เมื่อวาน เวลา 10:30 • หุ้น & เศรษฐกิจ

ตลาดหุ้นเวียดนามยุคทรัมป์ 2.0 โอกาสการลงทุนท่ามกลางความท้าทาย

ในช่วงระยะเวลา 1 ปีที่ผ่านมา (1 พฤศจิกายน 2566 - 31 ตุลาคม 2567) ‘เวียดนาม’ นับว่าเป็นประเทศที่มีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจสูงเป็นอันดับต้น ๆ ของเอเชีย สะท้อนจากกำไรของบริษัทจดทะเบียนที่เติบโตอย่างแข็งแกร่ง อีกทั้งยังเป็นแหล่งผลิตทางด้านเทคโนโลยีแห่งใหม่ที่ชาติตะวันตกให้ความสนใจ
ส่งผลทำให้ผลการดำเนินงานของกองทุน B-VIETNAM สามารถสร้างผลตอบแทนเป็นบวกได้ จากการปรับเพิ่มน้ำหนักการลงทุนในกลุ่มเทคโนโลยีสารสนเทศ (Information Technology) กลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือย (Consumer Discretionary) และกลุ่มวัสดุ (Materials)
อีกหนึ่งปัจจัยที่น่าจับตาสำหรับตลาดหุ้นเวียดนาม คือชัยชนะของ ‘โดนัลด์ ทรัมป์’ (Donald Trump) ในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่สร้างแรงกดดันให้ตลาดมีการปรับตัวลดลง เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับนโยบายกำแพงภาษีของทรัมป์ ที่จะเร่งดำเนินการเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศราว 10 - 20%
และอาจเรียกเก็บสูงสุดถึง 60% สำหรับสินค้าที่นำเข้าจากจีน ซึ่งนโยบายดังกล่าวอาจทำให้เกิดสงครามการค้ารอบใหม่ และอาจทำให้เศรษฐกิจโลกเกิดการชะลอตัว ซึ่งจะส่งผลกระทบโดยตรงต่อเวียดนาม ในฐานะประเทศที่เป็นฐานการผลิตเพื่อการส่งออก
ตลาดหุ้นเวียดนามในช่วงเวลานี้ก็เรียกได้ว่ายังมีโอกาสการลงทุนท่ามกลางความท้าทาย โดยก่อนหน้านี้รัฐบาลเวียดนามได้ผ่อนคลายกฎระเบียบให้นักลงทุนต่างชาติสามารถเป็นเจ้าของศูนย์ข้อมูล (Data Center) ในประเทศได้แล้ว 100% ซึ่งถือเป็นการดึงดูดให้บริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่เข้ามาลงทุนในเวียดนามมากขึ้น และในช่วงต้นเดือนธันวาคมที่ผ่านมา NVIDIA บริษัทผลิตชิประดับโลก ประกาศเปิดตัวศูนย์วิจัยและพัฒนาปัญญาประดิษฐ์ที่กรุงฮานอย
รวมถึงประกาศเข้าซื้อกิจการ VinBrain สตาร์ทอัพด้านปัญญาประดิษฐ์สำหรับการดูแลสุขภาพที่อยู่ในเครือ VinGroup ถือเป็นการตอกย้ำสถานะ ‘แหล่งผลิตทางด้านเทคโนโลยี’ ของเวียดนามให้มั่นคงยิ่งขึ้น
อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นเวียดนามยังคงมีความท้าทายที่ต้องก้าวข้าม อาทิ ความผันผวนที่เพิ่มขึ้นจากความกังวลเรื่องการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก และผลกระทบจากสงครามการค้ารอบใหม่ ขณะที่เสถียรภาพของค่าเงินดองที่สร้างแรงกดดันให้กับเศรษฐกิจและตลาดหุ้นเวียดนาม ก็อยู่ในความดูแลของธนาคารกลางเวียดนาม (SBV) ซึ่งพยายามแทรกแซงเพื่อลดความผันผวนของค่าเงิน
ดังนั้นผู้จัดการกองทุน B-VIETNAM จึงดำเนินการปรับพอร์ตการลงทุน โดยให้น้ำหนักหุ้นที่มีความสามารถในการสร้างกระแสเงินสดที่ดีและมีโมเดลธุรกิจที่แข็งแกร่ง เช่น หุ้นกลุ่มธนาคารที่มีคุณภาพสินทรัพย์ดี หุ้นกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือย ซึ่งเป็นการลงทุนเพื่อรอการฟื้นตัวของการบริโภคภายในประเทศ นอกจากนี้ ยังมีการเพิ่มน้ำหนักการลงทุนในหุ้นกลุ่มที่ได้รับประโยชน์จากการปฏิรูปกฎระเบียบต่าง ๆ โดยเน้นบริษัทที่กําไรมีโอกาสเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว
สำหรับนักลงทุนที่สนใจการลงทุนในตลาดหุ้นเวียดนาม การลงทุนใน ‘กองทุนรวม’ ที่มีนโยบายกระจายเงินลงทุนในสินทรัพย์ที่หลากหลาย และมีผู้จัดการกองทุนช่วยติดตามสถานการณ์ลงทุน เพื่อบริหารสัดส่วนการลงทุนให้สอดคล้องกับสถานการณ์จึงเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ ทาง BBLAM ขอแนะนำ ‘กองทุนเปิดบัวหลวงหุ้นเวียดนาม’ (B-VIETNAM) ที่มีนโยบายการลงทุนในหุ้นของบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เวียดนาม
และสำหรับนักลงทุนที่ต้องการรับสิทธิประโยชน์ทางภาษี ขอแนะนำกองทุน B-VIETNAMRMF และ B-VIETNAMSSF ซึ่งสามารถเลือกลงทุนได้ด้วยเงินลงทุนเริ่มต้น 500 บาท
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่ BBLAM
• โทร. 0 2674 6488 กด 8
• เว็บไซต์ BBLAM
• ลงทุนด้วยตนเองง่าย ๆ ผ่านโมบายแบงก์กิ้งธนาคารกรุงเทพ หรือแอป BF Fund Trading จาก BBLAM
คำเตือน : การลงทุนมิใช่การฝากเงินและมีความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนอาจไม่ได้รับเงินลงทุนคืนเต็มจำนวนเมื่อไถ่ถอน (ไม่คุ้มครองเงินต้น) / ผู้ลงทุนต้องศึกษาและทำความเข้าใจลักษณะสินค้า ข้อมูลสำคัญ นโยบายการลงทุน เงื่อนไขผลตอบแทน ความเสี่ยง และสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่ระบุในคู่มือการลงทุนในกองทุน RMF/SSF ก่อนการตัดสินใจลงทุน / กองทุนที่มีการลงทุนในต่างประเทศมิได้มีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนทั้งหมดหรือเกือบทั้งหมด
ทั้งนี้ อยู่ในดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน ดังนั้น ผู้ลงทุนอาจขาดทุนหรือได้กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนจากการลงทุนในกองทุนดังกล่าว หรืออาจได้รับเงินคืนต่ำกว่าเงินลงทุนเริ่มแรกได้/ผลการดำเนินงานในอดีตมิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต
#BBLAM #กองทุนบัวหลวง #BFFundTrading #MobileBanking #ธนาคารกรุงเทพ
โฆษณา