27 ธ.ค. 2024 เวลา 05:00 • หุ้น & เศรษฐกิจ

จัดพอร์ตลงทุนอย่างไร ? เมื่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ มีทั้งโอกาสและความเสี่ยง

ภายหลังการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ เสร็จสิ้น ตลาดการเงินและนักลงทุนจึงอยู่ในช่วงเวลาแห่งการรอคอย ว่าผู้นำสหรัฐฯ คนที่ 47 จะมีการดำเนินนโยบายในการบริหารประเทศไปในทิศทางไหนบ้าง และจะมีการเปลี่ยนแปลงไปมากน้อยแค่ไหนจากช่วงที่มีการหาเสียงไว้ ซึ่งสถานการณ์ที่มีความไม่แน่นอนนี้ BBLAM แนะนำกลยุทธ์การลงทุนที่เน้นกระจายความเสี่ยง ไปพร้อม ๆ กับการลงทุนเสริมที่เน้นโอกาสการเติบโตในระยะยาว
ตลาดสหรัฐฯ เป็นดาวเด่นของการลงทุนในช่วงที่ผ่านมา โดยเฉพาะในกลุ่มอุตสาหกรรมเทคโนโลยี ทำให้ยังคงมีความน่าสนใจสําหรับสินทรัพย์เสี่ยง เช่น หุ้นและหุ้นกู้เอกชนในกลุ่ม High Yield เมื่อประกอบกับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศ ที่มุ่งเน้นการเสริมสร้างความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจในปี 2025 ก็ทำให้ตลาดสหรัฐฯ ยังคงมีโอกาสในการเติบโตที่น่าสนใจ
อย่างไรก็ตาม แนวโน้มการหมุนเวียนเงินลงทุน หรือ Rotation คาดว่าจะมีภาพที่ชัดเจนมากขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มอุตสาหกรรมเทคโนโลยี เช่น เซมิคอนดักเตอร์และซอฟต์แวร์ เนื่องจากในช่วงที่ผ่านมามีการเติบโตอย่างโดดเด่น ทำให้นักลงทุนอาจมีการปรับและจัดสรรเงินลงทุนไปสู่อุตสาหกรรมอื่น ๆ ที่มีความสอดคล้องกับวัฏจักรเศรษฐกิจ อาทิ การย้ายจากหุ้นขนาดใหญ่ไปสู่หุ้นขนาดกลางและเล็ก และการย้ายจากหุ้นเติบโตสูงไปยังหุ้นคุณภาพที่มีปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง เช่น กลุ่มโครงสร้างพื้นฐาน
นอกจากนี้ ยังมีความเป็นไปได้ที่นักลงทุนจะกระจายเงินลงทุนจากตลาดสหรัฐฯ ไปยังกลุ่มประเทศอื่น ๆ ที่เน้นการเติบโตในระยะยาว เพื่อแสวงหาโอกาสใหม่ในการสร้างผลตอบแทน และกระจายความเสี่ยงจากความไม่แน่นอนในภาคการเมืองของสหรัฐฯ ซึ่งจุดหมายปลายทางที่หลายคนมองไว้คือ ‘อินเดีย’ ซึ่งคาดว่าจะเป็นหนึ่งในตลาดที่ให้ผลตอบแทนที่โดดเด่นในปี 2025 เนื่องจากมีปัจจัยพื้นฐานภายในประเทศที่แข็งแกร่ง และศักยภาพในการเติบโตในระยะยาวที่น่าสนใจ
ดังนั้น กลยุทธ์การลงทุนในช่วงเวลาที่ตลาดสหรัฐฯ มีทั้งโอกาสและความเสี่ยงนี้ BBLAM แนะนำเพิ่มน้ำหนักในหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีของสหรัฐฯ ที่ยังคงมีศักยภาพการเติบโต พร้อมทั้งการทยอยสะสมหุ้นในตลาดอินเดีย และการลงทุนในพันธบัตรต่างประเทศ เพราะคาดว่าจะได้รับประโยชน์จากแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยขาลง และความผันผวนในตลาดตราสารหนี้ที่ลดลง
ขณะเดียว นักลงทุนควรติดตามปัจจัยเสี่ยงสําคัญต่าง ๆ อย่างใกล้ชิด เช่น นโยบายเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ตัวเลขเศรษฐกิจที่สําคัญ รวมถึงความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ ซึ่งอาจส่งผลต่อการปรับกลยุทธ์การลงทุนในอนาคต ดังนั้นการลงทุนใน ‘กองทุนรวม’ ที่มีนโยบายกระจายเงินลงทุนในสินทรัพย์ที่หลากหลาย และมีผู้จัดการกองทุนช่วยติดตามสถานการณ์ลงทุน เพื่อบริหารจัดสรรสัดส่วนการลงทุนในแต่ละสินทรัพย์ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ กองทุนรวมจึงเป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนที่ยังไม่ชำนาญในการจับจังหวะตลาด
สำหรับนักลงทุนที่สนใจ BBLAM ขอแนะนำ ‘กองทุนเปิดบัวหลวงหุ้นโกลบอล’ (B-GLOBAL) ซึ่งเหมาะสําหรับผู้ที่ต้องการกระจายความเสี่ยง และรับผลตอบแทนจากการลดดอกเบี้ยในตลาดโลก รวมถึง ‘กองทุนเปิดบัวหลวงหุ้นโกลบอล อินฟราสตรัคเจอร์’ (B-GLOB-INFRA) ที่มุ่งเน้นการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานทั่วโลก ซึ่งมีโอกาสเติบโตสูง และ ‘กองทุนเปิดบัวหลวงภารตะ’ (B-BHARATA) ซึ่งเป็นกองทุนธีมที่มุ่งเน้นการลงทุนในตลาดหุ้นอินเดีย โดยสามารถเลือกลงทุนได้ด้วยเงินลงทุนเริ่มต้น 500 บาท
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่ BBLAM
• โทร. 0 2674 6488 กด 8
• เว็บไซต์ BBLAM
• ลงทุนด้วยตนเองง่าย ๆ ผ่านโมบายแบงก์กิ้งธนาคารกรุงเทพ หรือแอป BF Fund Trading จาก BBLAM
คำเตือน : การลงทุนมิใช่การฝากเงินและมีความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนอาจไม่ได้รับเงินลงทุนคืนเต็มจำนวนเมื่อไถ่ถอน (ไม่คุ้มครองเงินต้น) / ผู้ลงทุนต้องศึกษาและทำความเข้าใจลักษณะสินค้า ข้อมูลสำคัญ นโยบายการลงทุน เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยง ก่อนการตัดสินใจลงทุน / กองทุนที่มีการลงทุนในต่างประเทศมิได้มีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนทั้งหมดหรือเกือบทั้งหมด
ทั้งนี้ อยู่ในดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน ดังนั้น ผู้ลงทุนอาจขาดทุนหรือได้กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนจากการลงทุนในกองทุนดังกล่าว หรืออาจได้รับเงินคืนต่ำกว่าเงินลงทุนเริ่มแรกได้
#BBLAM #กองทุนบัวหลวง #BFFundTrading #MobileBanking #ธนาคารกรุงเทพ
โฆษณา