27 ธ.ค. 2024 เวลา 02:00 • วิทยาศาสตร์ & เทคโนโลยี

การประยุกต์ใช้ Agentic AI และ Generative AI ในปฏิบัติการทางทหาร

โดย Chaiyot@J6
ในยุคที่เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) เข้ามามีบทบาทสำคัญในหลากหลายด้าน การนำ AI มาใช้ในภาคการทหารได้กลายเป็นหัวข้อที่ได้รับความสนใจอย่างกว้างขวาง เนื่องจาก AI มีศักยภาพในการเสริมสร้างความแม่นยำ ประสิทธิภาพ และความยืดหยุ่นในปฏิบัติการ การใช้ Agentic AI และ Generative AI ถือเป็นการผสมผสานความสามารถที่ช่วยเพิ่มขีดความสามารถทางทหารอย่างมีนัยสำคัญ บทความนี้จะกล่าวถึงบทบาท คุณลักษณะ และการประยุกต์ใช้ AI ทั้งสองประเภท พร้อมทั้งยกตัวอย่างจริง รวมถึงการวิเคราะห์ข้อดี ข้อจำกัด และประเด็นทางจริยธรรม
บทบาทและคุณลักษณะของ AI ทั้งสองประเภท
Agentic AI คือระบบที่ได้รับการออกแบบมาเพื่อทำงานอย่างอัตโนมัติเพื่อบรรลุเป้าหมายที่กำหนด โดยสามารถตัดสินใจและดำเนินการได้ด้วยตนเองภายใต้กรอบการทำงานที่ตั้งไว้ล่วงหน้า บทบาทสำคัญของ Agentic AI ในการทหาร ได้แก่:
1. **การตัดสินใจอัตโนมัติ**
- โดรนและหุ่นยนต์ที่สามารถลาดตระเวน ค้นหาภัยคุกคาม และดำเนินการตอบโต้ได้โดยอัตโนมัติ
- ระบบป้องกันขีปนาวุธ เช่น **Iron Dome** ของอิสราเอล ที่สามารถตรวจจับและสกัดกั้นขีปนาวุธได้แบบเรียลไทม์
2. **การเพิ่มประสิทธิภาพการปฏิบัติงาน**
- การบริหารจัดการโลจิสติกส์ เช่น การขนส่งอุปกรณ์และเสบียงด้วยระบบอัตโนมัติ
- การเฝ้าระวังและรวบรวมข้อมูล โดยใช้ระบบ AI วิเคราะห์ข้อมูลจากเซ็นเซอร์เพื่อระบุภัยคุกคาม
3. **ภารกิจค้นหาและกู้ภัย**
- ยานพาหนะอัตโนมัติที่สามารถสำรวจพื้นที่เสี่ยงภัยเพื่อค้นหาผู้รอดชีวิตในสถานการณ์สงครามหรือภัยพิบัติ
Generative AI มีความเชี่ยวชาญในการสร้างเนื้อหาใหม่ที่มีความเกี่ยวข้องกับบริบท ไม่ว่าจะเป็นข้อความ รูปภาพ เสียง หรือสถานการณ์จำลอง คุณสมบัติที่โดดเด่นทำให้ Generative AI มีบทบาทสำคัญในด้านต่าง ๆ เช่น:
1. **การรวบรวมข้อมูลข่าวกรอง**
- วิเคราะห์และสังเคราะห์ข้อมูลจากภาพถ่ายดาวเทียม การสื่อสารที่สกัดกั้นได้ และข้อมูลโอเพนซอร์ส เพื่อระบุรูปแบบหรือคาดการณ์ความเคลื่อนไหวของศัตรู
- สร้างรายงานสรุปข้อมูลซับซ้อนให้เข้าใจง่าย
2. **การวางแผนกลยุทธ์**
- จำลองสถานการณ์ความขัดแย้งเพื่อประเมินกลยุทธ์ที่หลากหลายและผลลัพธ์ที่เป็นไปได้
- สร้างแบบจำลองเชิงคาดการณ์เพื่อประเมินการเคลื่อนไหวของกองกำลังหรือความต้องการทรัพยากร
3. **การฝึกอบรมจำลอง**
- สร้างสภาพแวดล้อมจำลองที่สมจริงเพื่อฝึกทหารในสถานการณ์รบ เช่น สงครามเมืองหรือการต่อสู้กับศัตรูที่คาดเดาไม่ได้
- พัฒนาสื่อการฝึกที่ปรับให้เหมาะสมกับความต้องการเฉพาะบุคคล
ตัวอย่างการใช้งานจริง
1. **Agentic AI**
- **โดรนรบอัตโนมัติ**: โดรน UAV (Unmanned Aerial Vehicles) ที่ใช้ AI ในการลาดตระเวนและโจมตีเป้าหมายโดยไม่ต้องพึ่งพาการควบคุมจากมนุษย์ตลอดเวลา
- **Swarm Robotics**: การใช้กลุ่มโดรนขนาดเล็กที่ทำงานร่วมกันเพื่อปฏิบัติภารกิจ เช่น การสำรวจพื้นที่หรือก่อกวนระบบสื่อสารของศัตรู
2. **Generative AI**
- **การวิเคราะห์ข่าวกรอง**: ระบบ AI เช่น GPT ที่ช่วยสังเคราะห์ข้อมูลจากแหล่งข้อมูลต่าง ๆ เพื่อให้ได้ข้อมูลเชิงลึกที่เป็นประโยชน์
- **สนามรบเสมือนจริง**: Generative AI ช่วยสร้างสภาพแวดล้อมการรบเพื่อให้ผู้บังคับบัญชาทดลองแผนกลยุทธ์ก่อนนำไปใช้จริง
ข้อดีและข้อจำกัด
#### **ข้อดีของ Agentic AI**
- **ตอบสนองได้รวดเร็ว**: ช่วยตัดสินใจในสถานการณ์ที่ต้องการความฉับไว
- **เพิ่มประสิทธิภาพ**: ลดภาระงานที่ต้องทำซ้ำหรือซับซ้อนสำหรับมนุษย์
- **ปรับใช้ได้หลากหลาย**: ใช้งานได้ในหลายสถานการณ์ เช่น การรบทางบก ทางอากาศ และทางน้ำ
#### **ข้อดีของ Generative AI**
- **เสริมความคิดสร้างสรรค์**: ช่วยสร้างกลยุทธ์หรือเนื้อหาที่แปลกใหม่
- **ยืดหยุ่น**: สามารถปรับให้เหมาะกับบริบทข้อมูลหรือความต้องการที่เปลี่ยนแปลง
- **สนับสนุนการวิเคราะห์**: ช่วยลดภาระของนักวิเคราะห์โดยการสรุปข้อมูลจำนวนมาก
#### **ข้อจำกัด**
- **Agentic AI**:
- ขาดความยืดหยุ่นในสถานการณ์ที่อยู่นอกเหนือการฝึกฝน
- ความผิดพลาดในระบบอัตโนมัติอาจส่งผลร้ายแรง
- **Generative AI**:
- ขึ้นอยู่กับคุณภาพของข้อมูลต้นแบบ หากข้อมูลมีอคติ อาจสร้างผลลัพธ์ที่ผิดพลาดหรือไม่เหมาะสม
- การประมวลผลที่ซับซ้อนอาจต้องใช้ทรัพยากรสูง
ประเด็นจริยธรรม
1. **ระบบอัตโนมัติในอาวุธ**
- การใช้ Agentic AI ในอาวุธอัตโนมัติสร้างคำถามด้านความรับผิดชอบในกรณีที่เกิดความผิดพลาด
2. **อคติในข้อมูล**
- Generative AI อาจสร้างเนื้อหาที่มีอคติหากข้อมูลที่ใช้ฝึกมีปัญหา
3. **ความเป็นส่วนตัว**
- AI ทั้งสองประเภทต้องพึ่งพาข้อมูลจำนวนมาก ซึ่งอาจกระทบต่อความเป็นส่วนตัวของผู้เกี่ยวข้อง
4. **ความปลอดภัยจากการโจมตีทางไซเบอร์**
- ระบบ AI อาจถูกเจาะข้อมูลหรือควบคุมโดยฝ่ายตรงข้าม ส่งผลกระทบต่อปฏิบัติการทั้งหมด
บทสรุป
การนำ Agentic AI และ Generative AI มาใช้ในปฏิบัติการทางทหารสามารถยกระดับศักยภาพด้านต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ Agentic AI ช่วยในด้านการทำงานอัตโนมัติและการตัดสินใจ ในขณะที่ Generative AI สนับสนุนด้านข่าวกรอง การวางแผนกลยุทธ์ และการฝึกอบรม อย่างไรก็ตาม การใช้ AI เหล่านี้จำเป็นต้องมีกรอบจริยธรรมที่เข้มงวดเพื่อป้องกันความเสี่ยงและส่งเสริมความรับผิดชอบในปฏิบัติการทางทหาร การรวมพลังของทั้งสองระบบจึงอาจเป็นก้าวสำคัญที่นำไปสู่การพัฒนาความมั่นคงในอนาคตอย่างยั่งยืน
ถ้าท่านพอใจกับบทความ กด "หัวใจ" กด "แชร์" และสนับสนุน "เพชร"
โฆษณา