6 ชั่วโมงที่แล้ว • ประวัติศาสตร์

จากเด็ก ม.ศ.รุ่นยังไม่สุดท้าย ระหว่างปี 2521-2522 สู่คุณลุงเลยวัยเกษียณมา 3 ปี วันที่ 18 ก.ค.2566

การเดินทางไกล กว่าค่อนชีวิต ระหว่างทางพบความสุขเศร้าคละเคล้ากันไป ประสบความสำเร็จบ้าง ล้มเหลวบ้าง ผู้เขียนทำอะไรมักไม่ค่อยสุด เปรียบตัวเองเหมือนเป็ด ได้ทั้งว่ายน้ำ ได้ทั้งบิน แต่ไม่เก่งเท่าปลาหรือนก บางครั้งเคยท้อ บางครั้งคิดจะถอย แต่ด้วยความมุ่งมั่นในจิตวิญญาณของอดีตเด็กศิลปะ แห่ง วิทยาลัยช่างศิลป มักปลุกเร้าไฟแห่งฝันและจินตนาการ ให้ครุโชนขึ้นมากลบความท้อถอยนั้นได้ทุกครั้ง บางคนอาจใช้อดีต เยียวยา(Heal)ปัจจุบัน หรือสลับกัน ใช้ปัจจุบัน เยียวยาอดีต
2
ตั้งแต่วัยเด็ก ผู้เขียนเป็นลูกคนกลาง จากพี่น้อง 3 คนของครอบครัวคนจีนฐานะปานกลาง มีพี่สาว และน้องชาย เวลาเพื่อนแถวบ้านทะเลาะต่อยกัน ถ้าสู้ไม่ได้ จะมีคำหนึ่งที่มักได้ยินบ่อย คือ เดี๋ยวกูฟ้องพี่ชายกู ซึ่งผู้เขียนได้ชดเชยเคสนี้ให้น้องชายตัวเอง https://www.blockdit.com/posts/643a34103e42b6b7e74de2aa
แต่ผู้เขียนทำอย่างนั้นไม่ได้ เพราะมีพี่สาว ยิ่งช่วงเข้าสู่วัยเปลี่ยนแปลง จากเด็กสู่วัยรุ่น ก็ไม่สามารถปรึกษาใครได้เลย เพราะพี่เป็นผู้หญิง แม่ก็ยุ่งอยู่กับลูกค้าที่มาทำผม ที่แทบจะไม่มีเวลาพัก
บางครั้งกำลังทานข้าว ลูกค้าเข้าก็ต้องวางช้อน วางตะเกียบ เพื่อบริการลูกค้า ช่วงคาบเกี่ยวระหว่างวัยเด็กกับวัยรุ่น ผู้เขียนจึงกลายเป็นเด็กเก็บตัว(ไม่ใช่เก็บกด) พูดน้อย จากวัยเด็กที่มีเพื่อนมากมาย วิ่งเล่นสนุกสนานไปทั่วทั้งย่าน เวลาว่างหมดไปกับการฟังเพลงสากลในห้อง จากชุดเสตอรีโอ ที่รบเร้าให้แม่ซื้อให้จากร้านแถวหลังกระทรวง
บางกรณีจึงลองผิดลองถูกด้วยตัวเองมาตลอด เหมือนเจอน้ำ 1 บ่อ เราจะไม่มีวันรู้เลยว่า น้ำในนั้น ร้อน เย็น หรืออุณหภูมิเหมาะสม ต้องลองใช้เท้าแหย่ลงไป ถ้าร้อน เท้าพอง ถ้าเย็น เท้าเป็นเหน็บ กว่าจะเจอน้ำที่เหมาะกับการใช้ประโยชน์ เราก็อาจมีบาดแผลจากการลองผิดลองถูก แต่จะทำให้เราไม่มีวันลืม และสามารถเอามาคอยบอกคนรุ่นต่อไป ที่ตามเรามาทีหลังได้
อาลั้นเด็กหลังตลาด/เตี่ยงหม่อโผ่วตาโปวเกี้ย
โฆษณา