29 ธ.ค. 2024 เวลา 17:26 • ดนตรี เพลง

REWIND : Tyler, The Creator vs. DJ Khaled

"สมัยร่างทองวัยรุ่นสเก็ตบอร์ด"
ถึงแม้ว่า Beef ที่ผมจะเล่าต่อไปนี้ จะไม่ได้มีจุดเริ่มต้นมาจากท่อนนี้ก็ตาม แต่รู้หรือไม่ครับ ว่า DJ Khaled เคยถูกกล่าวถึงมาก่อนหน้านี้แล้ว ย้อนไปในปี 2013 Tyler ได้ปล่อย "Wolf" อัลบั้มสุดท้ายของไตรภาค (ตามทฤษฎีของแฟนคลับ) ในเพลง Rusty Tyler ได้กล่าวถึง Khaled ว่า...
I'm harder than DJ Khaled playing the f***ing quiet game
(กูยังพยายามมากกว่า DJ Khaled ตอนเล่นเกมไร้เสียง)
Tyler, The Creator ในเพลง Rusty
ย้อนกลับไปสมัยที่ Tyler ยังเป็นเด็กสเก็ต ก็เคยกล่าวถึงศิลปินคนอื่นแบบเสียๆหายๆ เหมือนกัน เช่น Bruno Mars, B.o.B เป็นต้น โดยเหตุผลที่เขียนอย่างนั้นไป ก็ฟังดูไร้เหตุผลเหมือนกับเด็กวัยรุ่นตีกันอย่างไงอย่างงั้น
อย่างในกรณีของ B.o.B ที่เขียนไปเพราะเพียงแค่ไม่ชอบเพลง Airplanes ที่ฟีทกับเจ้ Hayley Williams แห่ง Paramore แค่นั้น
F*** her, Wolf Haley robbing them
I'll crash that fucking airplane that that f***ot ni*** B.o.B is in
(ล่อเธอ และกูก็ปล้นพวกมัน และกูจะชนไอ้เครื่องบินนั่นที่ไอ้ตุ้ด B.o.B นั่งอยู่)
Tyler, The Creator ในเพลง Yonkers
และต่อมาในเพลงเดียวกันและในท่อนต่อไป ก็ไปกล่าวถึง Bruno Mars อีก
And stab Bruno Mars in his goddamn esophagus
And won't stop until the cops come in
(และกูก็แทง Bruno Mars ไปตรงหลอดอาหารของมัน และจะไม่หยุดจนกว่าตำรวจจะมาถึง)
Tyler, The Creator ในเพลง Yonkers
แถมยังไปพูดถึงในรายการวิทยุอีก
คุณเห็นหน้าเขาป่ะ คุณไม่อยากจะสักหมัดบนหน้าเขาหรอ?
ผมไม่ได้โกรธเขานะ แต่ผมแค่ไม่ชอบเพลงห่วยๆของแม่งเฉยๆ
Tyler, The Creator พูดถึง Bruno Mars
ไม่ใช่แค่เพียงในเพลงเท่านั้น ใน Twitter ของ Tyler เอง ก็เป็นเหมือนแหล่งรวมพลังงานวัยรุ่นนั้นอยู่เหมือนกัน เช่นในกรณีของ Selena Gomez ที่ถูกกล่าวถึงในเชิงเพศด้วย (ขอไม่ยกมาละกันนะครับ แรงจริงๆ)
และนั่นก็เป็นเพียงแค่ความคะนึกคะนองของวัยรุ่นเมกาเท่านั้น ปัจจุบัน Tyler ก็ยอมรับกับสิ่งที่เคยทำไปแล้วในอดีต และพยายามปรับปรุงตัวเองให้ดูโตขึ้น มีวุฒิภาวะมากขึ้น ถึงแม้จะยังคงมี Beef หรือการสัมภาษณ์และให้ความเห็นเชิง Controversial อยู่ แต่ก็ลดความรุนแรงลงไป และมีเหตุผลมากขึ้น
I was a teener, tweetin' Selena crazy s***, didn't want to offend her
Apologize when I seen her, back when I was tryna f*** Bieber, just in
(สมัยวัยรุ่น เคยทวีตถึง Selena แบบบ้าๆ แต่ก็ไม่เคยคิดจะรุกรานเธอนะ แต่ก็ขอโทษทุกครั้งที่เจอ เกี่ยวกับเรื่องที่อยากจะล่อผัวเธอ Justin Bieber)
Tyler, The Creator ในเพลง MANIFESTO
ซึ่งทำให้กรณีของ DJ Khaled ที่ถูกกล่าวถึงในเนื้อเพลงข้างต้น ดูเบาไปเลย...
I say with my chest out, you say with your chest in, n**** (say it with your chest, n****)
(กูพูดอย่างเปิดอก แต่มึงยังพูดแบบปกปิดไว้ พูดออกไปแบบจริงใจซะ)
Tyler, The Creator ในเพลง MANIFESTO
"เพลงประหลาดลึกลับที่คุณไม่เคยได้ยิน"
ในปี 2019 ได้มีการแข่งขันกันขึ้นในชาร์ทเพลงระหว่าง Tyler และ DJ Khaled ที่ทั้งคู่ได้ทำการปล่อยอัลบั้ม "ในวันเดียวกัน"
IGOR และ Father of Asahd ถูกปล่อยออกมาพร้อมกันในวันที่ 17 พฤษภาคม 2019 นั่นทำให้เกิดการแข่งขันกันขึ้นระหว่างสองอัลบั้มนี้
ซึ่งเป็นการแข่งขันที่แตกต่างกันอย่างสุดขั้ว ระหว่าง Self-Produced Album ของศิลปินที่เลือกจะเล่าเนื้อหาที่เผยตัวตนที่ลึกขึ้น และ "อยากพิสูจน์ตัวเองในการทำแนวเพลงที่แตกต่างและหลากหลายมากขึ้น" Features ที่ไม่ได้ใส่มาบานเบอะ แต่เน้นการเค้นคุณภาพของพวกเขาออกมาให้ได้มากที่สุด กับอัลบั้มที่ปล่อยในนามของตัวเอง ทำเองไหมไม่รู้ แต่ไม่มีเนื้อหาที่เกี่ยวกับตัวเอง Generic Rap & Pop แบบเรียบๆแห้งๆ แถมยกโขยงศิลปินเบอร์ใหญ่ของวงการมายัดไว้ในเพลง เข้ากันไม่เข้ากันไม่รู้ แต่คุณภาพอย่างกับทำส่งๆ ไปอย่างงั้น
โดย 3 ปีให้หลัง Tyler ได้ตอบคำถามเกี่ยวกับความล้มเหลวที่คอยผลักดันหรือคอย Motivate Tyler ใน Process การทำเพลงของเขา ซึ่งคำตอบก็คือ "การพิสูจน์ตัวเอง" โดยได้ยกตัวอย่างการทำอัลบั้ม IGOR ออกมาว่า
พวกเขาคิดว่าผมเขียนเพลง Pop ไม่ได้ ผมเลยติดสินใจทำเพลง Pop และกลายเป็นเพลง See You Again แต่พวกเขาก็บอกอีกว่า "มึงเล่นแบบเซฟๆนี่หว่า" ผมแบบ "โอ้ ผมเล่นแบบเซฟๆงั้นหรอ มึงล้อกูเล่นบ่?" ดังนั้นผมเลยทำ IGOR และผมก็ไม่ได้อยากจะปล่อยแล้วปล่อยเลย ผมอยากทำเพลง Pop ในแนวที่พวกเขาไม่คิดว่าผมทำได้แน่ นั่นคือเหตุผลที่ผมทำเพลง "EARFQUAKE"
ผมบอกเพื่อนๆของผมว่า "[EARFQUAKE] จะเป็นเพลงที่ดังที่สุดของกู ถ้าไม่ใช่ พวกมึงเอาบัญชีกูและหนีกูไปได้เลย" และมันก็กลายเป็นเพลงที่ดังที่สุดของผม และผมก็บอก "NEW MAGIC WAND จะเป็นเพลงที่ดีที่สุดของกู พวกเขาจะไม่เข้าใจในครั้งแรกที่ได้ยิน แต่ดูไว้" และตอนนี้ทุกคนมาดูโชว์ผม เพราะอยากได้ยินเพลงๆนั้น
Tyler, The Creator ตอบคำถามในงาน Converse All Star Serie 2022
(59:00 นาที เป็นต้นไป)
ด้วยเหตุผลที่อยากจะทำอัลบั้มพิสูจน์นักวิจารณ์หรือแฟนเพลง ทำให้สุดท้ายแล้ว คนที่เข้าเส้นชัยในการแข่งขันครั้งนี้คือ Tyler เอง
IGOR Debuts อันดับ 1 ใน Billboard 200 แซงหน้า Father of Asahd ที่เป็นอันดับ 2 ซึ่งทำให้เป็นอัลบั้มแรกของ Tyler ที่ขึ้นเป็นอันดับ 1 ในอเมริกา หลังจากที่ติดแหงกอยู่ที่อันดับ 2-5 มาหลายอัลบั้ม ยอดการฟังรวมกับการซื้ออัลบั้ม (Sales + Streaming) ของ Tyler อยู่ที่ประมาณ 1.7 แสน แบ่งเป็นอัลบั้มเพียวๆ 78,000 ชุด ส่วนของ Khaled อยู่ที่ประมาณ 1.3 แสน แบ่งเป็นอัลบั้มเพียวๆ 32,000 ชุด
ความห่าง 40,000 ที่ไม่เกี่ยวข้องกับเพลงของ 1mill กับ 4Bang แต่อย่างใด ทำให้เห็นได้ชัดว่าการพิสูจน์ตัวเองครั้งนี้ คุ้มจริงๆ
แต่ "แพ้แล้วพาล" มีอยู่จริง
DJ Khaled มีข่าวลือออกมาว่าเขาปรี๊ดแตกและอารมณ์ฉุนเฉียวกับค่ายของเขาที่ไม่ดันอัลบั้มของเขาไม่ขึ้นอับดับ 1 และออกมาบอกว่า ยอดขายของเขาไม่เกี่ยวกับความสำเร็จของ Tyler แบบอย่าเอาไปเปรียบเทียบกันเลย อยู่เฉยๆดีกว่า
แต่หลังจากนั้นไม่กี่สัปดาห์ DJ Khaled ได้ออกมาพูดถึงกรณีที่เขาพ่ายแพ้ให้กับ "ดนตรีประหลาด" ของ Tyler ว่า
ผมทำอัลบั้มให้ "ทุกคน" ได้ฟังและคุณก็ต้องเคยได้ยิน คุณขับรถไปตามท้องถนน คุณได้ยินคันข้างๆเปิด คุณไปร้านตัดผม คุณก็ได้ยินพวกเขาเปิด คุณเปิดวิทยุคลื่นไหนๆ คุณก็ได้ยิน เข้าใจป่ะ มันถูกเล่นในทุกๆที่ นั่นเรียกว่าดนตรีที่ยอดเยี่ยม นั่นเรียกว่าอัลบั้มที่คุณได้ยินและเข้าใจว่า "นี่แหละคือเพลง" ไม่ใช่ดนตรีประหลาดลึกลับที่ทำให้คุณคิดว่า "นี่หรอคือเพลง?"
DJ Khaled ใน IG Story ที่ได้ลบไปแล้ว
ดนตรีที่ฟังดูลึกลับ, การฟังดูแล้วไม่สามารถเรียกว่าเพลงได้ หรือการไม่เคยถูกเล่นในที่สาธารณะ อาจจะเป็นคุณสมบัติสำคัญในการคัดทิ้งเพลงที่ฟังดูแล้วไม่ใช่ดนตรี
ดนตรีมีความหมายที่ตายตัว แต่คนยังคงใช้ความหมายแบบจำกัดความในรูปแบบของตัวเอง ซึ่งขึ้นอยู่กับประสบการณ์และวิจารณญาณในการเลือกหรือรับฟังของแต่ละคน
หลังจากนั้น Tyler ก็ได้ตอบกลับ Khaled ในการสัมภาษณ์กับ Apple Music
ในตอนที่ผมปล่อยอัลบั้มออกไป มันสำเร็จในสัปดาห์แรก แต่มันไม่ได้แค่สำเร็จเพียงแค่เพราะเพลงถูกเล่นในสถานีวิทยุเท่านั้น แต่งานชิ้นนี้ มันสำเร็จในด้านของศิลปะด้วย ทั้งปกอัลบั้ม, MV และผมที่ใส่สูทและวิกและดนตรี
นี่ไม่ใช่การไม่ให้เกียรติ Khaled หรือใครก็ตามนะ แต่แม่งมีทุกคนในวงการ ทุกคนในวงการจริงๆ ในอัลบั้มนั่น ทั้ง Cardi B, 21 Savage, Travis Scott, Post Malone, Beyonce, Jay-Z ทุกคนที่แม่งทำยอดขายหลักพันล้าน และความจริงที่ว่าผมเอาชนะเขาด้วยอัลบั้มนี้ อัลบั้มที่ไม่ดังระดับเดียวกับเพลง Pop ณ ขณะนี้ ด้วยซ้ำ แบบ บ้าเปล่า มันได้ผล ไม่ว่าคนจะชอบหรือไม่ชอบ แต่ก็ได้ผล
Tyler ให้สัมภาษณ์กับ Zane Lowe (Apple Music)
(49:00 เป็นต้นไป)
หลังจากนั้น Khaled ก็ไม่ได้ออกมาตอบกลับอะไร Tyler อีกเลย และสุดท้ายแล้ว IGOR ทำให้เขาได้รับรางวัล Grammy เป็นครั้งแรกในอาชีพศิลปินในปี 2020 สาขา Best Rap Album เอาชนะ Dreamville ค่ายของ J.Cole, Meek Mill, 21 Savage และม้ามืด YBN Cordae หลังจากที่ชวดรางวัลนี้ให้กับอัลบั้ม DAMN. ของ Kendrick Lamar เมื่อปี 2018 ซึ่งรางวัลนี้ น่าจะเอาไว้หุบปากดีเจบางคนได้อยู่หมัด
"ตายด้าน"
2 ปีให้หลัง ทั้ง 2 คนนี้ก็ได้กลับมาปล่อยอัลบั้มในปีเดียวกันอีกครั้ง ในปี 2021 Tyler และ DJ Khaled ได้ปล่อยอัลบั้ม Call Me If You Get Lost และ KHALED KHALED ตามลำดับ ถึงแม้ Khaled จะปล่อยอัลบั้มเร็วกว่า 2 เดือน แค่ยอดขายของ Tyler ยังคงดีกว่า โดยของ Tyler ยอดขายอยู่ที่ 1.7 แสน และของ Khaled อยู่ที่ 9.4 หมื่นเท่านั้น
Tyler ได้ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับเรื่องนี้เมื่อมองย้อนกลับไปว่า
เรื่องตอนนั้นกับ Khaled มันแค่สนุก สนุกที่ได้เห็นคนตายด้าน ได้แสดงเป็นคนบ้าใส่วิกแล้ว Moonwalk สู้กับคนที่ในอัลบั้มแม่งมีทุกคนในวงการ แล้วผมแบบ "เหอะ บั้มนั้นแม่งคงไม่ได้ผลหรอก" เพลงผมไม่ได้ถูกเปิดในร้านตัดผม ในผับ หรือหลังรถ Maybach แต่ก็ยังได้อันดับ 1
ผมทำเพลงนะ และ Rap คือสิ่งที่ผมชอบทำ แต่เพียงแค่ Alternative Rap มันยังไม่ถูกยอมรับหรือถูกดันในช่องทางต่างๆ และการที่เขามาบอกว่า "นั่นไม่ใช่ Rap ของจริง นั่นไม่ใช่ดนตรีของคนผิวดำ" นั่นคือสิ่งที่เขาคิด ผมแบบ มันไม่ใช่ แต่ผมก็แค่ไม่พูดอะไร ผมแค่ให้อันดับ 1 ของผมมันบอก และ Ego ของเขาต้องรับมันให้ได้ เพราะตัวตนของเขาคือต้องเป็นที่ 1 และเมื่อเขาไม่ได้มันมันจะคงอยู่ในใจของเขานานขึ้น ซึ่ง ณ ตอนนั้น ผมก็ไม่ได้สนใจอะไรแล้ว และไปทำอย่างอื่น
มันยังคงอยู่ในใจเขา เพราะตัวตนของเขาคือ "เราคือดนตรีที่ดีที่สุด เราคืออันดับ 1" แต่เมื่อมีพวกมวยรองในสายตาเขา มาขโมยสิ่งนั้นไป Ego ของเขามันหุบลง เขาน่าจะไม่ยอมรับมัน และผมก็ไม่ได้มีปัญหากับเขานะ ผมก็เพิ่งแร็พบนบีท Holla At Me ไปสำหรับอัลบั้มนี้ แต่ก็ไม่ได้ทำอะไรต่อ ผมก็มีความเคารพเขาเหมือนกัน เพราะเขาเริ่มมีชื่อเสียงตั้งแต่ 2004
Tyler ให้สัมภาษณ์กับรายการ Ebro in the Morning จากคลื่น HOT97
และในปี 2023 ได้มีรูปที่ DJ Khaled ได้ถ่ายรูปคู่กับ Tyler ในงาน Roc Nation Pre-Grammy Brunch ซึ่งถือว่าจบกันได้ด้วยดี...
End Credit :
เอาจริงๆผมว่าอาจจะมีคนเล่นประเด็นนี้เยอะแล้ว อาจจะมีคนไทยทำไปแล้ว แต่ผมขอทำในรูปแบบของตัวเองเพิ่มละกันนะครับ สวัสดีปีใหม่ล่วงหน้าทุกคนครับ 🙏🙏🙏🙏
writer : net
somethingtorapabout, 새해 복 많이 받으세요
감사합니다 여러분
โฆษณา