28 ธ.ค. 2024 เวลา 05:41 • ข่าว

สี จิ้นผิงกร้าว กระแสล้างแค้นสังคมต้องจบ

สั่งเจ้าหน้าที่ตรวจเข้มเหตุวิวาท สารตั้งต้นการโจมตีสังหารหมู่
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านนี้ เรามักได้ข่าวการโจมตี สังหารหมู่บ่อยขึ้นเรื่อยในหลายประเทศทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นการโจมตีด้วยการกราดยิง ใช้มีดไล่แทง หรือขับรถพุ่งชนผู้คนตามท้องถนน หรืองานเทศกาลที่มีคนเดินถนนพลุกพล่าน อย่างเหตุสลดล่าสุด ที่เกิดขึ้นในตลาด Christmas Market ในเมือง Magdeburg ของเยอรมัน เมื่อ 20 ธันวาคม ที่ผ่านมา
1
ถึงแม้จีนจะมีเหตุสังหารหมู่เช่นนี้เกิดน้อยมาก หากเทียบกับสัดส่วนจำนวนประชากร หรือ กับชาติมหาอำนาจอื่นอย่างสหรัฐอเมริกา ที่มีเหตุกราดยิงรายวัน โดยในปี 2024 ที่ผ่านมามีการกราดยิงเกิดขึ้นราว 488 คดี
2
แต่ถึงจะมีเหตุเกิดน้อย แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้รัฐบาลจีนพอใจ เพราะจากสถิติคดีสังหารหมู่ในจีนมีแนวโน้มสูงขึ้น และรูปแบบการโจมตี เริ่มมีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ
1
โดยเหตุล่าสุด ที่กลายเป็นข่าวใหญ่ไปทั่วโลก เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน ที่ผ่านมานี้เอง เมื่อมีชายคนหนึ่ง ขับรถ SUV พุ่งเข้าไปในลู่วิ่งที่สนามกีฬาแห่งหนึ่งในเมืองจูไห่ มณฑลกวางตุ้ง ในขณะที่มีผู้คนกำลังวิ่งออกกำลังกายในช่วงเย็นเป็นจำนวนมาก เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตมากถึง 35 ราย บาดเจ็บอีกมากกว่า 40 คน นับเป็นเหตุโจมตีสังหารหมู่ที่รุนแรงที่สุดในรอบ 10 ปีของจีน
3
หลังเกิดเหตุ ตำรวจได้จับกุมนาย ฟ่าน เหวยชิว วัย 62 ปี คนขับรถมือสังหาร ที่พยายามฆ่าตัวตายในที่เกิดเหตุด้วยเชือดคอตัวเอง แต่รอดมาได้ โดยเบื้องหลังแรงจูงใจในการก่อเหตุเกิดจากความเครียด คับข้องใจในชีวิตส่วนตัว มีชีวิตคู่ที่ล้มเหลว หย่าร้าง ทำให้เขาขาดสติก่อเหตุรุนแรงดังข่าว
คดีฆาตกรรมหมู่ของ ฟาน เหวยชิว ถูกนำขึ้นศาลอย่างรวดเร็ว และจบลงที่โทษประหารชีวิต ตามมาตรฐานกฎหมายจีน ที่ขนาดโทษหนักขนาดนี้ ก็ยังไม่วายมีคนอยากลองดี ด้วยการขับรถพุ่งชนนักเรียน ในโรงเรียนประถมแห่งหนึ่งในหูหนาน เป็นเหตุให้มีนักเรียน และ ผู้ปกครองบาดเจ็บมากกว่า 30 คน หลังคดีที่สนามกีฬาในจูไห่แค่สัปดาห์เดียว
2
ซึ่งก็แน่นอนว่า หวง เหวิน ชายผู้ก่อเหตุ ด้วยอารมณ์คับข้อง แค้นใจจากการสูญเงินในการลงทุนที่ผิดพลาดของตัวเอง จึงขอระบายอารมณ์ด้วยการขับไล่ชนเด็ก ก็ถูกส่งเข้าแดนประหารไปตามระเบียบเช่นกัน
แม้ที่จีนไม่มีข้อมูลคดีก่อเหตุโจมตีในชุมชนเปิดเผยต่อสื่อสาธารณะ แต่รัฐบาลจีนก็สามารถจับสัญญาณได้ว่าคดีรุนแรงลักษณะนี้มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น จากกระแสที่เกิดขึ้นในสังคมจีนที่เรียกว่า "การล้างแค้นสังคม"
1
อู่ เฉียง อดีตศาสตราจารย์ด้านรัฐศาสตร์ แสดงความเห็นว่า การก่อเหตุสังหารหมู่ที่ผ่านมาหลายคดี มีจุดร่วมคล้ายกัน คือ มาจากความเครียดจากปัญหาส่วนตัว สภาพเศรษฐกิจตกต่ำ ทำให้พวกเขาเหล่านี้รู้สึกว่าสังคมไม่ยุติธรรม และต้องการระบายความแค้นกับผู้อื่นที่เห็นอยู่ใกล้ตา
1
และสิ่งที่รัฐบาลจีนกังวลคือ กระแสการล้างแค้นสังคม อาจแพร่กระจายกลายเป็นโรคระบาดทางความคิด และเกิดการก่อคดีเลียนแบบ เพราะคนพวกนี้ไม่แคร์ชีวิต แค่ต้องการระบายความแค้นเพื่อเยาะเย้ยสังคม
1
นั่นจึงเป็นเหตุให้ สี จิ้นผิง ผู้นำจีน ออกมาประกาศว่า ต้องหยุดกระแสล้างแค้นสังคมให้ได้ ด้วยการสั่งการให้เจ้าหน้าที่ในท้องที่ หมั่นสอดส่องเหตุขัดแย้งส่วนตัวภายในชุมชนมากขึ้นกว่าเดิม
โดยปกติ รัฐบาลจีนก็มีระบบสอดแนมเข้มข้นอยู่แล้ว ก็จะยกระดับการตรวจสอบข้อมูลส่วนบุคคลเพิ่มมากขึ้นไปอีก หากพบว่าใครปัญหาส่วนตัว เคยมีความขัดแย้ง วิวาทกับใครอยู่ ก็จะถูกเพ่งเล็งเป็นพิเศษ เพราะถือเป็นกลุ่มเสี่ยงที่อาจระเบิดอารมณ์มาลงที่สังคม คนรอบข้างได้
3
แต่ทั้งนี้ ก็ไม่อาจรู้ได้ว่านโยบายเฝ้าระวังสังคมของ สี จิ้นผิงคราวนี้ จะเป็นการตัดไฟแต่ต้นลม หรือยิ่งทับถมอารมณ์เครียดของชาวจีนให้อัดแน่นจนกลายเป็นระเบิดที่ลูกใหญ่กว่าเดิมหรือไม่ ก็ต้องมาดูกัน
****************
ติดตามบทความของ "หรรสาระ" เพิ่มเติมได้ที่
Facebook - หรรสาระ By Jeans Aroonrat
Twitter - @HunsaraByJeans
Blockdit - หรรสาระ By Jeans Aroonrat
แพลทฟอร์มคุณภาพ ไม่ปิดกั้นการมองเห็นเนื้อหา
****************
แหล่งข้อมูล
โฆษณา