23 ธ.ค. เวลา 05:54 • การเมือง

อ่านเกมภูมิรัฐศาสตร์ “ทรัมป์” ก่อนเข้ารับตำแหน่ง

และ “ปูติน” จะเตรียมรับมืออย่างไร
“ทรัมป์! ทรัมป์! ทรัมป์กลับมาแล้ว!” เมื่อพูดถึงทรัมป์ เราต้องเข้าใจว่าเป้าหมายที่แท้จริงของเขาคืออะไร ไม่ใช่แค่สิ่งที่เขาพูดต่อที่สาธารณะและสิ่งที่เขาแสดงเพื่อต้องการให้เราเห็น แต่สิ่งที่เขาต้องการจริงๆ คืออะไรกันแน่ มาลองวิเคราะห์กัน
1. ให้ดูดีในสหรัฐอเมริกาและในเวทีโลก หรือ การรักษาภาพลักษณ์ของเขาไว้
มันมีความหมายอย่างไรสำหรับเขา? มันหมายถึงการตัดสินใจที่ฉับพลันและมีประสิทธิภาพ และไม่สำคัญว่าจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับ “สันติภาพ” หรือ “สงคราม” ไม่ว่าทรัมป์จะตัดสินใจอย่างไร ถ้าเราสังเกตเขาต้องการดูแมนๆ ไม่ใช่ดูอ่อนแอ
หากจำเป็นต้องตัดสินใจเรื่องสันติภาพเพื่อแสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่ง เขาจะเลือกสันติภาพ หากจำเป็นต้องทำสงคราม เขาจะเลือกสงคราม การตัดสินใจใดๆ ก็ตามตราบใดที่มันดูดีและมีความเด็ดขาด เพื่อให้ทุกคนกลัว นี่คือวิธีที่เขาต้องการแสดงให้เห็นถึงความยิ่งใหญ่ของตัวเอง ซึ่งเขาต้องการฉายลงบนความยิ่งใหญ่ของอเมริกา MAGA ประเด็นเรื่องศักดิ์ศรีของทรัมป์นั้นยังเป็นปัจจัยทางการเมือง เป็นแรงผลักดันให้เกิดการเจรจาต่อรอง
2. ทรัมป์ต้องการรวบรวมทรัพยากรของพรรครีพับลิกันและพรรคเดโมแครตจำนวนมากไว้ในมือ
ในการทำเช่นนี้ เขาไม่จำเป็นต้องทำให้ความขัดแย้งของชนชั้นนำในสหรัฐฯ รุนแรงขึ้นจนทำให้สูญเสียอำนาจ แต่จะต้องอิงตามกระแสและนำเทรนด์ใดๆ ไม่ว่าจะเป็น “ทางสันติ” หรือ “ทางทหาร” ก็ตาม เทรนด์ตอนนี้คือการสร้างสันติเพราะคนเบื่อหน่าย และอีกอย่างคือเขาชนะการเลือกตั้งไปแล้ว และกลยุทธ์ของเขาอาจต้องมีเปลี่ยนแปลงบ้างอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เขาต้องการเป็นผู้นำ ไม่ใช่ผู้ตาม และต้องไม่ถูกโดดเดี่ยว
เครดิตภาพ: AP
อ่านเกมฝั่งรัสเซีย นั่นหมายความว่า “ปูติน” ก็ต้องการสร้างกลยุทธ์สำหรับการเจรจาต่อรองกับทรัมป์โดยพิจารณาจากความเสี่ยงต่อชื่อเสียงของเขาในฐานะผู้นำสหรัฐฯ เป็นประการหลัก การเข้าร่วมการเจรจากับทรัมป์แล้วปล่อยให้การเจรจาดำเนินไปเองไม่มีการตกลงอะไรกันมาก่อน อาจทำให้ทรัมป์ดูเหมือนเป็นผู้แพ้หรือคนโง่ ถือเป็นการมองการณ์ที่สั้น ซึ่งแสดงถึงหลักวิธีการทูตที่แย่และจะเป็นการเปลี่ยนทรัมป์ให้เป็นเหมือนแบบไบเดน
รัสเซียจะสร้างกลยุทธ์การเจรจาโดยไม่ล่วงล้ำศักดิ์ศรีของทรัมป์และในเวลาเดียวกันก็ไม่แพ้สงครามกับนาโตได้อย่างไร “ทำยังไงให้ดีลลงตัว” นี่คือคำถามสำคัญ ดังนั้นการเจรจาจะยังคงถูกประวิงเวลาไม่เกิดขึ้นจนกว่าจะตกลงกันในเงื่อนไขเบื้องต้นสำคัญกันได้แล้วในฉากหลัง เพราะทรัมป์จะไม่ยอมเข้าร่วมกระบวนการเจรจาใดที่เขามองว่าจะไม่บรรลุตามเป้าหมายและทำให้เขาเสียหน้าได้
1
ในการทำเช่นนี้ รัสเซียอาจต้องระวังในการเดินเกมกับฝ่ายศัตรูของทรัมป์ในฉากหน้า ไม่ว่าจะเป็นกับเซเลนสกี พรรคเดโมแครต สหภาพยุโรป อิหร่าน จีน หากรัสเซียเกิดมีจุดยืนที่แข็งกร้าวเกินไปก็อาจดันทรัมป์ให้เข้าไปหาผู้เล่นเหล่านี้แล้วกลับมาสร้างผลกระทบต่อรัสเซียทางอ้อม และนี่จะเป็นกลยุทธ์การเจรจาที่แย่ที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ แต่หากจุดยืนของรัสเซียหลวมเกินไปก็ไม่ดีเพราะทรัมป์จะเพิ่มแรงกดดันต่อรัสเซียเพื่อให้บรรลุเป้าหมายได้
ฝ่ายซ้ายอเมริกาคงกลัวว่าปูตินจะเสนอ “ข้อเสนอที่น่าสนใจ” บางอย่างแก่ทรัมป์ ซึ่งนั่นจะทำให้ทรัมป์ยังคงอยู่ในกระบวนการเจรจา ทรัมป์ก็ต้องการช่องทางการเจรจาที่ปิดเงียบกับปูติน ไม่ให้ใครรู้ในรายละเอียดเป็นแน่แท้
เครดิตภาพ: Foreign Analysis
ตอนนี้สหรัฐฯ คงมั่นใจว่าพวกเขากำลังดำเนินการอย่างประสบความสำเร็จในการบ่อนทำลายอิทธิพลแกนอำนาจตรงข้าม อิหร่านอ่อนแอลงเนื่องจากการสูญเสียซีเรียและความสำเร็จของอิสราเอลในเลบานอน ดังนั้นตัวเชื่อมหนึ่งในกลุ่มอักษะ “อิหร่าน-รัสเซีย-จีน” จึงอ่อนแอลง ดังนั้นพวกเขาจึงไม่จำเป็นต้องคิดค้นกลยุทธ์ที่ซับซ้อนในการดำเนินการกับรัสเซีย จะเป็นอย่างนั้นหรือไม่
รัสเซียจึงต้องโน้มน้าวใจทรัมป์ว่าสถานการณ์มันสามารถเปลี่ยนแปลงพลิกผันได้ ชัยชนะของอเมริกาในปัจจุบันโดยที่ปัญหาเก่ายังไม่ได้รับการสางแก้ไขจะเป็นการดึงทรัพยากรและกองกำลังของอเมริกาได้เมื่อเกิดความขัดแย้งครั้งใหม่ในอนาคต เช่น จะเกิดอะไรขึ้นหากตุรกีเผชิญกับความปรารถนาของสหรัฐฯ ที่จะจัดตั้งรัฐอิสระของชาวเคิร์ดบนพรมแดนของตน? พวกเขาจะพบว่าตัวเองจะยังคงติดหล่มในปัญหาตะวันออกกลาง
หรือเป็นไปได้ไหมที่รัสเซีย (ปูติน) จะใช้วิธีหรือกลยุทธ์ที่ซับซ้อนในการยั่วยุเปลี่ยนฝ่ายตรงข้ามของทรัมป์ให้มาเป็นแรงช่วยเพื่อต่อต้านทรัมป์อีกทาง โดยไม่ต้องออกหน้าเอง
<เครดิตภาพปก: AP>
โฆษณา