เมื่อวาน เวลา 23:26 • กีฬา

ลิเวอร์พูลยิงทะลุ40ประตูยำเลสเตอร์ 3-1(RECAP)

ถ้าใครตื่นเช้ามาดูสกอร์ลิเวอร์พูลเอาชนะเลสเตอร์ 3-1 โดยเฉพาะการตกเป็นฝ่ายตามหลังไปก่อน 0-1 และตีเสมอ 1-1 ก่อนพักครึ่งอาจจะคิดว่าเกมน่าจะสูสี
แต่สำหรับคนที่เพ่งตาดูเกมค่ำคืนที่ผ่านมาต้องบอกว่าเกมขาดลอยมากๆ ถ้าพิจารณาตลอด 90 นาที ซึ่งที่ต้องใช้คำว่า “เพ่งตา” เพราะเกมนัดนี้โดยเฉพาะครึ่งแรกนั้นดูยากจริงๆ เพราะหมอกลงจัดที่แอนฟิลด์ ทำให้ภาพที่ออกมาไม่ชัด
น่าจะเป็นเกมที่มองแทบไม่เห็นในรอบหลายปี ใครตามข่าวตั้งแต่ก่อนเกมต้องเสียวไม่น้อย เพราะเกมเตะตี 3 เวลาบ้านเรา มีโอกาส “ตื่นฟรี” เสียวว่าเกมจะเลื่อนออกไปได้เหมือนกัน
มันทำให้นึกถึงเรื่องเล่าฮาๆ ในวงการฟุตบอลที่แซม บาร์แทรม ผู้รักษาประตูถูกเพื่อนแกล้งให้อยู่ในสนามคนเดียวไปประมาณ 15 นาที
เพราะหมอกลงจัดจนมองอะไรไม่เห็น แต่เพื่อนๆ เข้าไปห้องแต่งตัวหมดแล้วหลังกรรมการเป่ายกเลิก
 
น่าจะเป็นช่วงคริสต์มาสเหมือนกันด้วย สมัยก่อนไม่มีลำโพง คนดูสี่หมื่นกว่าก็ออกจากสนามไปตั้งแต่นาทีที่ 61 แต่บาร์แทรมไม่รู้อะไรเลย ลองค้นหาคลิป หรือเรื่องราวนี้ได้น่าจะมีหลายรูปแบบ
 
ต้นเกมสำหรับคนที่ใส่แว่น สายตาไม่ได้คมนักต้องบอกว่าดูยากจริงๆ และผมแอบคิดว่าอาจจะเป็นโอกาสสำหรับทีมที่โยนยาวจะได้เปรียบ (อันนี้แค่คิดเล่นๆ จริงๆ)
อาลีกลางสายหมอก
เพิ่มเติมนิดหน่อย กติกาฟุตบอล แม้จะเป็นดุลยพินิจของหลายฝ่ายในการจัดการแข่งขัน แต่เกมในสนามจะมีการเลื่อน ยุติ หรือพักเกม ถ้าจำไม่ผิดน่าจะต้องมองเห็นลูกบอลจากระยะไกลอีกฝั่งสุดสนามได้ และการใช้ลูกฟุตบอลสีเหลืองทำให้เกมดำเนินต่อไปง่ายขึ้น
แต่ภาพที่เราเห็นจากทีวีอาจจะไม่เหมือนกับสายตาในสนาม สังเกตจากกล้องมุมกว้างจะไม่ค่อยชัด กล้องตัวนี้จะใช้ซูม และเป็นภาพที่เราเห็นเป็นส่วนใหญ่ แต่ในสนามบอลน่าจะเห็นชัดกว่า โดยเฉพาะเวลาปรับไปกล้องตัวอื่นเราจะเห็นว่ามองเห็นได้ชัดเจน
รูปเกมจริงๆ เป็นแบบวันเวย์ เลสเตอร์แทบไม่มีโอกาสเลย น่าจะยิงเข้ากรอบครั้งเดียว และเป็นประตู ไปส่องสถิติคือเลสเตอร์มีโอกาส 4 ครั้ง(ผมต้องบอกว่าตอนไหนวะ!) ถ้าจำไม่ผิดครึ่งหลังน่าจะเป็น 0
เลสเตอร์เหมือนเล่นสควอชที่ตีเทนนิสใส่กำแพง ลิเวอร์พูลมีสถิติครองบอลในเกมนี้ที่ 68 เปอร์เซ็นต์ แต่ในเกมดูเหมือนครองได้มากกว่านั้นด้วยซ้ำ
หลังจากจอร์แดน อายิวยิงประตูในนาทีที่ 6 แทบไม่มีช่วงไหนของเกมที่ดูสูสี เรียกว่าเป็นเกมที่ลิเวอร์พูลคุมเกมได้อย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด
ต่อให้ตีเสมอไม่ได้ท้ายครึ่งแรก เชื่อว่าแฟนหงส์แดงที่ดูจะมั่นใจว่าทีมจะกลับมาได้ อย่างน้อยก็ไม่แพ้ เพราะก่อนที่จะได้ประตู 1-1 ซาลาห์ก็มีโอกาสหลายครั้ง รวมถึงรายอื่นๆ ด้วย ใครดูจนจบเกมต้องคิดว่ายิง 3 ประตูน้อยไป เพราะมีลูกที่ชนเสา-คาน 2 ครั้ง
ก่อนที่จะได้ 3-1 คักโปก็น่าจะได้ประตูจากจังหวะที่ VAR เช็กละเอียดมาก พูดตรงๆ รู้สึกเหมือนกรรมการจะทำยังไงให้ล้ำให้ได้!
คักโปเด่นมากในเกมนี้
แต่ล้ำก็ล้ำ จริงๆ ตอน 2-1 ก็เกิดเหตุการณ์แบบนี้ จนเสียวว่าประตูจะถูกริบ แต่เหมือนหามุมให้ล้ำหน้าไม่ได้ ซึ่งถ้าจะละเอียดแบบนี้ ก็ขอให้ละเอียดทุกเกมละกันเป็นมาตรฐานนี้นะ PGMOL
นอกจากจะอ้างว่าเพราะหมอกเป็นเหตุ เฉพาะวีเออาร์เกมนี้ก็เช็กไปเป็นสิบนาที ซึ่งผมว่าแฟนบอลไม่เกี่ยง ขอให้มันถูกต้องละกัน
ครึ่งแรกอาจจะเป็น เพราะลิเวอร์พูลใช้บอลโยนมากไปหน่อย ซึ่งเป็นวันที่ทั้งเทรนต์ และร็อบโบ้โยนลึกไปกว่าปกติ พอครึ่งหลังปรับมาเจาะตามช่องมากขึ้น บี้เลสเตอร์มากขึ้น ทำให้เกมแบบวันเวย์จริงๆ
และที่ชอบที่สุดคือไม่ว่าจะนำ 2-1, 3-1 ลิเวอร์พูลก็ยังคุมเกม บุกต่อ ไม่ได้ผ่อนจนเลสเตอร์กลับมาสู่เกม อาจจะช้าลงบ้าง แต่ก็ยังรักษาความได้เปรียบ ถ้าเทียบกับยุคก่อนนำประตูเดียวคงมีช่วงเสียว แต่ตอนนี้เรียกว่าโอกาสเกิดความผิดพลาดน้อยลงมาก
นั่นทำให้ผลการแข่งขันออกมาแบบนี้
และนี่น่าสนใจมากในเกมนี้คือ 18 ตัว ไม่ใช่แค่ 11 ตัวจริง ลิเวอร์พูลมีขุมกำลังที่แน่นมาก 7 คนบนม้านั่งสำรองไม่มีเด็กเลยเหมือนหลายเกมที่ผ่านมา ยิ่งถ้าได้โกนาเต้ และแบรดลีย์กลับมาเมื่อไหร่ บางทีผู้เล่นชุดใหญ่อาจจะต้องแย่งกันเองเพื่ออยู่บนม้านั่ง
ไล่ไปรายตัวอลีสซง เบ็คเกอร์น่าจะทำงานน้อยที่สุด แม้จะเสียประตูแต่จังหวะเสียก็บอลแฉลบว่าอะไรไม่ได้ ผมว่าอาลีเก่งแล้วที่มองเห็นบอลเวลาเลสเตอร์สาดทิ้งมา!
 
จากหมอกที่ลง ผมว่าอาลียืนหนาวที่สุดคนเดียวในเกมนี้เลย เพราะไม่ได้มีส่วนกับเกมมากนัก
แผงหลังก็เป็นไปตามคาดหมาย ช่วงนี้คงต้องใช้ชุดนี้จริงๆ โกเมซ กับฟาน ไดค์ทำได้ตามมาตรฐาน โกเมซมีโดนใบเหลือง แต่ผมว่าจังหวะที่เขาพลิกบอลริมเส้นด้านขวาเป็นการโชว์ลีลาที่ทำให้นึกถึงคลิปเมสซี่ที่ผมเพิ่งดูในวันเดียวกัน!
ถ้าไม่มีประตูของคักโป ผมว่าช็อตนี้เป็นไฮไลท์ของครึ่งแรกเลย
ฟาน ไดค์มีบอลแฉลบเข้า แต่หยุดดาก้าได้ดีมากทั้งเกม ดาก้านี่คือตัวอันตรายของเลสเตอร์ แต่กลายเป็นอายิวที่เด่นสุดของทีมเยือน ซึ่งประตูที่เสียโทษพี่ยักษ์ไม่ได้จริงๆ และทั้งเกมเขาก็เก็บบอลยาวกินได้หมด
คนที่ต้องบอกว่าสม่ำเสมอน้อยที่สุด คือร็อบโบ้ ประตูที่เสียให้อายิวเขาอ่านจังหวะผิด(อีกแล้ว) ดักผิดทาง ทำให้เสียประตู ต้องบอกว่าฤดูกาลนี้ร็อบโบ้อาจจะทั้งผิดพลาด และซวยในเวลาเดียวกัน เพราะจังหวะที่เขาพลาดแล้วมักจะถูกคู่แข่งลงโทษ
การถูกเปลี่ยนตัวออกท้ายเกม ซิมิกาสกลับมาแล้วด้วย ถ้าเล่นได้ประมาณนี้ และเปิดบอลก็ไม่ได้ดีนักในเกมนี้ บางทีในไม่ช้าอาจจะเสียตำแหน่งให้ซิมิกาส
แต่ก็ต้องพิจารณาในรายละเอียดด้วย ผมคิดว่าการประสานงานกับคักโป กับนูนเญซ อาจจะยากกว่าวันที่ร็อบโบ้เล่นกับดิอาซที่ดูเหมือนปรับตัวเล่นด้วยกันมานานกว่า
ร็อบโบ้น่าจะเป็นคนที่เล่นได้ไม่ดีเท่าคนอื่นๆ ในเกมนี้ เช่นกันกับนูนเญซที่มีส่วนในประตูที่สอง และสร้างโอกาสหลายครั้ง จังหวะล้ำหน้าก็โชคร้ายมาก แต่ก็ต้องบอกว่าเป็นสองคนที่เล่นไม่ดีเท่าคนอื่นๆ
แดนกลางเกมนี้เซอร์ไพรส์เล็กน้อยที่ โซบอสไลเป็นตัวสำรองหลังจากทำได้ดีมากในเกมล่าสุด พิจารณาในจุดนี้ก็อาจจะเพราะเกมก่อนหน้านั้นวิ่งเยอะจริงๆ อาร์เน่อจึงให้สลับพักช่วงเทศกาล
แต่พอลงมาแล้วโดนใบเหลืองเลย ที่จะทำให้พลาดเกมกับเวสต์แฮม ไม่รู้ว่าตรงนี้เป็นแผนหรือไม่ เพราะลิเวอร์พูลมีนักเตะหลายคนมากที่เสี่ยงโทษแบน หากใบเหลืองเพิ่ม การที่โดนแบนในเกมเดียวกันอาจจะเสี่ยง ดังนั้นพักในเกมกับเวสต์แฮมและกลับมาในเกมแดงเดือดเลยอาจจะดีกว่า
ตรงนี้ไม่รู้ว่าผมคิดมากไปหรือไม่ แต่ก็เสียดายเหมือนกันหากคิดว่าจะไม่มีโซโบในเกมเยือนเวสต์แฮม
 
แดนกลางตัวจริงเกมนี้ แม็ค อัลลิสเตอร์ได้ไป 2 แอสซิสต์ และถูกเปลี่ยนออกท้ายเกมช่วงทดเวลาเจ็บ 9 นาทีให้เอลเลียตต์ลงมา ส่วนตัวคิดว่าให้แม็คก้าพักน้อยไปนิดหน่อย แต่ถ้าพูดเรื่องฟอร์มวันนี้อาจจะไม่ปรากฏในจอมาก แต่เขามีส่วนที่ทำให้ลิเวอร์พูลคุมเกมได้เบ็ดเสร็จ
กราเฟนแบร์คเป็นตัวปิดทองหลังพระจริงๆ และทำได้ดีต่อเนื่อง อาจจะไม่เด่น บอลที่เขาพลิกขึ้นหน้าที่อาจจะไม่เด่นเหมือนบางเกม เพราะเลสเตอร์อยู่ในแดนของตัวเองแทบทั้งทีม แต่เขาครองบอล หาช่องถ่ายบอลอย่างฉลาด และเป็นประโยชน์ เป็นคนช่วยคุมจังหวะเกมได้ดีมาก
ในแดนกลางโจนส์คือคนที่ยืนสูงที่สุด ผมสังเกตว่าในยุคของอาร์เน่อ เขานิ่งขึ้นมาก อาจจะเพราะมีลูกด้วย โตขึ้นด้วย การเลือกจังหวะเล่นลูกยาก ม้วน ถูกจังหวะกว่ายุคก่อนนี้ และทำประตูสำคัญในทีมนำ 2-1
ครึ่งแรกดูอึดอัดส่วนหนึ่ง เพราะแดนกลางไม่ได้ครองบอลนานพอ แบ็กสองข้างของเราเน้นเปิดยาวมากไปหน่อย จุดนี้เห็นชัดว่าอาร์เน่อแก้ในครึ่งหลัง ทำให้โอกาสอาจจะไม่จะแจ้ง การเปิดยาว แล้วตบเข้ามากลางสร้างจังหวะได้ แต่เลสเตอร์มีตัวผู้เล่นเยอะทำให้กันได้ง่ายขึ้น
คนที่เด่นที่สุดในเกมนี้คือคักโป ตั้งแต่ก่อนได้ประตูแล้ว เขาบังบอลได้แบบกองหน้าสไตล์โบราณ ลงมาเลี้ยงได้เหมือนปีก อาจจะไม่ได้ดูคล่องแคล่วนัก แต่เป็นคนตัวสูงที่นับว่าเลี้ยงได้ดีมากแล้ว
เขาสะใจกับประตูตีเสมอแบบน่ารักมาก และน่าจะได้อีกประตูเป็น 3-1 แต่วีเออาร์ริบไป ซึ่งลูกนั้นยิงเข้าไปก็ไม่ง่าย เพราะเลสเตอร์คุมเส้นหลายคน เสียดายที่ไม่ใช่ประตูที่สองของเขา
เคอร์ติส โจนส์มีสกอร์อีกแล้ว
สุดท้ายไม่พูดถึงไม่ได้เลยคือโม ซาลาห์อีกแล้ว ประตูของเขาไม่ได้ดูซับซ้อน ไม่ได้ใช้ทักษะที่เหนือชั้นมากมายถ้ามองในเรื่องเบสิก แต่พื้นฐานจากประสบการณ์ ความคิด มันสมอง เขารู้ว่าจังหวะนั้นที่ยิงก็มากพอจะเป็นประตู ที่ทำให้กองหลัง และโกลเลสเตอร์ที่ทำได้ดีในเกมนี้หมดสิทธิ์ป้องกัน
วันนี้อาร์เน่อให้เอ็นโดลงมาเล่นท้ายเกมหน่อย อาจจะเพราะมีทดเจ็บนานเลยดูว่าได้เล่นนานสิบกว่านาที แต่จริงๆ การให้ลงนาทีที่ 87 ก็ช้าไปหน่อยนะบอส!
 
โชต้า โซโบลงมานาทีที่ 78 เอ็นโด และซิมิกาสลงเล่นนาที 87 เอลเลียตต์ลงมาทดเจ็บนาทีที่ 2 ก็ถือว่าไม่ได้มีใครมีส่วนกับเกมมากนักแล้ว เพราะตอนนั้นเกมปิดแล้ว
ทั้งเกมลิเวอร์พูลเล่นแตกต่างกัน จุดที่หงุดหงิดนิดหน่อยคือโอกาสจากจังหวะเตะมุม เกมนี้ได้ไป 14 ครั้ง น่าจะกระจุกในครึ่งแรก วันนี้เทรนต์ หรือคนอื่น เน้นเตะไปเสาแรกเกือบตลอด และมันไม่ได้ผลเลย ครึ่งแรกคือโยนมากไปจริงๆ
แต่ครึ่งหลังก็เห็นความยอดเยี่ยมของอาร์เน่อที่ไม่เห็นการเล่นแบบนั้นอีก ดูเหมือนจะมีคำสั่งมาชัดเจน ตรงนี้ต้องชม และเห็นว่าลิเวอร์พูลมีความหลากหลายตลอด 90 นาทีที่มีช่วงที่เล่นหลายแบบ
สุดท้ายนี้ก็เป็นอีกปี น่าจะ 8 ฤดูกาลติดต่อกันที่ชนะในบ็อกซิ่งเดย์ ไม่แน่ใจว่าเป็นสถิติของลีกเลยหรือไม่ แต่น่าจะเป็นสถิติของสโมสรอยู่แล้ว เพราะเป็นสถิติที่เพิ่มจากปีที่แล้ว
นอกจากนี้มันทำให้ลิเวอร์พูลทิ้งเชลซีไป 7 แต้ม แถมแข่งน้อยกว่า 1 นัด อาจจะแข่งเท่าอาร์เซนอล ที่นำอยู่ 6 แต้ม ส่วนตัวยังมองว่าอาร์เซนอลคือคู่แข่งสำคัญมากกว่า แต่การที่ฟูแล่มที่ผมบอกไปหน้าเพจว่าจะเป็นตัวแปรใน 4 เกมที่ผ่านมา
ผิดคาดคือฟูแล่มไม่แพ้เลยต่ออาร์เซนอล, ลิเวอร์พูล และถึงกับบุกชนะเชลซีด้วย! แถมเป็นชัยชนะนาทีบาปแบบนั้น อาจจะส่งผลต่อความมั่นใจของเชลซีเช่นกัน กลายเป็นว่าจากที่มีโอกาสขึ้นจ่าฝูง เชลซีได้แค่ 1 จาก 6 แต้มหลังสุด ชัดว่าทีมอายุน้อยของมาเรสก้าแอบกดดันเหมือนกัน
แมนฯ ซิตี้เสมอเอฟเวอร์ตันไปตั้งแต่หัววัน ทำให้ยิ่งกาพวกเขาทิ้งจากการลุ้นแชมป์ได้แล้ว และตอนนี้ชัดว่าซิตี้อาจจะต้องแย่งพื้นที่แชมเปียนส์ลีกด้วยซ้ำ ขณะที่แมนฯ ยูฯ 14 อีกครั้ง ผมหวังว่าเกมหน้ากับนิวคาสเซิลพวกเขาจะไม่แย่เกินไป ไม่อย่างนั้นอาจจะมีพลังพิเศษในการเยือนแอนฟิลด์หลังจากนั้น
แต่ว่าตามตรงตอนนี้แมนฯ ยูไนเต็ดยังไม่น่าสนใจที่จะพูดถึง จนกว่าจะผ่านเกมเยือนเวสต์แฮมนัดหน้า ที่ไม่ง่ายสำหรับลิเวอร์พูลหรอก การเล่นอาทิตย์-พฤหัสบดี ไม่ใช่เรื่องง่ายอยู่แล้ว
อย่างไรก็ตามมันก็เป็นของขวัญคริสต์มาสที่สมบูรณ์แบบสำหรับแฟนบอลลิเวอร์พูล หลังจากนี้ก็รอดูของขวัญสิ้นปี และปีใหม่ต่อไป ถ้าเรื่องฟุตบอลตอนนี้แฟนหงส์แดงน่าจะเป็นแฟนบอลที่มีความสุขที่สุดอาจจะในยุโรป หรือในโลกเวลานี้
เดี๋ยวพรุ่งนี้เล่น 18 เกมครบ(ลิเวอร์พูลจะค้าง 1 เกม)ค่อยมาสรุปสถานการณ์อีกที
สุดท้ายพูดถึงโมอีกครั้ง เขาให้สัมภาษณ์อย่างถ่อมตัวทีเดียวว่าต้องเน้นนัดต่อนัด เขาไม่พูดถึงฟอร์มส่วนตัว แต่สำคัญคือชัยชนะของทีม
“Hopefully we win the Premier League for this club - it's something I dream of. I really want to win the Premier League this year, hopefully.”
“หวังว่าเราจะคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกให้กับสโมสรแห่งนี้ มันคือสิ่งที่ผมฝันถึง ผมอยากจะคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกปีนี้ หวังว่าจะเป็นอย่างนั้น”
ซาลาห์ให้สัมภาษณ์หลังเกมอย่างนั้น
แฟนบอลก็น่าจะเริ่มฝันได้เต็มที่แล้วจริงๆ
จินตะปัญญา
โฆษณา