22 ธ.ค. 2024 เวลา 12:00 • หุ้น & เศรษฐกิจ

เศรษฐกิจรัสเซียกำลังเข้าสู่ "กับดัก stagnation" อย่างไม่อาจย้อนกลับ

เศรษฐกิจของ Russia กำลังเผชิญกับความเสี่ยงที่จะหยุดชะงักภายในปี 2026 จากการใช้จ่ายมหาศาลในภาคกลาโหม ส่งผลกระทบต่อภาคส่วนอื่น ๆ ของประเทศ ตามรายงานของ Alexandra Prokopenko จาก Carnegie Politika
แม้ว่าผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ของรัสเซียคาดว่าจะเติบโตถึง 4% ในปีนี้ แต่ภาพลักษณ์ความแข็งแกร่งดังกล่าวอาจเป็นเพียงภาพลวงตา
Stagnation trap หรือ กับดักเศรษฐกิจชะงัก คือ ภาวะที่เศรษฐกิจหยุดเติบโตอย่างต่อเนื่องเป็นเวลานาน แม้จะไม่มีการถดถอยรุนแรง แต่เศรษฐกิจขยายตัวช้า กำลังการผลิตและการลงทุนต่ำ ส่งผลให้รายได้และมาตรฐานชีวิตของประชาชนไม่ดีขึ้น
🚨สาเหตุหลักของ stagnation trap:
- การใช้จ่ายไม่สมดุล: รัฐบาลทุ่มงบไปยังบางภาคส่วน เช่น กลาโหม แต่ภาคอื่น ๆ ได้รับงบประมาณน้อยลง
- เงินเฟ้อและหนี้สูง: ทำให้ประชาชนและธุรกิจมีกำลังซื้อลดลง
- ขาดแคลนแรงงานหรือทรัพยากร: ส่งผลให้การผลิตไม่สามารถขยายตัวได้
1
🚨ผลกระทบ:
- เศรษฐกิจซบเซา
- อัตราการว่างงานสูงขึ้น
- ขาดนวัตกรรมและการพัฒนา
🚨สัญญาณของความเปราะบาง
ในช่วงสองปีที่ผ่านมา เศรษฐกิจรัสเซียเติบโตจากการใช้จ่ายของรัฐบาลในภาคกลาโหม แต่เมื่อมาตรการเหล่านี้เริ่มลดลง เศรษฐกิจของรัสเซียก็จะเผชิญกับภาวะ "stagnation trap" หรือ กับดักเศรษฐกิจชะงักอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
Prokopenko คาดว่าเศรษฐกิจจะเริ่มชะลอตัวในปีหน้า และนำไปสู่ความไม่สงบทางสังคมและการคลังภายในปี 2026
🚨ผลกระทบจากการใช้จ่ายด้านกลาโหม
ในปี 2025 การใช้จ่ายด้านกลาโหมและความมั่นคงของรัสเซียจะคิดเป็นกว่า 8% ของ GDP และ 40% ของงบประมาณรัฐบาล
1
ขณะที่ภาคส่วนอื่น ๆ กลับได้รับงบประมาณน้อยลงอย่างต่อเนื่อง
อุตสาหกรรมที่ไม่เกี่ยวข้องกับการผลิตเพื่อกลาโหม เช่น ภาคเกษตรและเหมืองแร่ กำลังเผชิญกับความเสี่ยง โดยเฉพาะอุตสาหกรรม ถ่านหิน ที่ได้รับผลกระทบจากราคาถ่านหินโลกที่ลดลง
🚨ความต้องการที่ล้นเกินและผลกระทบต่อค่าเงิน
แม้ว่ารัฐบาลจะอัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ แต่ธุรกิจต่าง ๆ กำลังผลิตที่เกือบเต็มกำลังการผลิต (81%) และขาดแรงงานถึง 1.6 ล้านตำแหน่ง ส่งผลให้ค่าจ้างเพิ่มขึ้น และความต้องการนำเข้าสินค้าเพิ่มสูงขึ้น ทำให้ ค่าเงินรูเบิลอ่อนค่า และกระตุ้นให้ อัตราเงินเฟ้อพุ่งสูงถึง 9%
🚨ความท้าทายในอนาคต
แม้ว่า ธนาคารกลางรัสเซีย จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายถึง 21% เพื่อควบคุมเงินเฟ้อ แต่กลับเพิ่มความเสี่ยงต่อการล้มละลายของธุรกิจต่าง ๆ
ในขณะเดียวกัน ผู้สนับสนุนหลักของ Vladimir Putin อย่างข้าราชการ ครู หมอ และผู้รับบำนาญ กำลังเป็นผู้ที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด โดยรายได้ของพวกเขาเติบโตตามอัตราเงินเฟ้อทางการที่ 9% แต่เงินเฟ้อจริงในครัวเรือนบางแห่งสูงเกิน 20%
Prokopenko ชี้ให้เห็นว่าการลดงบประมาณกลาโหมหลังสงครามอาจไม่เพียงพอในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจทั้งหมดที่กำลังเกิดขึ้น
โฆษณา