ฮิสโตแกรมและการกระจายตัวของปัญหา
ฮิสโตแกรมเป็นกราฟแท่งชนิดหนึ่ง ที่แสดงความผันแปรของข้อมูล ด้วยการเรียงลำดับความถี่ตามปริมาณที่เกิดขึ้น และจัดกลุ่มข้อมูลเข้าด้วยกันเพื่อให้เห็นช่วงของข้อมูลที่ชัดเจน โดยแกนนอน (x) แสดงประเภทของข้อมูลที่ต้องการแสดง และแกนตั้ง (y) แสดงตัวเลขจำนวนของค่าที่ได้ที่อยู่ในแต่ละประเภท ซึ่งจะช่วยให้เข้าใจถึงภาพรวมการแจกแจงข้อมูลว่ามีลักษณะอย่างไร
เช่นการเก็บข้อมูลกลุ่มของคะแนนที่ได้จากการทดสอบนักเรียนมัธยมปีที่ 6 ในโรงเรียนแห่งหนึ่งจำนวน 300 คน โดยมีช่วงคะแนนที่ได้ตั้งแต่ 45 ไปจนถึง 100 คะแนน แกนนอนจะเป็นกลุ่มของคะแนน เช่น 45 – 50, 51 – 56, 57 – 62, 63 – 68, 69 – 75, 76 – 81, 82 – 87, 88 – 94, 95 – 100 รวมเป็น 9 แท่ง ในแกนตั้งจะเป็นจำนวนคนที่ได้คะแนนแต่ละกลุ่ม
ฮิสโตแกรมแบบคลาสสิค
การสร้างฮิสโตแกรม ที่สำคัญแต่ละแท่งต้องชิดกัน เราจะไม่เว้นช่องว่างระหว่างแท่ง อีกข้อหนึ่งคือการหาจำนวนแท่งของข้อมูล (ซึ่งเราเรียกว่า bin) ซึ่งหาได้จากการถอดรากที่สองของจำนวนข้อมูลทั้งหมดที่ได้ และจำนวนคะแนนที่จะอยู่ในแต่ละ bin โดยการนำเอา Range (คะแนนมากที่สุดลบด้วยคะแนนน้อยที่สุด) หารด้วยจำนวน bin แล้วสร้างกราฟขึ้นมา แล้วเราหาค่าเฉลี่ย (mean) ของข้อมูลทั้งหมดที่ได้
จากฮิสโตแกรมทำให้เราทราบว่า ค่ากลางของข้อมูลที่ได้แตกต่างจากค่ากลาง (mean) ที่เรากำหนดไว้เท่าไร และมีค่า mode อยู่ที่เท่าไร นอกจากนี้เรายังสามารถทราบได้ว่าข้อมูลที่ได้มีการกระจายออกไปจากตรงกลางเป็นอย่างไร
ฮิสโตแกรมแบบแอดวานซ์
จากฮิสโตแกรมเรายังสามารถนำมาใช้ในการวัดความสามารถของกระบวนการทำงานว่ามีความเที่ยงตรงแค่ไหน มีการเบี่ยงเบนออกจากค่ากลางที่กำหนดไว้เท่าไร และอยู่ในค่าที่ยอมรับได้ทั้งในด้านต่ำ (Lower Limit) และในด้านสูง (Upper Limit) หรือไม่ และเรายังสามารถคำนวณค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน (Sigma) จากค่าที่ได้จากฮิสโตแกรมด้วย การวิเคราะห์การเบี่ยงเบนของข้อมูลนำไปสู่การคำนวณ Six Sigma อย่างละเอียดต่อไป
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
