เมื่อวาน เวลา 14:48 • หนังสือ

หนังสือจิตวิทยาดีๆที่ได้รับความนิยมในญี่ปุ่น : “ กล้าที่จะถูกเกลียด “

โดยส่วนใหญ่แล้ว คนในหลายๆประเทศหรือระดับสากล จะรู้จักนักจิตวิทยาที่ชื่อว่า ซิกมันน์ ฟรอยด์ กับ คาร์ล จุง มากกว่า เรารู้จักทฤษฎีทางจิตวิทยาที่แพร่หลายก็มาจากสองท่านนี้ แต่นักจิตวิทยาอีกคนที่ไม่ค่อยมีใครพูดถึงหรือรู้จัก มีชื่อว่า แอดเลอร์ ซึ่งคิดค้นทฤษฎีต่างๆที่เข้าใจยากและไม่ค่อยได้รับการยอมรับเท่าที่ควรในสมัยก่อน ทำให้ทฤษฎีของเขาไม่ค่อยมีคนให้ความเชื่อถือ เป็นทฤษฎีต้องห้าม เพราะเป็นสิ่งที่จับต้องได้ยาก ทั้งยังเข้าใจได้ยาก ดูไม่ค่อยสอดคล้องกับความเป็นจริงในยุคนั้น และยากที่จะนำมาปฏิบัติ
แต่ผู้เขียนหนังสือเล่มนี้ได้ถ่ายทอดให้เห็นแง่มุมหลักการทางจิตวิทยาของแอดเลอร์ว่าเป็นหลักการที่ทันสมัยกับคนในยุคนี้ที่สามารถนำมาใช้ได้จริง แต่ด้วยความที่หลักการมีความเข้าใจยากและบางคนอาจเข้าไม่ถึง ผู้เขียนท่านนี้จึงอธิบายถ่ายทอดออกมาในลักษณะบทสนทนาระหว่างอาจารย์กับลูกศิษย์ ทำให้เห็นภาพมากขึ้น จนเผยแพร่ออกมาเป็นหนังสือที่ฉีกแนว อย่าง “กล้าที่จะถูกเกลียด”
•หลักการทางจิตวิทยาของแอดเลอร์แตกต่างจากท่านอื่นๆอย่างไร•
ซิกมันน์ ฟรอยด์ และ คาร์ล จุง เชื่อว่า อดีตกำหนดปัจจุบันและอนาคต เราไม่สามารถจะไปเปลี่ยนแปลงได้ เพราะอดีตคือตัวกำหนดความเป็นตัวเราในปัจจุบันว่าจะรวย จน สวย หล่อ และอื่นๆ
ในขณะที่แอดเลอร์คิดต่าง เชื่อว่า อดีตเป็นแค่ส่วนหนึ่งของเรา ไม่ได้เป็นตัวกำหนดปัจจุบันและอนาคต ทุกอย่างสามารถเปลี่ยนแปลงได้ ตัวเราคือผู้กำหนดชีวิตของเราเอง
[ประโยคนิยมในหนังสือเล่มนี้มีหลายประโยค ที่ให้ข้อคิดดีๆแก่ผู้อ่าน ดังนี้]
•••เราเปลี่ยนแปลงได้ขึ้นอยู่กับไลฟ์สไตล์ของเรา•••
ผลลัพธ์ชีวิตของเราสามารถเปลี่ยนแปลงได้ ขึ้นอยู่กับวิธีคิด การกล้าที่จะเปลี่ยนวิถีชีวิตของเรา โดยไม่เสียความเป็นตัวตนทั้งหมดของเราไป และการคิดว่าเราจะใช้สิ่งที่เรามีอยู่ให้เกิดประโยชน์อย่างไรต่อตัวเองและผู้อื่น
•••สาเหตุที่เราเปลี่ยนไม่ได้ เพราะการยึดเป้าหมายของตัวเองเป็นสำคัญ•••
บางคนเก็บตัวอยู่แต่ในห้อง เพราะการที่เค้ายึดเป้าหมายว่าตัวเองไม่เหมาะกับใคร ไม่มีความสามารถเท่าคนอื่น หรือคิดเข้าข้างตัวเอง จนไม่กล้าที่จะก้าวข้ามปัญหาหรืออุปสรรคที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน เพราะกลัวคนอื่นจะเกลียด ไม่เห็นด้วย ไม่ยอมรับ และแคร์สายตาคนอื่น
•••ปัญหาทุกข์ใจของคนเรามักเป็นเรื่องของความสัมพันธ์•••
ความสัมพันธ์กับคนหลากหลายรูปแบบหรือการที่เราไปเกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์เหล่านั้น ย่อมทำให้เจ็บปวดใจบ้างเป็นเรื่องธรรมดา ไม่ว่าจะเป็นความสัมพันธ์ในที่ทำงาน เพื่อน คนรัก และครอบครัว ความสัมพันธ์ที่ยิ่งใกล้ชิดกันมากเท่าไหร่ย่อมมีปัญหามากขึ้นเท่านั้น และเป็นเรื่องยากที่จะไม่เกิดความเข้าใจผิดหรือขัดแย้งกัน รูปแบบความสัมพันธ์ที่ไล่เรียงไปตามบรรทัดข้างบนไต่ระดับความยากขึ้นๆเรื่อยๆตามลำดับ
•••ปมด้อยพัฒนาไปเป็นปมเด่น เพราะอยากที่จะเอาชนะหรือต้องการเหนือกว่า•••
ปมด้อยของเรา ไม่ว่าจะเป็นการศึกษา หน้าตา รูปร่าง ฐานะ รายได้ อาชีพ และอื่นๆ ที่เราไปเปรียบเทียบกับคนอื่นที่ดีกว่าย่อมทำให้เรารู้สึกต่ำต้อยและน้อยใจที่ตัวเองดีไม่เท่าเขา ทำให้พยายามถีบตัวเองขึ้นมา แสดงตัวเองจากปมด้อยกลายเป็นปมเด่น อย่างการข่มคนอื่น บูลลี่ โชว์กร่าง นินทา ต่อว่าเสียงดัง วิพากษ์วิจารณ์ ล้อเลียน เพื่อทำให้รู้สึกว่าตัวเองมีอำนาจ อยู่เหนือกว่าคนอื่น ซึ่งเป็นการกระทำในด้านลบแทนที่ผลักดันตัวเองให้พัฒนาขึ้นแต่ในสิ่งดีๆ
•••สิ่งที่เราควรทำเพื่อให้เราเปลี่ยนแปลงตัวเองได้ คือ การรู้จักยอมรับตัวเอง•••
แน่นอนว่าการเปลี่ยนแปลงคนอื่นเป็นเรื่องยาก หรือแม้กระทั่งการเปลี่ยนแปลงตัวเองก็เป็นเรื่องยากไม่แพ้กัน แต่การเปลี่ยนแปลงที่ดีย่อมต้องเริ่มที่ตัวเราเองก่อนเป็นอันดับแรก เราจะเปลี่ยนแปลงตัวเองได้ คือต้องรู้จักยอมรับตัวเอง ถ้าสิ่งไหนที่เราเปลี่ยนไม่ได้ ให้ใช้ประโยชน์จากสิ่งที่เรามีอยู่ในทางที่เหมาะสม สิ่งไหนที่เราอยากที่จะเปลี่ยน เพราะเป็นปัญหาของตัวเราที่รบกวนให้เกิดความทุกข์ใจ ให้รู้จักที่จะพัฒนาตัวเองตั้งแต่วันนี้
•••เราทุกคนมีความเป็นปัจเจกบุคคลแต่ก็ยังคงเป็นส่วนหนึ่งของสังคม•••
ทุกคนต่างมีภาระ ธุระ หรือเรื่องที่ต้องจัดการด้วยตนเอง ปัญหาของตัวเอง เราย่อมต้องแก้ไขมันด้วยตัวเองก่อน ไม่มีใครจะสามารถไปใช้ชีวิตแทนใครได้ เพราะเราคือเจ้าของชีวิตตัวเองที่จะต้องรับผิดชอบ เรื่องของคนอื่นก็เช่นกัน เราไม่ควรเข้าไปก้าวก่าย หรือนำมันมาเป็นปัญหาของตัวเอง เพราะถือเป็นธุระของเขาไม่ใช่ของเรา ที่เราต้องรู้จักแยกออกจากกัน เราทำได้เพียงแค่ให้คำแนะนำ และเฝ้าดูอยู่อย่างห่างๆด้วยความเป็นห่วง แต่ก็ไม่คิดที่จะทิ้งกัน และคอยช่วยเหลือคนเหล่านั้นเท่าที่จะทำได้ด้วยไมตรีจิตที่ดี
•••การแข่งขันกันเป็นการสร้างศัตรู แต่การเป็นมิตรที่ดีทำให้เราไม่รู้สึกโดดเดี่ยว•••
การแข่งขันสูงในสังคมปัจจุบัน ทำให้คนเราต่างชิงดีชิงเด่นกัน และสร้างศัตรูได้ง่าย ทำให้เรารู้สึกว่าเข้ากับใครไม่ได้ และทำให้การจัดการสิ่งต่างๆมีอุปสรรคมากขึ้น
แต่การแสดงความมีน้ำใจ รู้จักช่วยเหลือผู้อื่น มองทุกคนอย่างเท่าเทียมกันแบบไม่มีลำดับขั้น มีมิตรไมตรีที่ดี จะทำให้เราเป็นส่วนหนึ่งของสังคม ไม่รู้สึกโดดเดี่ยว มีอุปสรรคอะไรก็ผ่านพ้นไปได้เพราะมีคนคอยซัพพอร์ต และทำให้กล้าที่จะปฏิบัติภารกิจของชีวิต ไม่ว่าจะชีวิตประจำวัน การงาน การเรียน การดูแลตัวเอง ความสัมพันธ์ และอื่นๆ ด้วยความรับผิดชอบของเราอย่างเต็มที่
•••ไม่ต้องยึดเป้าหมายเป็นที่ตั้งมากเกินไป แต่ให้สนใจกระบวนการระหว่างทาง•••
Connect the dots มองว่าชีวิตตัวเราเองเป็นจุดที่เชื่อมโยงกันมากกว่าการมองว่าชีวิตตัวเองเป็นเส้นตรงที่ต้องพยายามไต่ลำดับขึ้นไปให้ถึงยอดเขาหรือเป้าหมาย โดยจุดแต่ละจุดแทนวินาทีนี้ ปัจจุบันนี้ ให้โฟกัสกับการทำสิ่งที่อยู่ตรงหน้าตอนนี้อย่างเต็มที่ โดยไม่ต้องไปคิดถึงผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตมากเกินไป ค่อยๆให้สิ่งที่เราทำแต่ละจุดนั้นเชื่อมโยงก่อเป็นรูปเป็นร่างและเกิดความสมบูรณ์ด้วยตัวของมันเอง ดีกว่าการไปเคร่งเครียดกับเป้าหมายและความสำเร็จมากเกินไป
1
เพราะถ้าไม่สำเร็จ เราจะตีความว่ามันคือความล้มเหลวของชีวิตไปโดยปริยาย ซึ่งเป็นการกดดันตัวเอง และทำให้เราไม่กล้าที่จะยืดหยุ่นหรือปล่อยให้ตัวเองมีความสุขกับชีวิต
•••ปลุกความกล้า กล้าที่จะมีความสุข กล้าที่จะถูกเกลียด กล้าที่จะเป็นคนธรรมดา กล้าที่จะมีชีวิตเพื่อตัวของเราเอง•••
สุดท้ายการเป็นตัวเราดีที่สุด เราทำตัวมีประโยชน์ต่อสังคม ไม่จำเป็นต้องโดดเด่นสมบูรณ์แบบในทุกๆด้าน มองตัวเราเป็นเพียงคนธรรมดาเหมือนๆกัน ไม่มีใครดีกว่าใคร คิดดี ทำดี พูดดี กับผู้อื่น โดยไม่ต้องไปสนใจว่าคนจะรัก จะชอบ หรือจะเกลียดมั้ย เพราะเราทำเต็มที่แล้ว ถ้าคนอื่นจะเกลียดเราถือเป็นธุระของเขา และการที่เราจะทำดีอย่างสม่ำเสมอก็ถือเป็นธุระของเรา เป็นความต้องการและความสบายใจของเรา มองว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นเป็นบทเรียน กล้าที่จะใช้ชีวิตเพื่อตัวเราเองอย่างมีความสุข
โดยไม่ต้องไปเดินตามความต้องการหรือความคาดหวังของผู้อื่น เพียงกล้าเป็นตัวเองที่ยังคงคำนึงถึงสังคมส่วนรวม เพราะเราเป็นส่วนหนึ่งของหลายๆสังคมที่ความแตกต่างหลากหลายนี้ทำให้เราออกไปค้นหา และอาจทำให้เราพบเจอคนที่ยอมรับในตัวเราจริงๆ
หวังว่าหนังสือเล่มนี้จะเป็นประโยชน์กับผู้อ่านไม่มากก็น้อย เพราะเป็นหนังสือที่ฉีกกฎแบบเดิมๆ ที่น่าทึ่งและนำมาปรับใช้ได้ ทำให้เราค้นพบความลับของการใช้ชีวิตที่ไม่เคยรู้มาก่อน และจะรู้สึกว่าชีวิตของเราจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป
—-The End—-
หนังสืออ้างอิง
กล้าที่จะถูกเกลียด.เขียนโดย คิชิมิ อิชิโร และ โคะกะ ฟุมิทะเกะ (2013).สำนักพิมพ์วีเลิร์น
โฆษณา