6 ม.ค. เวลา 14:32

แป๊บ ๆ ก็จะหมดปีแล้ว

คงไม่มีอะไรดีกว่าได้ทบทวนสิ่งที่เกิดที่กับเราในปีที่ผ่านมา
คำแนะนำของพี่เตาในเรื่องนี้เป็นไกด์นำทางได้ดีมาก คือ
1) อะไรที่คิดแล้วไม่ได้ทำ
2) อะไรที่ทำโดยไม่คิด
3) อะไรที่ไม่ได้ทำแล้วเสียดาย
4) อะไรที่ทำแล้วเสียใจ
แต่ขอเสริมอีกสัก 2 ข้อ
5) ดีใจที่สุดท้ายได้ทำ ทั้ง ๆ ที่ไม่แน่ใจ
6) สิ่งที่ไม่ได้ทำในปีนี้ และยังวนอยู่ในใจ ต้องทำต่อในปีหน้า
ไปกันทีละข้อ
1) อะไรที่คิดแล้วไม่ได้ทำ
- ตั้งใจจะเล่น Social Media น้อยลง
ไม่น่าเชื่อว่า ดูเป็นเรื่องง่าย ๆ แต่ด้วยความฉลาดของคนพัฒนาแอฟ ปีนี้เราแพ้ หลายครั้งหลงลงไปกับมัน เสียเวลา เสียช่วงชีวิตที่มีคุณค่า
- ออกกำลังกายตอนเช้า 30 นาทีในวันธรรมดา
ช่วงวันหยุดถือว่าทำได้โอเค อยากน้อยได้ 1 วันที่ลุกตอนเช้าออกไปวิ่งได้ (มากน้อยก็สุดแท้แต่ แต่ไม่มีข้อแม้) ส่วนวันธรรมดาถือว่าแย่มาก ที่ว่าจะตื่นมา วิดพื้น กล้ามท้อง (ทำได้อยู่ 2 วันเท่านั้น)
- โทรหาเดแม่ทุกวัน
กลับทำได้แต่ 1-2 วันต่ออาทิตย์เท่านั้น แต่ยังดี ที่สามารถกลับไปหาทุกเสาร์อาทิตย์ได้ (ถ้าไม่ติดจริง ๆ) ซึ่งเห็นชัดเจนว่ามีความหมายมาก
- ทำ Workshop "Good Money, Great Life" ให้จบ
ตั้งใจจะทำหลายปีให้เสร็จ จนได้อ่าน Die with Zero มีเนื้อหาเพิ่มอีก
(ให้นึกถึงตอนที่ไปพูดให้พี่ตัวแทนบางกลุ่ม แล้วเขาประทับใจถึงขึ้นต้องอัดเสียงเลยทีเดียว)
- นั่งสมาธิก่อนนอน แบบลึกซึ้ง
คิดถึง Ray Dalio ที่บอกว่า คำแนะนำที่ดีที่สุดของเขา คือ ให้นั่งสมาธิ ทุกวัน
เหมือนที่ Barack Obama แนะนำว่า ถ้าติดปัญหาอะไรในชีวิต ให้ออกกำลังกาย 30 นาที
2) อะไรที่ทำโดยไม่คิด
จริง ๆ อันนี้คิดไม่ออกเท่าไร ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะอายุมากขึ้น เจอเรื่องมาก็แยะ บางเรื่องทำไปก็เพราะคิดแล้วตามกรอบและตรรกะจากสิ่งต่าง ๆ ที่ผ่านมา
- เรื่องงาน อาจจะเป็นเรื่องหนึ่งที่ทำตามกระแส ไม่ได้ขัดหรือโต้แย้ง
งานที่รับมอบหมายไม่เคลียร์ ตามหลักก็ควรจะถามกลับ หรือหาทางที่ดีกว่าแล้วนำเสนอ แต่ครั้งนี้ปล่อย ลองทำดู เป็นเหมือนฟองน้ำ รับมาก่อน แต่หาทางทำมันให้ดีที่สุด
ทำให้ได้เห็นอะไรดี ๆ เพิ่ม เช่น ได้แสดงฝีมือในอีกมิติ ความรู้ความสามารถที่สั่งสมมาได้เอามาใช้และเกิดผล ถึงแม้จะไม่ได้ยิ่งใหญ่อะไรมาก และก็ต่อยอดได้อีกไปเรื่อย ๆ
อย่างไรก็ดี เชื่อว่า สุดท้าย เรื่องที่ควรจะเป็น มันจะต้องเป็นไปตามนั้น
ในปีหน้า คงต้องทำตามในแบบของเราแล้ว ปล่อยแบบนี้ไปเรื่อย ๆ จะเหมือนคนทำงานขาด WHY
3) อะไรที่ไม่ได้ทำแล้วเสียดาย
- ตั้งใจจะอ่านหนังสือที่ตั้งใจซื้อมาให้จบ
ก็ต้องยอมรับอีกว่าทำได้แย่กว่าปีก่อนเสียอีก
แรกเริ่มเดิมที อ้างเรื่องดูแลลูก แต่เอาเข้าจริง การเล่านิทานให้ลูกฟังก่อนนอนทำให้เรานอนได้เพียงพอ 8 ชม. (ดีกว่าตอนไม่มีลูกเสียอีก) เหตุผลสำคัญมาจากเวลาที่เสียไปกับ Social Media
เล่มที่ตั้งใจอยากอ่านให้จบ Hidden Potential, BE (Beyond Entrepreneurship), 3 เล่มใหม่ของนิ้วกลม
- เขียนเรื่องดี ๆ ลงเพจจากหนังสือหรือ Podcast ที่ประทับใจ
อันนี้รู้สึกเสียดายแทนตัวเอง หลายครั้งที่ชอบเรื่องที่ประทับใจ และก็รู้ว่าถ้าไม่เขียนจะลืม ซึ่งพอไม่ได้เขียนก็ลืมจริง ๆ แต่ก็มีครั้งหนึ่งที่เขียนลงในเพจและมันไม่เซฟ และเน็ตเกิดหลุด มันเลยหายไปเลย เขียนไปเยอะ ทำให้หยุดไปโดยปริยาย
ไม่มีอะไรนอกจากเริ่มต้นใหม่ "ไปตามกระแส แบบเซน"
- อ่าน The Economist ก่อนจะเริ่มงานวันจันทร์
ถึงขั้นลงทุนหุ้นกับน้อง ๆ สมัครสมาชิกเพื่อเข้าไปอ่านอยากถูกต้อง และพยายามคิดว่าเป็นเหตุที่เราต้องอ่านเพราะเสียเงินไปแล้ว
ถือว่าได้ทำบ้างสัก 30% แต่ยังไม่ดีพอ
ย้อนกลับไปสมัยก่อน ที่ยังทำงานแบบท็อปฟอร์ม เพราะเราได้อ่านข้อมูลพวกนี้ ซื้อเป็นความรู้อัพเดทระดับโลก คนไทยกว่าจะรู้กันก็ต้องย่อยมาอีกหลายขั้น ส่งผลให้เป็นการเพิ่มความมั่นใจกับเราเองในการสื่อสารกับผู้คน และมีความน่าเชื่อถือตามมา
4) อะไรที่ทำแล้วเสียใจ
- ออกมาจากโอเชี่ยนไวกว่าที่คิด
อันนี้ที่จริงรู้สึกเสียดายมากกว่า ไม่ถึงกับเสียใจ ที่เสียดายเพราะได้เริ่มปลูกเมล็ดพันธุ์ที่ดีเอาไว้ แต่แน่นอนว่ามันต้องใช้เวลา สร้างทีมงานเล็ก ๆ ที่พร้อมจะเริ่มทำสิ่งดี ๆ ให้กับลูกค้าและองค์กร ความสัมพันธ์และใจของผู้คนกำลังไปได้ดี
แต่อย่างว่า เวลาโอกาสมันมา ก็ต้องตัดสินใจ และก็รู้ว่าสุดท้ายจะลงเอยแบบไหนอยู่ดี ...ก็ตามนั้น
โฆษณา