29 ธ.ค. 2024 เวลา 04:09 • หนังสือ

วิธีพูด ‘ไม่’ แบบที่ไม่ทำให้ใครเกลียด : เทคนิคปฏิเสธแบบมืออาชีพ จาก Harvard ที่ใครๆ ก็ทำได้

ในโลกแห่งการทำงานและความสัมพันธ์ทางสังคม มนุษย์ทุกคนต่างเคยเผชิญกับสถานการณ์ที่ต้องเลือกระหว่างการรักษาน้ำใจผู้อื่นกับการที่จะต้องดูแลเวลาตนเอง การปฏิเสธคำขอจากผู้อื่นเป็นทักษะที่ละเอียดอ่อนและท้าทายอย่างมาก โดยเฉพาะในสังคมไทยที่ให้ความสำคัญกับการรักษาความสัมพันธ์และการไม่ทำให้ผู้อื่นเสียหน้า
ผู้คนส่วนใหญ่มักพบตัวเองในสถานการณ์ที่ยากลำบากเมื่อต้องตอบปฏิเสธคำขอจากผู้อื่น ไม่ว่าจะเป็นหัวหน้างานที่ขอให้อยู่ทำงานล่วงเวลาในช่วงที่มีนัดสำคัญกับครอบครัว หรือเพื่อนร่วมงานที่ขอความช่วยเหลือในโครงการใหม่ทั้งที่งานประจำก็ท่วมหัวกันอยู่แล้ว ความรู้สึกผิดและความกลัวที่จะทำให้ผู้อื่นผิดหวังมักทำให้หลายคนจำต้องตอบตกลงทั้งที่ในใจนั้นอยากปฏิเสธมากแค่ไหนก็ตาม
William Uri ผู้เชี่ยวชาญด้านการเจรจาต่อรองและผู้ร่วมก่อตั้งโครงการด้านการเจรจาต่อรองของ Harvard ได้นำเสนอแนวคิดที่เรียกว่า “การปฏิเสธเชิงบวก (Positive No)” ซึ่งเป็นวิธีการที่ช่วยให้เราสามารถปกป้องเวลาและทรัพยากรของตนเองได้ โดยไม่ทำลายความสัมพันธ์อันดีกับผู้อื่น
แก่นสำคัญของการปฏิเสธเชิงบวกคือการสร้างสมดุลระหว่างการรักษาความสัมพันธ์และการดูแลขอบเขตของตนเอง โดยใช้โครงสร้างการสื่อสารแบบ “ใช่-ไม่-และใช่” ซึ่งเปรียบเสมือนต้นไม้ที่มีองค์ประกอบสามส่วนที่เชื่อมโยงกัน
ส่วนแรก คือรากแห่งค่านิยม เป็นการแสดงความเข้าใจและให้คุณค่ากับความสัมพันธ์ที่มีต่อผู้อื่น เช่น การยอมรับถึงความสำคัญของงานที่ได้รับมอบหมาย หรือการแสดงความซาบซึ้งที่ได้รับความไว้วางใจ การเริ่มต้นด้วยการยอมรับในคุณค่าของความสัมพันธ์จะช่วยสร้างบรรยากาศที่เป็นมิตรและเปิดโอกาสให้การสื่อสารดำเนินไปอย่างราบรื่น
ส่วนที่สอง คือลำต้นที่แข็งแกร่ง เป็นการแสดงจุดยืนที่ชัดเจนและการปฏิเสธที่ตรงไปตรงมา โดยอธิบายเหตุผลที่สอดคล้องกับค่านิยมที่ได้แสดงไว้ในส่วนแรก การสื่อสารในส่วนนี้ต้องมีความชัดเจนและจริงใจ แต่ยังคงรักษาความสุภาพและให้เกียรติผู้อื่น
1
ส่วนสุดท้าย คือกิ่งก้านและใบที่แผ่กว้าง เป็นการเสนอทางเลือกหรือทางออกอื่นๆ ที่เป็นไปได้ การปิดท้ายด้วยการเสนอความช่วยเหลือในรูปแบบที่เหมาะสมกับขีดความสามารถของตนเองจะช่วยรักษาความสัมพันธ์และแสดงให้เห็นว่าเรายังใส่ใจในความต้องการของผู้อื่น
1
การปฏิเสธเชิงบวกไม่เพียงแต่เป็นทักษะในการสื่อสาร แต่ยังเป็นเครื่องมือในการสร้างความสมดุลในชีวิต ช่วยให้เราสามารถรักษาขอบเขตของตนเองได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ในขณะเดียวกันก็ยังคงรักษาและพัฒนาความสัมพันธ์อันดีกับผู้อื่น การฝึกฝนทักษะนี้อย่างสม่ำเสมอจะช่วยเสริมสร้างความมั่นใจและความสามารถในการจัดการความสัมพันธ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
แต่ถ้าพูดถึงเรื่องนี้ในบริบทของสังคมไทย การปฏิเสธเชิงบวกมีความสำคัญเป็นพิเศษ เนื่องจากวัฒนธรรมไทยให้ความสำคัญกับการรักษาความสัมพันธ์และการหลีกเลี่ยงความขัดแย้ง การใช้วิธีการนี้จะช่วยให้สามารถรักษาสมดุลระหว่างการดูแลตนเองและการรักษาความสัมพันธ์อันดีกับผู้อื่นได้อย่างเหมาะสม
การปรับใช้การปฏิเสธเชิงบวกในชีวิตประจำวันอาจต้องอาศัยการฝึกฝนและความอดทน เนื่องจากเป็นการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการสื่อสารที่เราโดยเฉพาะคนไทยอาจคุ้นเคยมาเป็นเวลานาน ความท้าทายอาจเกิดขึ้นในช่วงแรก แต่ผลลัพธ์ที่ได้จะคุ้มค่ากับความพยายาม
1
ในการนำแนวคิดนี้ไปปรับใช้ เราควรเริ่มต้นด้วยการสำรวจและทำความเข้าใจค่านิยมและขีดจำกัดของตนเองให้ชัดเจน การรู้ว่าอะไรคือสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับตนเองจะช่วยให้สามารถตัดสินใจและสื่อสารได้อย่างมั่นใจมากขึ้น เมื่อเผชิญกับสถานการณ์ที่ต้องปฏิเสธ การระลึกถึงค่านิยมและเป้าหมายของตนเองจะช่วยให้สามารถยืนหยัดในจุดยืนได้อย่างมั่นคง
การสร้างความสมดุลระหว่างการดูแลตนเองและการรักษาความสัมพันธ์กับผู้อื่นเป็นทักษะที่สำคัญในการดำเนินชีวิต William Uri ได้เน้นย้ำว่าการปฏิเสธเชิงบวกไม่ใช่เพียงเทคนิคการสื่อสาร แต่เป็นวิธีคิดและทัศนคติที่จะช่วยให้เราสามารถดำเนินชีวิตได้อย่างมีความสุขและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
การศึกษาของนักจิตวิทยาได้แสดงให้เห็นว่า บุคคลที่สามารถกำหนดขอบเขตของตนเองได้อย่างชัดเจนและรักษาขอบเขตนั้นไว้ได้ มักมีความพึงพอใจในชีวิตและมีความสัมพันธ์ที่มีคุณภาพมากกว่า การปฏิเสธเชิงบวกจึงไม่เพียงแต่เป็นเครื่องมือในการจัดการกับสถานการณ์เฉพาะหน้า แต่ยังเป็นวิธีการที่จะช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตโดยรวม
1
ในการพัฒนาทักษะการปฏิเสธเชิงบวก เราควรเริ่มต้นจากสถานการณ์ที่มีความเสี่ยงต่ำก่อน เช่น การปฏิเสธคำขอเล็กๆ น้อยๆ จากคนที่สนิทและเข้าใจกัน เมื่อมีความมั่นใจมากขึ้น จึงค่อยๆ นำไปใช้ในสถานการณ์ที่ท้าทายมากขึ้น เช่น การปฏิเสธคำขอจากผู้บังคับบัญชาหรือในสถานการณ์ทางธุรกิจที่สำคัญ
การฝึกฝนการปฏิเสธเชิงบวกอย่างต่อเนื่องจะช่วยพัฒนาความมั่นใจและทักษะในการสื่อสาร นอกจากนี้ ยังช่วยให้เราเรียนรู้ที่จะรับมือกับปฏิกิริยาของผู้อื่นได้ดีขึ้น แม้ว่าบางครั้งการปฏิเสธอาจนำมาซึ่งความไม่พอใจหรือความผิดหวัง แต่การรักษาท่าทีที่มั่นคงและเป็นมิตรจะช่วยให้สถานการณ์คลี่คลายไปในทางที่ดี
ท้ายที่สุด การปฏิเสธเชิงบวกเป็นมากกว่าเทคนิคการสื่อสาร แต่เป็นปรัชญาในการดำเนินชีวิตที่ให้ความสำคัญกับการรักษาสมดุลระหว่างการดูแลตนเองและการรักษาความสัมพันธ์กับผู้อื่น การเรียนรู้และฝึกฝนทักษะนี้จะช่วยให้เราสามารถดำเนินชีวิตได้อย่างมีความสุขและประสบความสำเร็จในทุกด้านของชีวิต
แม้ว่าการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมและรูปแบบการสื่อสารอาจต้องใช้เวลาและความพยายาม แต่ผลลัพธ์ที่ได้จะคุ้มค่าเสมอ การมีความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้อื่นควบคู่ไปกับการรักษาขอบเขตของตนเองจะนำไปสู่ชีวิตที่สมดุลและมีความหมายมากขึ้นได้ในท้ายที่สุดนั่นเองครับผม
References :
หนังสือ The Power of a Positive No: Save The Deal Save The Relationship and Still Say No โดย William Ury
ติดตามสาระดี ๆ อัพเดททุกวันผ่าน Line OA ด.ดล Blog
คลิกเลย --> https://lin.ee/aMEkyNA
รวม Blog Post ที่มีผู้อ่านมากที่สุด
——————————————–
ติดตาม ด.ดล Blog เพิ่มเติมได้ที่
=========================
โฆษณา