองไม่เห็น Downside ของมันไปมากกว่านี้แล้ว แต่ในขณะเดียวกัน ดูจากการที่บริษัทก็เข้าตลาดมานาน แต่ผลประกอบการก็ไม่ไปไหนเลย ก็ทำให้น่าคิดว่า นโยบายการทำธุรกิจของฝ่ายบริหาร อาจจะไม่ได้ active ไม่ได้สนุกในการทำธุรกิจอีกต่อไปแล้ว ไม่ได้อยากให้มันเติบโตไปมากกว่านี้อีกแล้วหรือป่าว
ผมก็คิดว่า มันก็ไม่ใช่ธุรกิจที่น่าลงทุนสักเท่าไรเช่นกัน
ในตลาดหุ้นไทย มีพวกหุ้นประเภท Deep Value แบบนี้อยู่บ้าง ที่ลองนำ Market Cap มาคำนวณรวมหนี้สิน และเงินสดแล้ว พบว่าหุ้นราคาถูกมาก
(จริง ๆ มุมมองการดู Deep Value ผมว่าเป็นศิลป์ที่ดูได้หลายแบบ อาจจะดูแค่ Balance Sheet หรือดูเทียบความสามารถในการสร้างกระแสเงินสดของกิจการก็ย่อมได้)
DDD ก็เป็นหนึ่งในนั้น ลองมาดู Enterprise Value กัน จะได้เท่ากับ -123.49 ล้านบาท
หรือก็คือ หุ้นตัวนี้มีมูลค่าถูกกว่าเงินสดที่ตัวเองมีอยู่เสียอีก ทำให้ถ้าเราคิดว่าเราเป็นคนที่จะ Takeover บริษัทนี้ ก็เท่ากับเรากำลังจะได้ของฟรีเลย พร้อมกับได้ส่วนต่างคือกระแสเงินสดอีกเป็นร้อยล้านบาท
ผมเข้าใจว่าทำไมถึงมีนักลงทุนไทยหลายคนยังเป็นแนว Deep Value แบบนี้กันอยู่ เพราะมันมองในเรื่องสินทรัพย์ที่ธุรกิจมี เอามาประเมิน Downside หรือเอามาช่วยคิดในการช่วยมองวัฏจักร หรือโอกาสจะ Turnaround ได้
ซึ่งส่วนตัวผมคิดว่า Playbook นี้ เหมือนเป็นการมองอดีต + สถานภาพในปัจจุบัน และไม่ได้คาดหวังอะไรในอนาคตมากนัก
ผมว่ามันก็คล้ายกันกับสูตรของ Graham ที่อยู่ในหนังสือ The Intelligent Investor เลย ที่เน้นสะสมหุ้นถูก ๆ มาเข้าพอร์ต แบ่งสัดส่วนเท่า ๆ กัน แน่นอนว่า อาจจะมีบางตัวที่มันห่วยแตกมาก ทำให้ราคาหุ้นไม่ได้ฟื้นตัวกลับมา และก็มีอีกบางส่วนที่ราคาปลดล็อคมูลค่า เราก็จะได้ผลตอบแทนค่อนข้างเยอะ ๆ
ทำตามระบบนี้ไปเรื่อย ๆ ผลตอบแทนที่ได้มา ก็ถือว่าโอเคเลย
แต่สูตรนี้ Graham มีหุ้นอยู่ในพอร์ตเยอะมากนะ เค้าไม่ได้ All In กับตัวใดตัวหนึ่ง
และเรื่องน่าตลกมากก็คือ แม้ Graham จะใช้สูตรนี้มาตลอดที่บริหารพอร์ตการลงทุน แต่กลับมีหุ้นอยู่ตัวนึงที่เค้าไม่ยอมขายออกไป เพราะชอบมันมาก ถือไว้ตลอดแม้ว่าราคาจะสะท้อนมูลค่าตามหลักการของเค้ามามากแล้วก็ตาม
หุ้นตัวนั้น กลับกลายเป็นว่า สามารถสร้างผลตอบแทนให้เค้าได้เยอะที่สุด เยอะกว่าผลตอบแทนทั้งชีวิตที่ Graham ทำได้จากในหลักการที่เขียนไว้ในหนังสือ The Intelligent Investor เสียอีก
หุ้นตัวนั้นคือ GEICO หุ้นเติบโตคุณภาพดี ที่ปัจจุบันเป็นของ Berkshire Hathaway..
เรื่องนี้สอนอะไรหรือ?
หุ้น Deep Value ก็ดีนะ ซื้อหุ้นที่มันถูกมาก ๆ Play Safe ดี ให้ผลตอบแทนที่ดีเลย
แต่มันเทียบกันไม่ได้กับการซื้อหุ้นของกิจการที่มีคุณภาพสูง ในราคาที่สมเหตุสมผล
ขนาดตัวปรมาจารย์อย่าง Graham ยังเจอเข้ากับตัวเลย 5555
คุณ Charlie Munger นี่ฉลาดมากจริง ๆ ที่มองทะลุเรื่องนี้ได้ และนำมาเปลี่ยนคุณ Buffett
ผมเข้าใจนะ นักลงทุนบางคนที่ผมเจอ ยังติดภาพกับการใช้วิธีแบบ Deep Value อยู่ เลยทำให้พลาดโอกาสซื้อหุ้นเติบโตคุณภาพดีไป เช่น COM7 XO KAMART SAPPE BOL SISB รวมถึงหุ้นเทคอเมริกาอีกหลายตัว
อาจจะเพราะประเมินคุณภาพธุรกิจไม่ออก มองการเติบโตไม่ออก เพราะมันต้องมองอย่างลึกซึ้ง ศึกษาตัวอย่างในอดีตมาพอสมควร และใช้ความจินตนาการพอตัวอยู่นะ ซึ่งผมว่ามันยากกว่าการหา Deep Value เสียอีก
เพราะหุ้นเติบโตพวกนี้ราคามันก็ไม่ได้ถือว่าถูก หากให้มองด้วยวิธีทั่ว ๆ ไป
แต่ข้อดีของหลักการ Deep Value ก็มีเหมือนกัน มันทำให้เราไม่ซื้อหุ้นมาในราคาแพงเกินไป มันจะช่วยจำกัด Downside เราไปมากเลย
แต่ข้อเสียก็คือ ผมว่าหุ้นบางตัว มันอาจจะถูกเรื้อรังไปตลอด เพราะมันอาจจะขึ้นอยู่กับอุตสาหกรรมของธุรกิจนั้น หรือขึ้นอยู่กับว่าผู้บริหารมุ่งมั่นจะทำธุรกิจแค่ไหน
ถ้าผู้บริหารไม่ได้มีใจมุ่งมั่นอีกแล้ว โอกาสจะปลดล็อคมูลค่ามันก็ยากครับ
ถ้าอยากจะปลดล็อคมูลค่า เราก็อาจจะต้องมีแบบ Activist Investor แต่หุ้นบางตัว กลุ่มเจ้าของเดิมถือหุ้นไว้เยอะมาก ก็ไม่มีทางเป็นไปได้เลยที่นักลงทุนส่วนน้อยจะไปกดดันฝ่ายบริหารได้
นี่ก็เลยเป็นข้อเสียหนึ่งที่ผมเห็น หากเราจะเล่นหุ้นแนวนี้ครับ
เลยเข้าใจได้ว่า ทำไม Graham ถึงถือหุ้นแบบนี้อยู่ในพอร์ตเยอะมาก ใช้แค่คณิตศาสตร์บวกกับลบทั่วไป ก็จบแล้ว
อย่างไรก็ตาม หุ้นแนวนี้ แม้มันจะมีเงินสดเยอะกว่า Market Cap เยอะแค่ไหน แต่นักลงทุนทั่ว ๆ ไปอย่างเรา ไม่มีอำนาจจะไปทำอะไรเลย ถ้าเราเข้าไปถือหุ้นไว้ ด้วยการมองโลกในแง่ดีแบบซื่อจนเกินไป เชื่อผู้บริหารที่อาจจะพูดจาหว่านล้อมเก่ง
แล้วคิดว่าสักวันมันคงจะปลดล็อคมูลค่าแหละ
แต่แล้ว มันก็อยู่ที่เดิม ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน
ผมว่ามันก็เป็นต้นทุนค่าเสียโอกาสที่สูงมากครับ
โฆษณา