การเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาด โอกาสในการลงทุนอย่างยั่งยืน
การเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศเนื่องจากภาวะโลกร้อน ถือเป็นแรงผลักดันสำคัญที่ทำให้รัฐบาลและองค์กรต่าง ๆ ทั่วโลก หันมาให้การสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านพลังงาน (Energy Transition) จากพลังงานเชื้อเพลิงฟอสซิลสู่การใช้พลังงานทดแทน เช่น พลังงานแสงอาทิตย์และพลังงานลม ซึ่งมีกระบวนการผลิตและการนำไปใช้งานที่ปล่อยคาร์บอนต่ำลง เทรนด์นี้จึงเป็นโอกาสในการลงทุนระยะยาว เนื่องจากธุรกิจด้านพลังงานทดแทนยังคงต้องการเงินลงทุนในการวิจัยและพัฒนา รวมถึงการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานเพื่อให้เกิดการใช้งานเป็นวงกว้าง
หลายประเทศจึงมีการออกนโยบายเพื่อสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านพลังงาน เช่นเดียวกับสหรัฐฯ ที่มีกฎหมาย Inflation Reduction Act (IRA) ซึ่งส่วนหนึ่งของกฎหมายฉบับนี้ มีการสนับสนุนการลงทุนที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนผ่านพลังงานด้วยการให้เงินอุดหนุนและเครดิตภาษีแก่ธุรกิจด้านพลังงานทดแทน รวมถึงธุรกิจแวดล้อมอื่น ๆ ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ เช่น ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้า ผู้ผลิตแบตเตอรี่ ไปจนถึงธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการจัดการขยะและรีไซเคิล
ซึ่งในช่วงที่ผ่านมา กฎหมาย IRA ได้ส่งผลเชิงบวกต่อการเติบโตและรายได้ของหุ้นกลุ่ม Energy Efficiency และ Pollution Control อย่างไรก็ตาม ชัยชนะของ ‘โดนัลด์ ทรัมป์’ (Donald Trump) ในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ก็ได้สร้างแรงกดดันให้กับธุรกิจด้านพลังงานทดแทน เนื่องจากนโยบายที่ผู้นำสหรัฐฯ คนที่ 47 ให้การสนับสนุนคือการผลิตน้ำมันภายในประเทศ เพื่อสร้างความมั่นคงทางพลังงานให้กับสหรัฐฯ และส่งเสริมการจ้างงานภายในประเทศ
นอกจากนี้ ทรัมป์ยังสนับสนุนโครงการท่อส่งน้ำมัน Keystone ที่เชื่อมต่อระหว่างประเทศแคนาดากับโรงกลั่นน้ำมันในภาคใต้ของสหรัฐฯ
ด้วยเหตุนี้ผู้จัดการกองทุน Pictet-Global Environmental Opportunities ซึ่งเป็นกองทุนหลักของ B-SIP จึงไม่มีการลงทุนโดยตรงในบริษัทสหรัฐฯ ที่เกี่ยวข้องกับพลังงานทดแทน เช่น พลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลม รถยนต์ไฟฟ้า แบตเตอรี่ และพลังงานไฮโดรเจนสีเขียว (ข้อมูล ณ สิ้นเดือนตุลาคม 2567) ซึ่งล้วนเป็นธุรกิจที่ต้องพึ่งพาสิทธิประโยชน์จากกฎหมาย IRA เนื่องจากตอนนี้ผู้จัดการกองทุนมองว่าเทคโนโลยีดังกล่าวมีความเสี่ยงมากที่สุด หากทรัมป์ตัดสินใจยกเลิกงบประมาณสนับสนุนกฎหมาย IRA
อย่างไรก็ตาม นโยบายของกองทุน B-SIP คือการลงทุนในบริษัททั่วโลกที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการจัดการอย่างยั่งยืน (Sustainability) โดยคำนึงผลกระทบเชิงบวกต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมในทุกขั้นตอนการผลิตสินค้าและบริการ ทำให้มีความยืดหยุ่นในกลุ่มธุรกิจที่จะเข้าไปลงทุน ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจจัดการขยะและรีไซเคิล ธุรกิจเพื่อการบริหารจัดการน้ำ นวัตกรรมอาคารสีเขียว ไปจนถึงธุรกิจบริหารจัดการพลังงานสำหรับโรงงานอุตสาหกรรม
ขณะเดียวกัน ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับพลังงานทดแทนก็ยังคงมีโอกาสเติบโตในระยะยาว และเป็นธุรกิจที่จะมีมูลค่าเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องในอนาคต เนื่องจากเป็นเทรนด์ที่ทั่วโลกให้การสนับสนุน ประกอบกับพลังงานคือปัจจัยสำคัญในการดำรงชีวิตของมนุษย์ และการดำเนินกิจกรรมเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจ การใช้พลังงานเชื้อเพลิงฟอสซิล ซึ่งเป็นทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัด อาจไม่สอดคล้องกับการเติบโตของประชากรโลกที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 8,500 ล้านคน ภายในปี 2030
และมากถึง 9,700 ล้านคน ภายในปี 2050 ซึ่งนั่นหมายถึงความต้องการพลังงานจำนวนมหาศาล และพลังงานเชื้อเพลิงฟอสซิลอาจมีไม่เพียงพอในอนาคต โลกจึงจำเป็นต้องมีการลงทุนในพลังงานทดแทน เพื่อรับมือกับความต้องการพลังงานในอนาคต
สำหรับนักลงทุนที่สนใจการลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับพลังงานทดแทนและการจัดการอย่างยั่งยืน BBLAM ขอแนะนำ ‘กองทุนเปิดบัวหลวงยั่งยืน’ (B-SIP) และสำหรับนักลงทุนที่ต้องการรับสิทธิประโยชน์ทางภาษี ขอแนะนำกองทุน B-SIPRMF และ B-SIPSSF โดยสามารถเลือกลงทุนได้ด้วยเงินลงทุนเริ่มต้น 500 บาท
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่ BBLAM
• โทร. 0 2674 6488 กด 8
• เว็บไซต์ BBLAM
• ลงทุนด้วยตนเองง่าย ๆ ผ่านโมบายแบงก์กิ้งธนาคารกรุงเทพ หรือ แอป BF Fund Trading จาก BBLAM
คำเตือน: กองทุนรวมนี้มีลักษณะเฉพาะและความเสี่ยงเฉพาะ ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยง ก่อนการตัดสินใจลงทุน
#BBLAM #กองทุนบัวหลวง #BFFundTrading #MobileBanking #ธนาคารกรุงเทพ
- 1
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
