Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
Main Stand
ยืนยันแล้ว
•
ติดตาม
29 ธ.ค. 2024 เวลา 03:45 • กีฬา
ไทเลอร์ ดิบลิง : ช่วงเวลา 1 คริสต์มาสที่เปลี่ยนจาก "เด็กน้อย" สู่ "เดอะแบก" นักบุญ | Main Stand
แม้จะเป็นปีที่ เซาธ์แฮมป์ตัน ดำดิ่งอยู่ท้ายตารางตั้งแต่ต้นซีซั่นทว่าพวกเขายังมีแสงสว่างเล็ก ๆ จากนักเตะดาวรุ่งที่สร้างขึ้นมาเองอย่าง ไทเลอร์ ดริบบิ้ง เปล่งประกายโดดเด่นจนหลายทีมจับตามอง
ในวัยแค่ 18 ปี ไอ้หนูคนนี้กลายเป็นกำลังสำคัญของทีมทั้ง ๆ ที่ย้อนกลับไปเมื่อ คริสต์มาส ที่แล้วเจ้าตัวยังเคยอธิษฐานว่า "ขอให้ได้ขึ้นชุดใหญ่" อยู่เลยด้วยซ้ำ
แต่ว่าตอนนี้เขาจะต้องร่ายรำด้วยลีลาอันเร้าใจพาทีมหนีตายในช่่วงคริสต์มาสในพรีเมียร์ลีกปีแรกของเขา ... ติดตามเรื่องราวของไอ้หนูถุงเท้าสั้นได้ที่นี่
กำเนิดดริบลิง
ไทเลอร์ ดิบลิ่ง ถือว่าเป็นเด็กใต้ใจเต็มมาตั้งแต่กำเนิด เขาเกิดที่ เอ็กซ์เตอร์ เมืองทางตอนใต้ โดยครอบครัวชนชั้นแรงงานที่มีพ่อเป็นคนที่รักฟุตบอลมาก ๆ อย่าง แซม ดิบลิ่ง
แซม อาจจะต้องทำงานหนักเลี้ยงครอบครัว แต่เขาไม่เคยลืมพาลูก ๆ ไปทำกิจกรรมในวันหยุด ตัวของแซมนั้นเป็นนักเตะของทีม Axminster Town ซึ่งเป็นทีมื้องถิ่น และได้พาลูกชายของเขาไปเล่น ไปดู และไปแข่งฟุตบอลเด็กด้วยตลอด ซึ่งนั่นทำให้ ไทเลอร์ ดิบลิง เล่นฟุตบอลเป็นก่อนจะพูดคล่องด้วยซ้ำ
ด้วยความที่เล่นบอลก่อนจะรู้ความทำให้ฟอร์มของ ดิบลิง ไปเข้าตา เซาธ์แฮมป์ตัน ทีมแดนใต้ที่ดังที่สุดในประเทศ และมีอคาเดมี่ที่ยอดยเยี่ยมที่สุด สุดท้ายเขาก็ได้เขาอคาเดมี่ของทีมนักบุญแดนใต้ตั้งแต่อายุ 7 ขวบ และเริ่มเล่นฟุตบอลจริงจังนับตั้งแต่วันนั้น
"ผมมีทีมฟุตบอลเล่นตั้งแต่อายุ 4 ขวบ และเริ่มซ้อมฟุตบอลจริงจังตอนอายุ 7 ขวบ ได้สัญญาฉบับแรกตอนอายุ 8 ขวบ ต้องขอบคุณพ่อที่ขับรถจากบ้านพาผมมาซ้อมที่สโมสรสัปดาห์ละ 2 ครั้งแม้บ้านเราจะไม่ได้ร่ำรวยมากนัก" ดิบลิง กล่าว
"ตอนเด็ก ๆ คุณนึกไม่ออก และไม่ได้คิดถึงสิ่งที่พ่อและแม่ทำเพื่อคุณมากนัก แต่เอาเป็นว่าตลอดช่วงวัยเด็กผมแทบจำไม่ได้แล้วว่าพ่อขับรถไปรับไปส่งผมกี่ร้อยกี่พันกิโลเมตร แต่รับรองได้ว่ามันเยอะมาก ๆ"
ดิบลิง มาที่นี่ในฐานะเด็กบ้านไกลกว่าคนอื่น ๆ ทำให้เขาไม่มีเพื่อนมากนัก ทำให้เขาค่อนข้างเก็บตัวและเป็นคนเงียบ ๆ แต่เมื่อมีโอกาสได้ลงสนามแต่ละครั้ง ผู้คนจะต้องถามออกมาว่าเด็กคนนี้คือใคร ? สิ่งที่ติดตัวเขามาตั้งแต่จำความได้คือการเลี้ยงบอล ... เนื่องจากเขาสัมผัสกับลูกบอลมาตั้งแต่ยังจำความไม่ได้ดังที่กล่าวไว้ในข้างต้น ดังนั้นเรื่องการคอนโทรลลูกฟุตบอลจึงเป็นสิ่งที่ ดิบลิง โดดเด่นมาเสมอ และไม่เคยมีนักเตะรุ่นเดียวกันคนไหนทำได้เนียนเหมือนกับเขาเลย
"ผมเลี้ยงบอลแบบนี้มาตั้งแต่อายุ 5 ขวบ ตอนนั้นผมเล่นในซันเดย์ลีก ผมตัวเล็ก ผมจึงได้รับบทบาทในตำแหน่งปีกกับมิดฟิลด์ตัวรุกเป็นหลักเสมอ จากนั้นผมเริ่มถูกส่งลงเล่นกับเด็กที่อายุมากกว่ามากขึ้นเรื่อย ๆ ... และนั่นเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญเหมือนกัน"
"คุณพัฒนาขึ้นแน่ในการดวลกับคนที่อายุเยอะกว่าหรือตัวโตกว่า แต่ในทางกลับกัน คุณจะโดนพวกเขาเล่นงานอย่างเลี่ยงไม่ได้ คุณจะต้องหลบหลีก เอาชนะคู่ต่อสู้ คุณจะต้องมีไหวพริบเลือกเล่นให้ถูกจังหวะ อย่าให้โดนเตะฟรี นั่นแหละเป็นสิ่งที่ช่วยได้มากจริง ๆ ถ้าคุณปรับตัวได้"
เมื่อดิบลิง อธิบายวิธีที่เขาเติบโตมาคุณจะไม่สงสัยว่าทำไมไอดอลของเขาจึงเป็น ลิโอเนล เมสซี่ และ เอเด็น อาซาร์ นักเตะที่เอาตัวรอดจากการ "หลบตีน" คู่แข่งได้ดีที่สุด
1
"เมสซี่ คือคนที่ใช่ที่สุด แต่ อาซาร์ ก็เป็นอีกคนที่เอาตัวรอดเก่งเป็นเลิศ พวกเขาทั้งคู่เลี้ยงบอล และมีวิธีฉกบอลจากคู่แข่งได้ดี พวกเขาเอาชนะคู่แข่ง พร้อมเล่นด้วยความสนุกและอิสระในเวลาเดียวกัน" ดิบลิง กล่าว
ด้วยสิ่งที่เขาบอกมา ดิบลิง กลายเป็นเด็กแถวหน้าของ อคาเดมี่เซาธ์แฮมป์ตัน ที่ที่สร้างนักเตะอย่าง แกเรธ เบล, ธีโอ วัลค็อตต์ และอีกหลายคน ลีลาการเลี้ยงบอลของเขาด้วยเท้าซ้าย และการดึงถุงเท้าลงแค่ครึ่งแข้งเป็นภาพที่ทุกคนจำเขาได้ชัดที่สุด จากนั้นไม่นานนักสโมสรยักษ์ใหญ๋จากเมืองหลวงอย่าง เชลซี ก็ติดต่อเข้ามาผ่านคลิปวีดีโอที่เป็นไวรัลในประเทศอังกฤษ ซึ่งรังสรรค์โดยฝีเท้าของ ดิบลิง ล้วน ๆ
คลิปเดียวสู่ London Calling
ดิบลิง ไต่ระดับจนขึ้นมาเล่นในรุ่นอายุ ยู18 ตอนที่เขาอายุแค่ 15 ปีเท่านั้น ซึ่งเล่นได้แค่ปีเดียวก็เหมือนว่ารุ่นยู 18 จะเอาไม่อยู่เนื่องจากมีเกมการแข่งขันที่ เซนต์ เจมส์ พาร์ค ที่เซาธ์ฯ บุกเยือน นิวคาสเซิล ชุดยู-18 ซึ่งในเกมนั้น ดิบลิง ยิงคนเดียว 3 ประตู ให้ทีมเอาชนะ 3-0
ยิ่ง่กว่าชัยชนะ 3-0 และ 3 ประตูที่ยิงได้คือรายละเอียดแต่ละลูกที่ยิง ... ทั้ง 3 ประตูของ ดิบลิง เกิดขึ้นจากการโซโล่ระยะแหวกผู้เล่นของคู่แข่ง 2-3-4 หรือ 5 คน ก่อนจะกดด้วยซ้ายจากบริเวณหัวกระโหลกเสียบหน้าต่างประตูคู่แข่งทุกลูก! ย้ำว่าทุกลูก และคลิปนั้นกลายเป็นไวรัล ดังชนิดที่ว่า เชลซี ต้องมาเซ็นสัญญาเขาไปร่วมทีมเลยทีเดียว และเมื่อได้ยินคำว่า เชลซี ดิบลิง ก็ต้องบอกกับต้นสังกัดของเขาว่า "ขอย้าย" เนื่องจากนี่คือทีมในฝันของเขา
"ตอนยังอายุน้อยการที่คุณเป็นที่รู้จักในโซเชี่ยลมันเป็นอะไรที่สุดยอดมาก ตัวของผมดังขึ้นมาจากคลิปนั้นแหละ ซึ่งพอได้ยิน เชลซี ติดต่อมาผมขอให้เอเย่นต์ของผมทำให้ดีลนี้เกิดขึ้น"
"ผมเป็นแฟนเชลซีมาตั้งแต่เด็ก ๆ ผมมีพี่ชายและน้องชายอีก 2 คน ซึ่งทุกคนชียร์เชลซีกันทั้งหมด เมื่อคุณได้ยินว่ามีข้อเสนอแบบนั้น คุณก็จำเป็นจะต้องกระโดดเข้าใส่มัน ผมเลือก เชลซี แบบไม่ลังเล"
หลังจากคลิปไวรัลดังได้ 2 เดือน ดิบบิง ในวัย 16 ปี ย้ายไปอยู่กับ เชลซี ตามความฝันของเขา ภาพของเด็กหนุ่มที่ได้เล่นให้ทีมรัก มองยังไงก็ควรเป็นสิ่งที่ชวนติดตาม เพียงแต่ว่าบางครั้งสิ่งที่คิด ก็ไม่ตรงกับสิ่งที่เกิดขึ้นจริง
ดิบลิง ต้องไกลบ้านและเขาเป็นคนที่ขี้อาย พูดน้อย เข้าสังคมไม่เก่ง เขาไปอยู่ที่ เชลซี ได้แค่ 2 เดือนเท่านั้น เขาได้เล่นน้อยลง และเริ่มรู้สึกว่าบางทีเขาอาจจะคิดน้อยไปหน่อยก่อนจะมาที่นี่ ทีมใหญ่ นักเตะเยอะ และรวมพลนักเตะอายุน้อย ๆ ฝีเท้าดี ๆ จากหลากหลายประเทศนั่นทำให้โอกาสของ ดิบลิง มีน้อยลง
เขาไม่ได้คิดว่าการถอยหลังคือการยอมแพ้ แต่การอยู่ในที่ที่คิดว่าไม่ใช่ อยู่ไปโดยฝืนใจคือสิ่งที่ไม่เกิดประโยชน์ และโชคดีที่เขาไม่ลังเลที่จะยอมรับว่าตัวเองตัดสินใจผิดพลาด เขาโทรหาพ่อของเขาให้ช่่วยติดต่อคนที่ เซาธ์แฮมป์ตัน เพื่อให้ได้กลับมายังสโมสรเดิมอีกครั้ง
"มีเด็กน้อยคนที่จะขอออกจาก เชลซี ด้วยตัวเอง แต่ท้ายที่สุดผมก็คิดว่าตัวเองกล้าพอที่จะยอมรับในความผิดพลาดของตัวเอง ผมตัดสินใจใหม่อีกครั้งและเลือกที่จะเล่นฟุตบอลให้มีความสุขไว้ก่อน ผมเข้าใจอย่างรวดเร็วนะว่าการเล่นให้มีความสุข สำคัญมากกว่าการเจาะจงว่าต้องเล่นที่ไหน มีรายได้เท่าไหร่ และได้กลลายเป็นดาวเด่นหรือไม่ ผมกลับมาที่นี่เพราะผมคิดว่ามันเป็นที่ของผม และผมคิดว่าผมจะเติบโตได้ดีที่สุดกับทีม ๆ นี้"
1
คนที่ตัดสินใจดึง ดิบลิง กลับมาพร้อมมอบสัญญาฉบับใหม่ให้คือ เจสัน วิลค็อกซ์ ที่ปัจจุบันทำงานกับ แมนฯ ยูไนเต็ด ในตำแหน่งเผู้อำนวยการเทคนิค วิลค็อกซ์ ให้คำมั่นกับ ดิบลิง ว่า นี่คือการเซ็นสัญญาที่ไม่มีความหมายในแง่ของการ "รับเด็กกลับบ้าน" หรือเพราะความสงสารลูกหม้อแต่อย่างใด วิลค็อกซ์ ยืนยันว่า ดิบลิง จะเป็นกำลังหลักของทีมในไม่ช้า และขอให้เขาเข้าใจว่านี่คือการเซ็นสัญญาเกี่ยวกับเรื่องของฟุตบอลล้วน ๆ
วิลค็อกซ์ พยายามจะสื่อว่าทุกอย่างป็นเหตุผลด้านฟุตบอลการที่เขากลับมาที่นี่หากเขาไม่พัฒนาตัวเอง เขาก็จะต้องออกไปด้วยเหตุผลเดียวกัน ... แต่ถ้าหากเขาพัฒนาตัวเองได้ ทุกคนก็ยินดีที่จะเตรียมพื้นที่ให้กับทีมชุดใหญ่เอาไว้ให้สำหรับเขา นักเตะโควต้าโฮมโกรน นี่มีค่ายิ่งกว่าทองในวงการฟุตบอลอังกฤษ
จากคริสต์มาส ถึง คริสต์มาส
ดิบลิง ใช้เวลาปีเดียวเท่านั้นในการกลับมาของเขาก็สดใส เมื่อกุนซือหนุ่มอย่าง รัสเซล มาร์ติน ที่รับงานหลังจาก เซาธ์แฮมป์ตัน ตกชั้นในฤดูกาล 2023-24 ก็เลือกที่จะให้โอกาสเขามากขึ้น
ดิบลิง ได้ลงเล่นในเกม คาราบาว คัพ ในฐานะตัวสำรอง ในช่วงโปรแกรมใกล้คริสต์มาส ณ ตอนนั้นเขามองว่านี่คือของขวัญคริสต์มาสที่ดีที่สุดในชีวิต ทุกอย่างมันมาเร็วมากสำหรับเด็กอายุ 17 ปีอย่างเขา
ภาพของเด็กตัวบางร่างผอมสูง กับถุงเท้าครึ่งแข้งเลี้ยงบอลหลบคู่แข่งคนแล้วคนเล่า กลายเป็นภาพที่แฟนบอลเดอะ เซนต์ส เรียกร้องให้เกิดขึ้นอีกเรื่อย ๆ และ รัสเซล มาร์ติน ก็ทนเสียงเรียกร้องไม่ไหว หลังจากจบฤดูกาล 2023-24 ด้วยการคว้าโควต้าเลื่อนชั้นสู่พรีเมียร์ลีก เขาก็ตั้งใจจะใช้ช่วงปรีซีซั่นทดสอบฝีเท้าของ ดิบลิง ... และนั่นก็เป็นการตัดสินใจถูกที่ เพราะระหว่างนั้น ดิบลิง ก็เตรียมตัวพร้อมสำหรับช่วงของการทดสอบแล้ว
เขาเลือกที่จะพักร้อนให้สั้นลง ลงซ้อมให้มากขึ้น และเข้ายิมเพื่อทำร่างกายให้พร้อมสำหรับพรีซีซั่น เพราะเขารู้ว่านี่คือก้าวสำคัญ พรีเมียร์ลีกรออยู่ข้างหน้าแค่ก้าวเดียว ถ้าพรีซีซั่นเขาทำได้ดี ทุกอย่างจะหลังไหลเข้ามาถ้าเขาทำตัวให้พร้อมที่สุด
"ปีที่แล้วผมได้เล่นให้ทีมชุดใหญ่แค่เกมเดียวเท่านั้น ดังนั้นผมบอกเลยว่าผมจะโชว์ให้เต็มที่ให้เต็มตา รัสส์(รัสเซล มาร์ติน) ผมจะทำให้เขารู่ไปเลนว่าทำไมเขาควรมีผมไว้ในทีมชุดใหญ่"
"รัสส์ เห็นผมเล่นและเขาดูแลผมเหมือนเป็นลูกชายคนหนึ่ง เขาบอกสิ่งที่ผมควรทำ กระตุ้นผมอยู่ตลอดด้วยการบอกว่าเขาคาดหวังจะเห็นผมก้าวข้ามขีดจำกัดของตัวเอง เพราะสโมสรแห่งนี้ต้องการผม นั่นแหละผมว่ามันสำคัญมากเลยมที่ผมพยายามสละตัวเองทุกอย่างเพื่อให้มีวันนี้" ดิบลิง กล่าว
แน่นอนว่าหากใครได้ดูลีลาการเล่นของเขาในปีนี้ คุณจะแทบไม่เชื่อว่าเขาอายุ 18 ปี การเอาชนะดวลตัวต่อตัวของเขาไม่แพ้ใครเลย และเท้าซ้ายของเขาดูอันตราย เล่นน้อยจังหวะ และไปข้างหน้าได้ด้วยตัวคนเดียว .. นี่คือศักยภาพที่ใครเห็นก็ต้องยอมรับว่าเด็กคนนี้ไปได้อีกไกลแน่ ๆ
จากคนที่แทบไม่เคยเล่นชุดใหญ่ ในปีนี้่ ดิบลิง กลายเป็นคนแบกเกมรุกของทีมไปแล้ว เขาลงเล่นพรีเมียร์ลีกครบทุกเกมในซีซั่นนี้ แม้จะยิงได้แค่ลูกเดียว แต่ทุกนัดที่ลงสนาม ชื่อของเขาก็จะถูกแฟนบอลคู่แข่งพูดถึงเสมอว่า "ไอนี่ใคร(วะ)" เช่นเกมที่แพ้ แมนฯ ยูไนเต็ด 1-3 ในเกมนั้น ดิบลิง ก็เล่นซะจนโดนชมว่า "มีประโยชน์กว่า มาร์คัส แรชฟอร์ด เลยทีเดียว"
"ผมรู้สึกเหมือนตัวเองอยู่ในเกมฟีฟ่า อยู่ดี ๆ คุณก็ได้ลงสนามเจอกับ แมนฯ ยูไนเต็ด โดยจะต้องดวลกับ แรชฟอร์ด นักเตะที่ผมใช้ในเกม FIFA มาตลอด เกมนั้นเป็นเกมที่ผมประหม่า และตื่นเต้นมาก มันเป็นเกมที่ทำให้ผมพัฒนาตัวเองไปอีกขั้น ผมพยายามตั้งหลัก มีสติกับเกมของตัวเอง จากนั้นผมเรียกจุดโทษจาก ดาโลต์ ได้ ผมยังจำที่เพื่อนรักของผม แซม อาโม-อาเมยอว์ บอกกับผมได้ว่า 'ได้โอกาสแล้วก็อย่าเอาแต่หนีหรือส่งบอลกลับหลังล่ะ ... ถ้าแกพยายามเอาชนะได้ แกจะได้อยู่กับทีมต่อ'.. ผมทำตามที่เขาพูด แล้วมันก็ได้ผล" ดิบลิง กล่าว
จากพรีซีซั่นมาจนถึงตอนนี้สถานการณ์ของ เซาธ์แฮมป์ตัน ไม่ดีนักเนื่องจากยังจมบ๊วยต่อเนื่อง แต่ถ้าคุณดูเฉพาะการเล่นของ ดิบลิง เพียงคนเดียว คุณจะเข้าใจทันทีว่าเด็กคนนี้มีของ และมีโอกาสจะไปได้ไกล
จากคริสต์มาสปีที่แล้วที่เขาเซฟรูปตัวเองในเกมคาราบาว คัพ ลงในมือถือและเอาไปอวดพ่อ-แม่ และเพื่อนว่า "เขาได้ออกทีวี" ผ่านมาจนถึง คริสต์มาส นี้ ดิบลิง เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว
เขากลายเป็นสตาร์ประจำทีมที่ขึ้นหน้าปกนิตยสารแมตช์เดย์ของสโมสร กลายเป็นคนที่แฟนบอลยอมซื้อตั๋วเพื่อมาดูการเติบโตของเขา ... และบังเอิญว่าสัญญาของเขาที่กำลังใกล้หมดลง จึงไม่ใช่แฟน ๆ นักบุญเท่านั้นที่จับตาการเล่นของเขาอยู่ แมวมองของทีมอื่น ๆ ดัง ๆ ในอังกฤษก็กำลังจับตาเขาไม่กระพริบเช่นกัน
จากนี้ไปจะเป็นช่วงเวลาที่ยากสำหรับแข้งดาวรุ่ง... ช่วงที่คุณมีชื่อเสียง คู่แข่งรู้จักคุณ และทุกคนจับจ้องมาที่คุณเป็นพิเศษ ความกดดันนี้ทำลายดาวรุ่งมาหลายคน และมีอีกไม่น้อยที่ก้าวข้ามจุดนี้ไม่ได้
ไทเลอร์ ดิบลิง กำลังสร้างของขวัญคริสต์มาสชิ้นใหญ่ให้กับตัวเองในปีนี้ ... ถ้าเขาก้าวข้ามไปได้ ในไม่ช้าเราอาจจะได้เห็นเขากลายเป็นยอดนักเตะของทีมที่ใหญ่กว่านี้ก็เป็นได้
แหล่งอ้างอิง
https://www.skysports.com/football/news/11095/13230166/tyler-dibling-why-southamptons-teenage-wonderkid-a-light-in-the-dark-for-russell-martins-struggling-side
https://www.southamptonfc.com/en/news/article/tyler-dibling-the-shy-outsider-who-became-the-face-of-staplewood
https://www.southamptonfc.com/en/teams/profile/tyler-dibling
https://www.goal.com/en/lists/fifa-southampton-wonderkid-tyler-dibling-explains-marcus-rashford-surreal/blt94d3b661756cbdaf#csa5221801c479e60d
https://www.goal.com/en-gb/lists/tyler-dibling-low-socked-dynamo-shining-southampton-calling-quits-chelsea/blt04b206ad3e20e495
บทความโดย : ชยันธร ใจมูล
บันทึก
5
3
5
3
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย