25 ธ.ค. 2024 เวลา 11:30 • ไลฟ์สไตล์

ยามอุบากอง ศาสตร์โบราณดูฤกษ์เดินทางที่ใช้งานได้จริงในยุคนี้!

ทำความรู้จัก "ยามอุบากอง" ศาสตร์ความเชื่อโบราณที่ช่วยคุณเลือกฤกษ์งามยามดีสำหรับการเดินทาง อ่านสนุก เข้าใจง่าย พร้อมเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยที่คุณอาจไม่เคยรู้มาก่อน
ยามอุบากอง คู่มือดูฤกษ์ยามการเดินทางฉบับโบราณ ที่ยังใช้ได้ในชีวิตประจำวัน
เคยสงสัยไหมว่า คนสมัยก่อนเขาดูฤกษ์ยามกันอย่างไร? เคยมีคนพูดถึงภูมิปัญญาโบราณที่ชื่อฟังดูแปลกแต่ก็มีความน่าสนใจไม่น้อย ซึ่งนั่นก็คือ “ยามอุบากอง” ศาสตร์พยากรณ์ที่ใช้ในการคำนวณเวลาเพื่อค้นหาฤกษ์ยามที่เหมาะสม ไม่ว่าจะเรื่องของการเดินทาง การจัดงานมงคลต่าง ๆ ล้วนใช้ยามอุบากองกันทั้งสิ้น
ยามอุบากอง ศาสตร์โบราณดูฤกษ์เดินทางที่ใช้งานได้จริงในยุคนี้
แม้ชื่อจะฟังดูโบราณ แต่ในยุคปัจจุบันก็ยังมีคนพูดถึงรวมถึงยังใช้วิธีการดูยามอุบากองออกเดินทางกันอยู่บ้าง เพราะความสำคัญไม่ใช่แค่เรื่องของการดูเวลาเท่านั้น แต่ยังเชื่อมโยงกับโหราศาสตร์และความเชื่อเพื่อเสริมดวงชะตาให้การเริ่มต้นทำสิ่งต่างๆ เต็มไปด้วยความมั่นใจ
ยิ่งในช่วงนี้ใครที่กำลังมองหาที่เที่ยวปีใหม่ แต่ไม่แน่ใจว่าจะออกเดินทางช่วงเวลาไหนดี วันนี้เราจะมาแนะนำการดูฤกษ์งามยามดีแบบฤกษ์อุบากอง พร้อมเจาะลึกว่าทำไมมันถึงยังคงมีบทบาทในชีวิตของคนไทยในปัจจุบัน และจะนำไปปรับใช้ในชีวิตประจำวันได้อย่างไร
ยามอุบากอง คืออะไร?
ยามอุบากอง คือ ศาสตร์ในการดูฤกษ์ยาม โดยมีที่มาจากตำราโบราณของไทยที่ได้รับอิทธิพลจากโหราศาสตร์และปฏิทินจันทรคติ หรือในคัมภีร์โหราศาสตร์ไทยเรียกยามอุบากองว่า “ยามมเหสุระ” หลักการสำคัญของยามอุบากองคือการแบ่งเวลาในแต่ละวันออกเป็นยามย่อย เพื่อหาเวลาที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการทำกิจกรรมสำคัญต่างๆ เช่น การเริ่มต้นงานใหม่ การเดินทาง หรือดูฤกษ์สำหรับวันมงคล แต่ในอดีตยามอุบากองนั้นใช้ท่องจำเพื่อกำหนดสัญลักษณ์ในการเคลื่อนย้ายกองทัพซึ่งมีความสำคัญต่อการทำศึกสงครามนั่นเอง
ประวัติและที่มาของยามอุบากอง
ยามอุบากอง เป็นศาสตร์ที่น่าสนใจและมีประวัติความเป็นมายาวนานในประวัติศาสตร์ไทย ซึ่งยามอุบากองไม่ได้เป็นเพียงแค่เครื่องมือที่ช่วยกำหนดฤกษ์ยามเท่านั้น แต่ยังเป็นมรดกทางภูมิปัญญาที่สะท้อนความรู้และความเชื่อในสมัยโบราณของชาวไทยและชาวมอญอีกด้วย
ต้นกำเนิดของยามอุบากองนั้นเกี่ยวข้องกับ “ตำราพิชัยสงคราม” ซึ่งเป็นคู่มือโบราณที่ใช้ในการวางแผนการศึกสงครามและกิจกรรมสำคัญในชีวิตของคนสมัยก่อน ตำรานี้เขียนขึ้นในสมัยกรุงศรีอยุธยาโดยใช้ความรู้เกี่ยวกับโหราศาสตร์ การเคลื่อนไหวของดวงดาว และการคำนวณเวลา
“อุบากอง” ที่เป็นชื่อเรียกนั้น มีการสันนิษฐานว่าเป็นชื่อของนายทัพพม่าที่เข้ามารบในไทยโดยเขาได้นำตำราติดเข้ามาด้วย ซึ่งตำรานั้นมีลักษณะเป็นยันต์คล้ายกับตาหมากรุก โดยเขากล่าวว่านี่เป็นตำราที่สามารถใช้ดูฤกษ์ยามได้ หลังจากที่เขาถูกจับขังในคุกจึงได้เผยแพร่หลักการดูตำรานี้แก่ไทย ทำให้หลายคนเกิดความเชื่อจนสักยันต์นี้ไว้ที่แขนแล้วเรียกว่ายันต์อุบากอง และภายหลังก็ได้สร้างเป็นกลอนท่องจำก่อนออกศึกสงคราม โดยบทกลอนนั้นคือ
ศูนย์หนึ่งอย่าพึ่งจร แม้ราญรอนจะอัปรา
สองศูนย์เร่งยาตรา จะมีลาภสวัสดี
ปลอดศูนย์พูลสวัสดิ์ ภัยพิบัติลาภบ่มี
กากบาทตัวอัปรีย์ แม้จรลีจะอัปรา
สี่ศูนย์จะพูนผล แม้จรดลดีหนักหนา
มีลาภล้นคณนา เร่งยาตราจะมีชัย
ยามอุบากองในสมัยโบราณ
ในอดีต ยามอุบากองไม่ได้จำกัดแค่การหาฤกษ์งามยามดีสำหรับการเดินทัพเท่านั้น แต่ยังถูกนำมาใช้ในการกำหนดเวลาพิธีมงคล การเซ่นไหว้บูชา และการตัดสินใจในการทำกิจกรรมที่สำคัญต่าง ๆ โดยศาสตร์นี้ได้รับการพัฒนามาอย่างต่อเนื่องและมีการปรับให้เข้ากับความเชื่อในแต่ละยุค
หลักการของการดูยามอุบากองคือการแบ่งวันหนึ่งออกเป็น 8 ยาม โดยในแต่ละยามจะมีผลดีหรือร้ายแตกต่างกัน เช่น ยามที่เหมาะสำหรับการเริ่มต้นสิ่งใหม่ ยามที่ควรหลีกเลี่ยงการเดินทาง หรือแม้แต่ยามที่ดีสำหรับการเจรจาธุรกิจ ทั้งหมดนี้มาจากการคำนวณตามสูตรที่เกี่ยวข้องกับตัวเลขและปฏิทิน
การแพร่หลายและอิทธิพลในสังคมไทย
ตำราอุบากองถูกใช้ในชีวิตประจำวันของคนไทยยุคก่อน ไม่ว่าจะเป็นการจัดงานมงคล การเดินทางไกล หรือแม้แต่กิจกรรมเล็ก ๆ อย่างการออกไปตลาด ความแม่นยำของตำราและความเชื่อที่ว่ามันช่วยเสริมดวง ทำให้ยามอุบากองยังคงได้รับความนิยมจนถึงปัจจุบันนั่นเอง
ด้วยประวัติอันยาวนาน และการผสมผสานระหว่างวัฒนธรรมมอญ-ไทย ยามอุบากองจึงเป็นเครื่องมือที่ไม่เพียงแต่สะท้อนความเชื่อในเรื่องของเวลาเท่านั้น แต่ยังแสดงถึงการสืบทอดภูมิปัญญาอันล้ำค่าในประวัติศาสตร์ไทยอีกด้วย
ความหมายของสัญลักษณ์ยามอุบากอง
เมื่อพูดถึงการดูฤกษ์ยามตามยามอุบากอง สิ่งที่ขาดไม่ได้เลยคือสัญลักษณ์ที่ใช้บอกความเหมาะสมของเวลาในการทำกิจกรรมต่างๆ สัญลักษณ์เหล่านี้ถูกออกแบบมาให้เข้าใจง่าย และแต่ละแบบก็มีความหมายเฉพาะตัว ซึ่งวิธีดูยามอุบากองที่ถูกต้องตามหลักก็จะต้องอาศัยการดูสัญลักษณ์เหล่านี้ มาดูกันว่ามีอะไรบ้าง
ตารางยามอุบากอง
1. ศูนย์หนึ่ง สัญลักษณ์จุดแดง 1 จุด หมายถึง “ฤกษ์ไม่ดี” ไม่ควรออกเดินทางหรือทำกิจกรรมสำคัญ เพราะอาจเกิดอุปสรรคหรือปัญหาเล็กๆ น้อยๆ ที่ทำให้แผนการสะดุดได้
2. สองศูนย์ จุดดำ 2 จุด คือ “ฤกษ์ดี” ช่วงเวลานี้เหมาะสำหรับการเริ่มต้นสิ่งใหม่ๆ หรือการเดินทาง เพราะมีโอกาสสูงที่จะเกิดโชคลาภและได้รับผลสำเร็จ
3. สี่ศูนย์ จุดดำ 4 จุด แปลว่า “ฤกษ์ดีที่สุด” เหมาะสำหรับการทำกิจกรรมสำคัญ เช่น จัดงานปีใหม่ เดินทางไกล หรือขึ้นบ้านใหม่ ทุกอย่างจะราบรื่น และมีแนวโน้มประสบความสำเร็จสูง
4. ปลอดศูนย์ (ช่องว่าง) ช่องว่างไม่มีจุดใดๆ หมายถึง “ฤกษ์กลางๆ” ไม่มีโชคร้ายหรืออันตราย แต่ก็ไม่ได้ดีถึงขั้นที่จะเกิดลาภลอย หากจำเป็นต้องทำกิจกรรมก็สามารถทำได้ เพียงแต่ไม่ควรคาดหวังผลลัพธ์
5. กากบาท สัญลักษณ์นี้ชัดเจนที่สุดว่า “ห้ามเด็ดขาด!” ไม่ควรออกเดินทางหรือทำกิจกรรมสำคัญในช่วงเวลานี้ เพราะอาจมีความเสี่ยงหรืออันตรายที่คาดไม่ถึงได้
วิธีการดูฤกษ์ยามอุบากอง
ยามอุบากอง เป็นศาสตร์โบราณที่อาศัยสัญลักษณ์และเวลามงคลในการกำหนดฤกษ์ยาม โดยมีวิธีดูยามอุบากองที่หลากหลายขึ้นอยู่กับปัจจัยที่ใช้ เช่น วัน เวลา หรือข้างขึ้นข้างแรม แต่ละวิธีล้วนมีเสน่ห์และความละเอียดเฉพาะตัวที่แตกต่างกันออกไป
วิธีดูยามอุบากองแบบใช้วัน + เวลา
การดูยามแบบนี้นิยมใช้ในชีวิตประจำวันมากที่สุด โดยอิงจากวันที่เราต้องการเริ่มต้นทำสิ่งสำคัญ เช่น เดินทาง ทำพิธี หรือจัดงาน
  • 1.
    เริ่มจากการเลือกวันที่ต้องการดูฤกษ์ เช่น วันจันทร์ วันอังคาร
  • 2.
    เลือกเวลาที่ต้องการทำกิจกรรม เช่น 9.00 น. หรือ 15.30 น.
  • 3.
    เปิดตารางยามอุบากองวันนี้เพื่อตรวจสอบว่าเวลานั้นอยู่ในยามใด เช่น ยามศูนย์หนึ่ง (ฤกษ์ไม่ดี) หรือยามสี่ศูนย์ (ฤกษ์ดีมาก) โดยหลีกเลี่ยงช่วงเวลาเครื่องหมายกากบาท (×)
ตัวอย่างเช่น ถ้าจะเดินทางไปที่เที่ยวหน้าหนาว ใกล้กรุงเทพ ให้เลือกเวลาในช่วงสองศูนย์หรือสี่ศูนย์ เพื่อความราบรื่น ปลอดภัย และยังอาจจะได้พบกับเรื่องราวดีๆ อีกด้วย
วิธีดูยามอุบากองแบบใช้ข้างขึ้น/ข้างแรม + เวลา
การดูยามอุบากองข้างแรมเหมาะสำหรับกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับจันทรคติ เช่น การทำบุญ การปลูกต้นไม้ หรือพิธีมงคลต่างๆ โดยมีวิธีการดูดังนี้
  • 1.
    ตรวจสอบวันที่ว่าตรงกับช่วงข้างขึ้นหรือข้างแรม
  • 2.
    ใช้เวลาที่ต้องการในวันนั้น (เช่น 10:00 น. หรือ 17:45 น.)
  • 3.
    เปิดตารางยามอุบากองเฉพาะข้างขึ้นหรือข้างแรม เพื่อตรวจสอบว่ายามนั้นเป็นฤกษ์ดีหรือไม่ดี
  • 4.
    เวลาในยามอุบากองข้างแรมจะเหมาะสำหรับงานที่ต้องการความเงียบสงบ ความเป็นส่วนตัว ส่วนยามอุบากองข้างขึ้นเหมาะสำหรับกิจกรรมที่ต้องการพลังหรือโชคลาภ เพราะข้างขึ้นจะมีพลังบวกมากกว่า
วิธีดูยามอุบากองแบบใช้ดิถีค่ำ + เวลา
การดูยามอุบากองตามดิถีค่ำเกี่ยวข้องกับการคำนวณตามตำแหน่งดวงจันทร์ในรอบเดือน ซึ่งนิยมใช้ในพิธีกรรมสำคัญ
  • 1.
    เช็กดิถีค่ำ คือวันที่ตามจันทรคติ เช่น วันพระ หรือวันแรม 14 ค่ำ
  • 2.
    ใช้เวลาที่ต้องการตรวจสอบ เช่น 20:30 น.
  • 3.
    เปิดตำราเพื่อหาว่าช่วงนั้นเป็นฤกษ์ดีหรือร้ายตามดิถีค่ำ ซึ่งมีความเกี่ยวข้องกับพลังของวันและเวลา
  • 4.
    ดิถีค่ำ จะนิยมใช้ในงานมงคล เช่น งานแต่งงาน งานขึ้นบ้านใหม่ เป็นต้น
เปิดมิติใหม่แห่งการวางแผน กับฤกษ์ดีที่ลงตัว
ยามอุบากอง ศาสตร์แห่งเวลาที่จะช่วยให้คุณเลือกใช้จังหวะชีวิตได้อย่างเหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นการเลือกฤกษ์สำหรับการเดินทาง จัดพิธีมงคล หรือแม้แต่การเริ่มต้นสิ่งใหม่ในชีวิต เป็นอีกหนึ่งวิธีการดูฤกษ์ยามที่มีเหตุผลและอิงตามหลักโหราศาสตร์ที่แท้จริง
อยากรู้ทันทุกความเคลื่อนไหว พร้อมเกาะติดข่าวสารสำคัญ อย่าลืมติดตาม PPTV HD36 ครบทุกความสนุก ส่งตรงทุกข้อมูลที่คุณต้องรู้ พร้อมพาคุณอัปเดตทุกเรื่องราวทั้งเทรนด์ใหม่ๆ และข้อมูลที่ช่วยให้ชีวิตคุณง่ายขึ้น ทุกวัน ทุกเวลา
อ่านเนื้อหาต้นฉบับได้ที่ : https://www.pptvhd36.com/news/239306
ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมที่เว็บไซต์ https://www.pptvhd36.com
และช่องทาง Social Media
โฆษณา