27 ธ.ค. 2024 เวลา 11:04 • สุขภาพ

ตรวจค่าตับสูงได้อย่างไร

การตรวจค่าตับสูงเป็นวิธีการที่ช่วยวินิจฉัยสุขภาพของตับและระบบการทำงานของร่างกายอย่างมีประสิทธิภาพ ค่าตับสูงเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าตับอาจกำลังเผชิญกับปัญหาต่าง ๆ เช่น การอักเสบ โรคตับ หรือผลกระทบจากสารพิษ การตรวจค่าตับจึงเป็นเรื่องสำคัญที่ไม่ควรละเลย
วิธีตรวจค่าตับ
- ตรวจเลือด (Liver Function Test - LFT)
เป็นการตรวจที่นิยมใช้มากที่สุด โดยวัดค่าการทำงานของตับผ่านเอนไซม์ในเลือด เช่น
- AST (Aspartate Aminotransferase) และ ALT (Alanine Aminotransferase): ใช้ตรวจการอักเสบของตับ
- ALP (Alkaline Phosphatase): ใช้ตรวจการทำงานของท่อน้ำดีและตับ
Bilirubin: ตรวจระดับสารที่เกิดจากการสลายเซลล์เม็ดเลือดแดง
- การตรวจภาพตับ (Imaging Test)
การใช้เครื่องมือ เช่น อัลตราซาวด์ (Ultrasound) หรือ MRI (Magnetic Resonance Imaging) เพื่อดูสภาพและโครงสร้างของตับว่ามีการบวม หรือความผิดปกติอื่น ๆ หรือไม่
- การเจาะชิ้นเนื้อตับ (Liver Biopsy)
ใช้สำหรับการวินิจฉัยในกรณีที่สงสัยโรคร้ายแรง เช่น มะเร็งตับ หรือโรคตับแข็ง
สาเหตุของค่าตับสูง
ค่าตับสูงอาจเกิดจากปัจจัยต่อไปนี้
- การดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไป
- การรับประทานยาหรือสมุนไพรที่มีผลข้างเคียงต่อตับ
- การติดเชื้อไวรัส เช่น ไวรัสตับอักเสบบีหรือซี
- โรคไขมันพอกตับ (NAFLD)
- โรคตับแข็ง
การป้องกันและดูแลสุขภาพตับ
- หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์
- รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ เช่น ผักและผลไม้
- ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
- หลีกเลี่ยงยาหรืออาหารเสริมที่อาจมีผลต่อตับ
- ตรวจสุขภาพประจำปีเพื่อประเมินค่าตับ
ค่าตับสูงอาจบ่งชี้ถึงปัญหาสุขภาพที่ควรรีบตรวจสอบ หากคุณสงสัยว่าค่าตับของคุณอาจผิดปกติ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อทำการตรวจอย่างละเอียดและรับคำแนะนำในการดูแลสุขภาพที่เหมาะสม
โฆษณา