Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
Wealthy Thai
•
ติดตาม
วันนี้ เวลา 06:35 • หุ้น & เศรษฐกิจ
TOP ยืนยันไม่ต้องเพิ่มทุน มั่นใจ 6.3 หมื่นลบ. แหล่งเงินเพียงพอ ชี้ไม่กระทบปันผล พร้อมจ่ายตามปกติ
TOP เผยเงินลงทุนเพิ่ม 63,028 ล้านบาท ในโครงการ CFP จะมาจากเงินสด-หุ้นกู้-เงินกู้ยืม ยืนยันไม่ต้องเพิ่มทุน พร้อมจ่ายปันผลตามผลประกอบการปกติ แต่คาด IRR เหลือ 7% จากเดิมที่ 12% พร้อมเลื่อนเปิดโครงการฯ เป็นปี 2571
นายบัณฑิต ธรรมประจำจิต ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TOP เปิดเผยว่า สำหรับงบประมาณลงทุนส่วนเพิ่มของโครงการพลังงานสะอาด (Clean Fuel Project หรือ CFP) ประมาณ 63,028 ล้านบาท ที่บริษัทจะใช้ในการดำเนินการก่อสร้างจะมาจากแหล่งเงินทุนจาก 1. เงินสดคงเหลือและกระแสเงินสดจากการดำเนินงานของบริษัทในปี 2568-2570 โดยปัจจุบันบริษัทมีกระแสเงินสดในมือประมาณ 30,000 ล้านบาท หรือราว 800 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
และ 2. การออกหุ้นกู้ หรือ การกู้ยืมจากธนาคารพาณิชย์ รวมทั้งพิจารณาหาเครื่องมือทางการเงินใหม่ๆ เช่น การออกตราสารกึ่งหนี้กึ่งทุน รวมถึงการบริหารจัดการทรัพย์สินให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยเบื้องต้นคาดเงินจากส่วนนี้จะอยู่ที่ราว 1,000 - 1,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
ทั้งนี้ บริษัทขอยืนยันว่าไม่มีแผนการเพิ่มทุน จากการเพิ่มงบประมาณในการก่อสร้างโครงการ CFP แต่อย่างใด โดยมองว่าแหล่งเงินทุนที่เตรียมไว้รองรับดังกล่าวข้างต้นจะเพียงพอต่อการดำเนินโครงการให้แล้วเสร็จ โดยได้ศึกษาและประเมินร่วมกับที่ปรึกษาและผู้เชี่ยวชาญด้วยความระมัดระวังว่าสามารถดําเนินโครงการนี้ได้ตามงบประมาณที่วางไว้ บริษัทจะบริหารจัดการงบประมาณให้ดีที่สุด
อีกทั้งจากการศึกษาและประเมินของที่ปรึกษาทางการเงินอิสระ ถึงแม้ว่าอัตราผลตอบแทนการลงทุนระดับโครงการในปัจจุบันจะลดลงจากการประเมินในช่วงการตัดสินใจลงทุนขั้นสุดท้าย แต่ยังอยู่ในระดับที่สูงกว่าต้นทุนของกิจการ เมื่อโครงการเสร็จจะทําให้ไทยออยล์มีผลประกอบการทางการเงิน ทั้งในส่วนรายได้ ผลกําไรและฐานะทางการเงินดีขึ้น อีกทั้งยังช่วยเสริมสร้างศักยภาพในการแข่งขันซึ่งจะก่อให้เกิดประโยชน์ต่อบริษัทฯและผู้ถือหุ้นในระยะยาว
สำหรับการก่อสร้างโครงการ CFP ที่ต้องเลื่อนออกไปกว่า 3 ปี โดยคาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2571 จากกำหนดการเดิมในปี 2568 เป็นผลมาจากการดําเนินงานขั้นตอนที่เหลือเป็นส่วนงานที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาเชื่อมต่อระบบของโครงการฯ ที่มีความยุ่งยากและซับซ้อน ดังนั้นก่อนเปิดดําเนินการจึงต้องทําการทดสอบระบบจนกว่าจะมั่นใจว่าสามารถเปิดดําเนินการได้ตามมาตรฐานที่กําหนดไว้อย่างสมบูรณ์
นอกจากนี้ การก่อสร้างหน่วยกลั่นใหม่ที่ทําหน้าที่เพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์ โดยเปลี่ยนนํ้ามันเตาและยางมะตอยให้เป็นนํ้ามันอากาศยานและดีเซลไม่เป็นไปตามแผนที่กําหนด เนื่องจากปัญหาการหยุดงานของกลุ่มบริษัทรับเหมาช่วงอัน เนื่องมาจากไม่ได้รับค่าจ้างค้างจ่ายจากผู้รับเหมาหลัก UJV ทําให้การดําเนินโครงการต้องสะดุดจนต้องปรับระยะเวลาดําเนินโครงการออกไป
อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดนี้ บริษัทได้พยายามหาทางแก้ไขเพื่อให้การดําเนินงานกลับเข้าสู่ภาวะปกติโดยเร็วที่สุดเพื่อให้โครงการสามารถเดินหน้าต่อไปให้แล้วเสร็จ โดยคาดว่าบริษัทจะสามารถสรุปเวลาให้แน่ชัดขึ้นในปี 2568
“การเพิ่มเงินงบประมาณก่อสร้างโครงการครั้งนี้ จะไม่ส่งผลกระทบต่อแผนการจ่ายเงินปันผลของบริษัทอย่างมีนัยสําคัญ เนื่องจากแหล่งเงินทุนเพิ่มเติมส่วนใหญ่มาจากเงินสดคงเหลือ กระแสเงินสดจากการดําเนินงาน และการกู้ยืม ดังนั้นบริษัทยังคงพิจารณาจ่ายเงินปันผล ตามนโยบายจ่ายปันผลไม่น้อยกว่า 25% ของกําไรสุทธิของงบการเงิน ภายหลังจากการหักทุนสํารองต่างๆ ทุกประเภทตามที่กําหนดไว้ในข้อบังคับของบริษัทและตามกฏหมายได้“
โครงการ CFP เป็นโครงการขนาดใหญ่มีมูลค่าสูง บริษัทต้องพิจารณาด้วยความรอบคอบ ในการตรวจรับงานและการจ่ายเงินโครงการฯ ต้องเป็นไปตามหลักสากลและเงื่อนไขในสัญญา มีการตรวจสอบความถูกต้องทั้งในส่วนปริมาณงานและคุณภาพงานจากผู้ที่เกี่ยวข้องทุกส่วน รวมทั้งจ้างที่ปรึกษาบริหารโครงการที่มีความเชี่ยวชาญในงานก่อสร้างเป็นผู้ประเมินและตรวจรับงาน และจัดตั้งคณะกรรมการกํากับดูแลโครงการฯ ให้การดําเนินการเป็นไปตามหลักสากลในการบริหารโครงการขนาดใหญ่
“ขอยืนยันว่าไทยออยล์ยึดมั่นในหลักธรรมาภิบาลสําหรับการดําเนินธุรกิจกับผู้มีส่วนได้เสียอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งมีหน่วยตรวจสอบภายในเพื่อให้มั่นใจว่ากระบวนการทํางานต่างๆ เป็นไปอย่างโปร่งใสและเป็นธรรม” นายบัณฑิต กล่าว
ด้านนางวนิดา บุญภิรักษ์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ด้านการเงินและบัญชี บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) กล่าวเพิ่มเติมว่า ที่ปรึกษาการเงินอิสระประเมินว่าผลตอบแทนจากโครงการ CFP จากกรณีเงินลงทุนและดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นจะให้ผลตอบแทนประมาณ 7% ลดลงจากเดิมที่คาดว่าจะให้ผลตอบแทน 12% แต่ยังอยู่ในระดับที่สูงกว่าต้นทุนของกิจการ ขณะเดียวกันอัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (D/E) ยังอยู่ในระดับที่กำหนดไม่เกิน 1 เท่า
หุ้น
การลงทุน
เศรษฐกิจ
บันทึก
1
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย