27 ธ.ค. 2024 เวลา 04:47 • ดนตรี เพลง

ทำไม “เพลงคริสต์มาสคลาสสิก” ถึงยังคงได้รับความนิยมเช่นเคย ติดหู ฮิตตลอดกาล

ทุกคนต่างก็มีเพลงคริสต์มาสโปรด ไม่ว่าจะเป็นเพลง All I Want for Christmas is You ของ มารายห์ แครีย์ หรือเพลง Last Christmas ของ Wham เพลงคลาสสิกเหล่านี้ยังคงได้รับความนิยมมาอย่างยาวนาน โดยมีอายุนับจากวางแผงครั้งแรกกว่า 30 - 40 ปี
1
ในขณะเดียวกันเพลงคริสต์มาสยอดนิยมอย่างเพลง Rudolf the Red-nosed Reindeer เพลง White Christmas และเพลง The Christmas Song ก็ยังคงได้รับความนิยมมายาวนาน โดยปัจจุบันเพลง Jingle Bells มีอายุกว่า 167 ปีแล้ว ตามที่ Billboard ระบุว่าเพลงคริสต์มาสยอดนิยมบางเพลงมีอายุยืนยาวกว่าศิลปินดั้งเดิมเสียอีก [1]
แล้วเคล็ดลับในการดึงดูดให้คนฟังเพลงเหล่านี้คืออะไร ใช่แค่เพียงเรื่องทางธุรกิจ เปิดวนไปวนมา หรือเอาขึ้นแพลตฟอร์มสตรีมมิงหรือไม่ มาลองวิเคราะห์กัน
  • เพลงคริสต์มาสคลาสสิกกระตุ้นอารมณ์คนฟังให้หวงรำลึกถึงบรรยากาศในอดีต
มันเหมือนบางสิ่งที่กระตุ้นผู้คนและทำให้พวกเขารู้สึกเชื่อมโยงกับเพลง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องทำให้คิดถึงอดีต ความเจ็บปวด หรือแบบเพลง All I Want for Christmas ที่ให้โทนร่าเริงและมีชีวิตชีวา นอกจากนี้เพลงดังกล่าวยังมี “เนื้อหาที่ค่อนข้างเรียบง่ายและเข้าใจง่าย” อีกด้วย
เพลงเหล่านี้มีเนื้อหาเบาๆ และมักไม่เกี่ยวข้องกับศาสนาเหมือนบางเพลง เปิดได้ทุกโอกาส มีเนื้อหาเกี่ยวกับวันหยุด หิมะ ของขวัญ และความรัก และบางเพลงก็เกี่ยวกับข้อความแห่งสันติภาพหรือการกุศล
  • ตัวคาแรคเตอร์ของเพลงเองที่มีผล [2]
  • อารมณ์ความรู้สึก: เพลงจะมีความน่าดึงดูดใจหรือความรู้สึกคิดถึงที่เชื่อมโยงกับผู้คนและปลุกเร้าจิตวิญญาณของวันหยุด ลองนึกถึงเพลง เช่น “I’ll Be Home for Christmas” และ “Have Yourself a Merry Little Christmas” หรือ “Christmas Time is Here”
  • ทำนองที่ติดหู: ตัวอย่างเช่น “Jingle Bell Rock” “Rockin’ Around the Christmas Tree” และ “Let It Snow! Let It Snow! Let It Snow!”
  • จังหวะที่เร้าใจ: เพลงคริสต์มาสคลาสสิกส่วนใหญ่มีจังหวะที่เร้าใจ รื่นเริง และสนุกสนาน ยกเว้นเพลงแนวบัลลาดบางเพลง ลองนึกถึงเพลง “Rudolph the Red-Nosed Reindeer,” “Sleigh Ride” และ “Santa Claus is Coming to Town”
  • ความคิดถึงที่ไร้กาลเวลา: เพลงที่ย้อนกลับไปในยุคก่อนหรือเสียงที่สะท้อนความรู้สึกคิดถึงวันหยุดของผู้คน ตัวอย่างเช่น “It's Beginning to Look A Lot Like Christmas” และเพลงในอัลบั้ม "Charlie Brown Christmas" ทั้งอัลบั้ม
  • ทำไมเพลงคริสต์มาสเก่าๆ ถึงยังคงครองตลาดอยู่?
ตามที่ Bailey-Lemansky ผู้สอนทฤษฎีดนตรีให้กับนักศึกษาเอกศิลปะการบันทึกเสียงและการผลิต ชี้ให้เห็นว่า “ทุกวันนี้ เพลงต่างๆ ยากที่จะเข้าถึงจิตสำนึกของสาธารณชน” นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมชาร์ตเพลง Greatest of All Time Holiday 100 Songs ของ Billboard จึงมีแต่ลิสต์เพลงเก่าส่วนใหญ่ [2]
Bailey-Lemansky กล่าวว่าเพลงคลาสสิกอย่าง “All I Want for Christmas Is You” ของแครีย์ ครองชาร์ตเพลงคริสต์มาสของ Billboard อย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่ Billboard เริ่มทำชาร์ตเพลงคริสต์มาส ในทำนองเดียวกันอัลบั้มคริสต์มาสของ “ไมเคิล บูเบลย์” ที่เต็มไปด้วยเพลงคริสต์มาสคลาสสิกเอามารีอาเรนท์ขับร้องใหม่ในปี 2011 ยังคงครองอันดับ 1 ในชาร์ต Top Holiday Albums สัปดาห์แล้วสัปดาห์เล่า [3][4]
การเปลี่ยนรูปแบบฟังเพลงมาใช้การสตรีมมิงยังทำให้สุนทรียรสของการฟังเพลงเปลี่ยนไปด้วย แม้ว่าศิลปินอย่างแครีย์ที่เคยและยังได้รับค่าลิขสิทธิ์จำนวนมาก แต่รายได้จากการสตรีมเพลงในปัจจุบันนั้นเป็นเพียง “เศษเสี้ยวเล็กน้อย” Bailey-Lemansky กล่าวว่าในทางกลับกัน “การทัวร์คอนเสิร์ตและข้อตกลงการอนุญาตสิทธิ์ต่างหากที่เป็นตัวขับเคลื่อนรายได้ที่แท้จริง”
ราชินีเพลงแห่งคริสต์มาส (มารายห์ แครีย์) เองก็พยายามรักษาเพลง “All I Want for Christmas is You” ของเธอให้คงอยู่ต่อไป โดยยังต้องออกทัวร์คอนเสิร์ตพบแฟนเพลงด้วยตัวเองในหลายเมืองของปีนี้เพื่อเฉลิมฉลองครบรอบ 30 ปีของเพลงนี้ในปี 2024 นี้
เครดิตภาพ: Kevin Winter/Getty Images
เหตุใดเพลงเก่าๆ จึงคงอยู่ต่อไปก็เพราะว่า ในวัฒนธรรมตะวันตกเทศกาลคริสต์มาสเป็นช่วงเวลาแห่งความสุข ไม่ใช่สำหรับทุกคน แต่สำหรับคนส่วนใหญ่แล้ว เป็นช่วงเวลาแห่งความสุข เป็นช่วงเวลาที่เหมือนกับตอนที่เรายังเป็นเด็ก เราตื่นเต้นมากเพราะซานต้ากำลังจะมา จากนั้นเราก็จะได้รับของขวัญและสมาชิกในครอบครัวก็อยู่ที่นั่น และมีไฟส่องสว่างอยู่ทุกที่ มันเป็นประสบการณ์ที่วิเศษและการได้ฟังเพลงประกอบช่วงเวลาอันอบอุ่นในชีวิตของเรานั้นทำให้เราหวนคิดถึงวันเก่าๆ อีกครั้ง
  • เชิงอรรถ:
<เครดิตภาพปก: Kevin Mazur/Getty Images for Mariah Carey>
โฆษณา