Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
ลงทุนแมน
ยืนยันแล้ว
•
ติดตาม
วันนี้ เวลา 03:30 • ธุรกิจ
อธิบาย Switching Cost ผ่านโมเดล Microsoft Office ใช้ฟรีตอนเด็ก จ่ายเงินตอนโต
ถ้าถามว่า โปรแกรมอะไรที่พนักงานออฟฟิศส่วนใหญ่ใช้กัน ?
คำตอบคงหนีไม่พ้น Microsoft Word, Microsoft Excel รวมไปถึงโปรแกรมในตระกูล Microsoft โปรแกรมอื่น ๆ
ทีนี้ถ้าถามต่อไปว่า ทำไมถึงใช้งานโปรแกรมเหล่านี้ ?
นอกจากเรื่องฟีเชอร์การทำงานของโปรแกรมแล้ว
บางคนอาจตอบว่า..
ก็คนอื่นเขาใช้ ๆ กันมา
ใช้โปรแกรมนี้มาตั้งแต่เด็ก
ขี้เกียจเปลี่ยน หรือไม่อยากเรียนรู้การใช้โปรแกรมอื่น ๆ
รู้หรือไม่ว่า เบื้องหลังของคำตอบเหล่านี้ คือสิ่งที่เรียกว่า Switching Cost ซึ่งเป็นสิ่งที่ Microsoft ตั้งใจสร้างมันขึ้นมาโดยที่เราไม่รู้ตัว
แล้ว Microsoft ใช้วิธีไหน ในการสร้าง Switching Cost ขึ้นมา ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
Switching Cost หรือต้นทุนการเปลี่ยนย้าย
หมายถึง การที่ผู้ใช้ผลิตภัณฑ์หนึ่ง ๆ มีราคาที่ต้องจ่าย จากการเปลี่ยนไปใช้ผลิตภัณฑ์อื่นทดแทน
ซึ่งอาจอยู่ในรูปของตัวเงิน เวลา ความยุ่งยากซับซ้อน หรือความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น
ทำให้ผลิตภัณฑ์นั้น ๆ เหมือนมีป้อมปราการที่คอยป้องกันคู่แข่งไว้ ไม่ให้สามารถมาแย่งลูกค้าไปได้ง่าย ๆ
สำหรับในกรณีของ Microsoft หนึ่งในข้อที่ทำให้เกิด Switching Cost คือ ความเคยชิน รวมถึงเป็นผลิตภัณฑ์ที่ต้องใช้ Learning Curve ในการเรียนรู้
โดยสิ่งที่ Microsoft ทำก็คือ บริษัทมักจะสร้าง Switching Cost ด้วยการเข้าไปเป็นพาร์ตเนอร์กับสถาบันการศึกษา เพื่อให้นักเรียน นักศึกษา ได้ใช้งานจนคล่องแคล่ว
ซึ่ง Microsoft อาจให้สถาบันการศึกษาได้ใช้โปรแกรมในราคาถูกกว่าปกติ หรือให้ใช้ฟรี และมักจะมีการฝึกอบรมการใช้โปรแกรมให้กับนักเรียน นักศึกษาอีกด้วย
ทั้งหมดนี้ ก็เพื่อสร้างความเคยชินในการใช้งาน ให้กับนักเรียน นักศึกษา จนสามารถใช้งานได้อย่างคล่องแคล่ว
และกลายเป็นทักษะที่ติดตัวไปไว้ใช้เมื่อเข้าทำงาน
ในมุมของบริษัทที่จ้างงาน
เวลาที่บริษัทเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ซอฟต์แวร์ นอกจากจะดูเรื่องฟีเชอร์การใช้งานแล้ว
บริษัทยังมักเลือกใช้โปรแกรม ที่ตลาดแรงงานส่วนใหญ่ มีทักษะการใช้งานอยู่ก่อนแล้ว
เพื่อที่จะได้ไม่ต้องลงทุนสอน หรืออบรมพนักงานใหม่อีกครั้ง ซึ่งมักจะเสียทั้งเวลาและค่าใช้จ่าย
นอกจากนี้ อาจต้องรับความเสี่ยง จากความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น จากการโอนย้ายข้อมูล จากผู้ให้บริการเดิมไปยังผู้ให้บริการใหม่
ตัวอย่างเช่น สูตรที่ถูกผูกไว้ใน Excel อาจเพี้ยนไปได้ เมื่อเปลี่ยนไปใช้งานโปรแกรมคู่แข่งอย่าง Google Sheets ของ Google
ซึ่งนี่ก็คือ Switching Cost ของ Microsoft Office ที่ทำให้ Microsoft สามารถขายสินค้าของตัวเอง ให้กับบรรดาบริษัท ไปจนถึงองค์กรต่าง ๆ ได้อยู่ตลอดเวลา
โดยที่คู่แข่งหน้าใหม่ แทรกตัวเข้ามาแข่งได้ยากมาก
เพราะลูกค้าอาจจะต้องเสียทั้งเงิน เวลา รวมถึงต้องรับความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น หากคิดจะเปลี่ยนไปใช้โปรแกรมอื่น ๆ
โดยหากเราดูยอดผู้ใช้งาน (Subscriber) ของ Microsoft 365
- ปี 2021 51.9 ล้านบัญชี
- ปี 2022 59.7 ล้านบัญชี
- ปี 2023 67.0 ล้านบัญชี
- ปี 2024 82.5 ล้านบัญชี
จะเห็นว่า ยอดผู้ใช้งานมีการเติบโตได้ดีอย่างต่อเนื่อง
ซึ่งตัวอย่างของบริษัทอื่น ๆ ที่มีโมเดลในลักษณะเดียวกัน ก็มักเป็นเจ้าของผลิตภัณฑ์ที่ผู้ใช้งาน จะต้องมีความยุ่งยากในการเปลี่ยนย้าย ตัวอย่างเช่น
- Adobe เจ้าของโปรแกรมด้านกราฟิก Photoshop และ Illustrator
- Dassault Systèmes เจ้าของโปรแกรมออกแบบ SolidWorks และ CATIA
- SAP เจ้าของซอฟต์แวร์บริหารจัดการองค์กรขนาดใหญ่
โดย Switching Cost ของสองบริษัทแรก ก็คล้าย ๆ กับกรณีของ Microsoft นั่นก็คือต้นทุนในการฝึกอบรมการใช้โปรแกรม
ส่วนในกรณีของ SAP ก็จะเป็นความยุ่งยากซับซ้อนในการย้ายข้อมูล ไปจนถึงความเสี่ยงจากความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น
ทำให้ลูกค้าของบริษัทเหล่านี้ มักจะไม่เปลี่ยนไปใช้ผลิตภัณฑ์ของคู่แข่ง และยอมจ่ายให้กับเจ้าของซอฟต์แวร์ไปเรื่อย ๆ แม้จะถูกขึ้นราคา
เพราะนอกจากฟีเชอร์ต่าง ๆ ที่ต้องการใช้งานแล้ว
ก็เพื่อแลกกับการป้องกันไม่ให้เกิดต้นทุน หรือความยุ่งยากที่อาจเกิดขึ้นตามมา หากเปลี่ยนไปใช้ผลิตภัณฑ์ของบริษัทอื่น นั่นเอง..
References
-
https://www.morningstarthailand.com/th/news/122090/five-kinds-of-moat.aspx?lang=en-TH
-
https://www.vaneck.com/us/en/blogs/moat-investing/investors-guide-to-switching-costs/
ธุรกิจ
8 บันทึก
24
4
8
24
4
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย