29 ธ.ค. 2024 เวลา 20:10 • กีฬา

ลิเวอร์พูลผ่อนเกมชนะเวสต์แฮมสบาย 5-0(RECAP)

น่าจะเป็นเกมที่แฟนบอลลิเวอร์พูลดูแบบสบายๆ ที่สุดในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้ กับชัยชนะเหนือเวสต์แฮม 5-0 ส่งท้ายปี 2024
ก่อนหน้านี้เวสต์แฮมแพ้ทั้งเชลซี, อาร์เซนอล และฟอเรสต์ที่ฟอร์มแรงที่สุดในเวลานี้ด้วยผลต่าง 3 ประตูทั้งหมด แม้แฟนบอลลิเวอร์พูลจะมั่นใจมากจากฟอร์มในระยะหลัง แต่ก็ไม่คิดว่าจะง่ายดายขนาดนี้
รายละเอียดของเกมตั้งแต่ครึ่งแรก ลิเวอร์พูลได้ลุ้นทำประตู 10 ครั้งตอนที่ยิงประตูที่ 3 พอดี ขณะที่ผมเหลือบมองสถิติในตอนนั้นเวสต์แฮมได้ยิงแค่ 2 ครั้ง ไม่เข้ากรอบเลย (แต่ชนเสา)
รอยด่างเดียวจากเกมนัดนี้คงเป็นการบาดเจ็บของโจ โกเมซ ซึ่งเกมนี้น่าหงุดหงิดกับ 2 จังหวะที่บอลไม่ได้โดนเขาออก แต่ทั้งไม่ได้เตะมุม และเสียเตะมุม เรียกว่าเป็น “วันซวย” ของเขาจริงๆ
แต่ทีมของอาร์เน่อก็เดินหน้าต่อไป ตอนนี้เกือบครึ่งฤดูกาลนี้ การมีเกมสบายๆ บ้างก็น่าจะเป็นเรื่องที่ดี โดยเฉพาะการเก็บคลีนชีตได้ในรอบหลายนัด แม้เกมนี้จะมีบางจังหวะเกือบเสียประตู แต่การได้คลีนชีตบ้างน่าจะทำให้แผงหลังกับโกลมั่นใจขึ้น
ถ้าบอกว่าสรุปเกม ทั้งเกมลิเวอร์พูลมีทั้งครองบอลกดดัน และหาจังหวะโต้กลับ ในรายละเอียดที่ดูแปลกๆ อาจจะเห็นอารอน วาน บิสซาก้าอดีตเด็กเก่าผี สลับจากขวามาเล่นซ้ายเพื่อหยุดโม ซาลาห์ตลอดทั้งเกม
ที่เหลือเกมก็เกือบจะวันเวย์ มีแค่ช่วงท้ายของครึ่งหลังที่ลิเวอร์พูลผ่อนเกมให้เวสต์แฮมครองบอลบุกได้มากขึ้น แต่เป็นเกมที่นักเตะลิเวอร์พูลมีพื้นที่เล่นเยอะมาก โดยเฉพาะหลังจากทำประตูแรกได้จากลุยซ์ ดิอาซ
ก่อนปลดล็อกในนาทีที่ 30 ลิเวอร์พูลก็มีโอกาสหลายครั้ง แต่อีราโอล่าก็เซฟได้ดี จนเสียประตู หลังจากนั้นเหมือนกับเขาจะหมดสิทธิ์เซฟ หรือเซฟไม่เป็นเลย
เพียง 9 นาทีหลังจากนั้นลิเวอร์พูลก็ทิ้งห่างไปถึง 3 ประตู และเป็นลักษณะที่คนดูคิดว่าจะมีประตูเพิ่มครึ่งหลังแน่ๆ แต่น่าจะเป็นจากฝ่ายลิเวอร์พูลด้วย
และก็เป็นไปตามนั้นในครึ่งเวลาหลัง กับสองประตู ซึ่งถ้ามองภาพรวมลิเวอร์พูลน่าจะได้ประตูมากกว่านี้ด้วยซ้ำ แต่ถ้าแลกกับการไม่เสียประตูที่อาจจะควรเสียสักหนึ่งลูก สกอร์ 5-0 ถือว่าเป็นผลการแข่งขันที่ดี อาจจะดีกว่า 6-1 หรือ 7-2 ตรงที่ไม่เสียคลีนชีตด้วย
ก่อนเกมวันนี้คู่แข่งลุ้นแชมป์โดยตรงยังไม่ได้ลงสนาม แต่แมนฯ ซิตี้ที่อาจจะเริ่มผ่อนคลาย จากที่ก่อนหน้านี้พวกเขาปลดล็อกความรู้สึกที่ว่ายังมีลุ้น ผมคิดว่าพวกเขายังหวัง และคิดไกลไป แต่เกมวันนี้บุกชนะเลสเตอร์แล้ว หวังจะกลับมาเข้ารูปเข้ารอย
เพราะอีกประมาณหนึ่งเดือนพวกเขาจะเจอกับเชลซี และอาร์เซนอล!
ถ้าแฟนลิเวอร์พูลอยากให้อะไรง่ายขึ้นบางทีสองเกมนั้นอาจจะเป็นในรอบหลายปีที่เราเชียร์ให้ซิตี้ชนะ
นอกนั้นที่น่าสนใจคือฟอเรสต์น่าจะแย่งรางวัลผู้จัดการทีมยอดเยี่ยมประจำเดือนจากลิเวอร์พูลได้ เพราะชนะมา 5 นัดรวดในเดือนที่ผ่านมา หลังจากแพ้ต้นเดือน ส่วนอาร์เน่อเสมอไป 2 ที่เหลือชนะรวด แต่ก็ขึ้นอยู่กับการโหวต และการตัดสินของคณะกรรมการ
แต่ในส่วนของโม ซาลาห์ ชั่วโมงนี้ยังไม่เห็นว่าใครจะโดดเด่นกว่าเขา ใครจะกลัวอาถรรพ์อะไรก็ตาม การได้รางวัลนี้อาจจะไม่ใช่เรื่องใหม่ของวงการ แต่น้อยคนจะได้ 2 เดือนติดต่อกัน ดังนั้นผมเชียร์ให้ซาลาห์ได้มันไปครอง
ฟอเรสต์ขึ้นมาอยู่อันดับที่ 2 แต่ยังตามหลังลิเวอร์พูล 8 แต้ม และแข่งมากกว่า 1 นัด อาจจะทำให้คนคิดถึงเลสเตอร์ เพียงแต่ปีนี้คู่แข่งของพวกเขาไม่ใช่สเปอร์ส หรืออาร์เซนอล แต่เป็นลิเวอร์พูล!
ว่าตามตรงการที่ฟอเรสต์ขึ้นมาอยู่ตรงนี้ หลายคนคงไม่คิดว่าพวกเขาจะได้ลุ้นแชมป์จริงๆ แต่อย่างน้อยมันก็ทำให้เรารู้ว่าการที่พวกเขาบุกชนะลิเวอร์พูลนั้น มันไม่ใช่แค่วันนั้นลิเวอร์พูลแย่ แต่ฟอเรสต์ก็ดีพอเช่นกันฃ
กลับไปที่เกมกับเวสต์แฮม เพียงดูไปราวๆ ครึ่งชม. จนลิเวอร์พูลได้ประตูแรก หลายคนคงมั่นใจว่าหงส์แดงน่าจะชนะได้ไม่ยาก และการเข้าไปห้องแต่งตัวด้วยสกอร์ 3-0 ใครง่วงจริงๆ ปิดไฟนอนก็สบายๆ
ไล่ไปรายบุคคลเหมือนเช่นเคย อาจจะตั้งต้นที่รายชื่อ การไม่มีโซบอสไลที่ติดโทษแบนทำให้มีที่ว่างเพิ่มจากเกมล่าสุด การหายไปของเคียซ่า ทำให้ แม็คคอนเนลล์ และแดนน์สมีชื่อเข้ามาอยู่ในโผ แต่ทั้งสองคนไม่ได้ลงเป็นตัวสำรองในเกมนี้เช่นกันกับเคลเลเฮอร์ และนูนเญซ
แต่ที่เหลืออาร์เน่อใช้ตัวผู้เล่นครบ
อลีสซง เบ็คเกอร์ทำผลงานได้ดี การโวยเพื่อนในช่วงปลายเกมแสดงให้เห็นว่าเขาอยากจะได้คลีนชีตแค่ไหน แผงหลัง 4 ตัวจริง ร็อบโบ้มีทำให้เสียวช่วงต้นเกมหนึ่งครั้ง แต่วันนี้ไม่ถูกลงโทษ และเขาประสานงานกับคักโปได้ดีขึ้นเรื่อยๆ
ฟาน ไดค์ยังเป็นผู้นำในแนวรับ เป็นคนที่ขาดไม่ได้ในเกมนี้ โกเมซพยายามขึ้นไปเล่นลูกเตะมุม และเกมรับก็ดี แต่ต้องโทษกรรมการที่กลายเป็นทำให้ลิเวอร์พูลเสียเปรียบไป 2 จังหวะ และต้องลุ้นว่าการบาดเจ็บจะทำให้เขาต้องพักนานแค่ไหน
ควอนซาห์ที่ลงมาเล่นเกินครึ่งเกมทำได้ดีมาก หวังว่าเขาจะกลับมานิ่ง และน่าจะต้องพึ่งพาเขาในหลายเกมข้างหน้า จนกว่าโกนาเต้จะกลับมาพร้อม จริงๆ ควอนซาห์ไม่ได้พลาดเรื่องการเข้าบอล แต่ที่ผ่านมามักจะเสียสมาธิในเรื่องการจ่ายบอลมากกว่า
หวังว่าโอกาสในครั้งนี้จะไม่สูญเปล่า
เทรนต์เล่นด้านขวาได้ดีเหมือนเคย อยู่ในช่วงที่ฟอร์มดี และมีโชคกับประตูที่สี่ แต่เกมนี้หลายๆ จังหวะอาจจะช้าไปหน่อยถ้าเทียบกับเกมก่อนหน้านี้
แดนกลางสมบูรณ์แบบมาก กราเฟนแบร์คเล่นได้อย่างสดชื่น และแม็ค อัลลิสเตอร์ท็อปฟอร์มมากที่สุดในแดนกลางตอนนี้ ขณะที่โจนส์เล่นได้อย่างมีพลัง สร้างสรรค์ และเหมือนตัวจริงคนที่ 12 จนไม่รู้สึกว่าขาดโซโบเลย สถานะทั้งคู่พอๆ กันด้วยซ้ำ
คักโปเริ่มได้รับการจับตามองมากขึ้นเรื่อยๆ ไม่มีใครมองข้ามความดีงามของเขาอีกแล้ว การเลือกจังหวะเล่นอย่างแม่ยยำ และมั่นใจ ขณะที่ดิอาซเป้นนักเตะที่ผมว่ากองหลังคนไหนก็ไม่อยากจะรับมือ ประตูของดิอาซก็สำคัญมากๆ ในเกมนี้
อย่างไรก็ตาม สุดยอดอีกครั้ง และอีกครั้งคงไม่พูดถึงเลยไม่ได้คือโม ซาลาห์ ที่ทำ 2 แอสซิสต์กับ 1 ประตู แม้อาจจะบอกได้ว่าเขาน่าจะยิงได้มากกว่านี้ เพราะจริงๆ เกมนี้แอบใช้โอกาสเปลืองไปนิดหน่อย แต่ถ้าเล่นได้ขนาดนี้ก็ให้ 10/10 ได้ เพราะทุกจังหวะที่เขาได้บอลอันตรายหมด
แทบไม่เห็นวาน บิสซาก้าจะหยุดยั้งอะไรเขาได้ เขายังปั้นเพื่อนร่วมทีม พยายามจ่ายจนบางทีอาจจะมากไปด้วยซ้ำ จังหวะเลี้ยงดึงกองหลังก่อนจ่ายให้โชต้ายิงปิดท้ายดูจะสมบูรณ์แบบที่สุด แต่ประตูที่เขายิงได้ก็ดูง่ายและเฉียบแหลม
จังหวะที่นำมาซึ่งแอสซิสต์แรกก็เป็นการอ่านเกมชัดเจนว่าตัวเองล้ำหน้าเลยไม่เล่นบอลแรก มันดูสมบูรณ์แบบไปหมดสำหรับซาลาห์ในชั่วโมงนี้
ซาลาห์สร้างสถิติไปเรื่อยๆ เขาแอสซิสต์ติด 10 อันแรกตลอดกาลของพรีเมียร์ลีก ยิงเกิน 20 ประตูให้ลิเวอร์พูล 8 ฤดูกาลติดต่อกันเท่ากับเอียน รัช และถ้ามีสัญญาฉบับต่อไปโอกาสทำลายสถิติด้วยตัวเอง การมีส่วนร่วมก็สูง สมบูรณ์แบบไปหมด
3 จาก 5 ประตูในเกมนี้เขามีส่วนร่วมแบบชัดเจน อย่างไรก็ตามสัญญาณที่ดีจนทำให้นึกถึงยุค 3 ประสานก่อนหน้านี้อย่างมาเน่, ฟีร์มิโน่ และซาลาห์ คือครึ่งแรก 3 กองหน้าเราทำประตูได้หมด แถมโชต้าก็มาทำเพิ่ม มันเหมือนกับตอนนั้นที่เรามีโอริกีลงมายิงซ้ำได้อีกในบางเกม
สถิติมากมายเข้าไปดูหน้าเพจลิเวอร์พูลหลายๆ เพจมีให้อ่านหลากหลายเหลือเกิน แต่สุดท้ายต้องพูดถึงอาร์เน่อ อย่างน้อยเขาเห็นอนาคตในเกมต่อไป
การเปลี่ยนนักเตะที่มี 4 ใบเหลืองอยู่เพื่อป้องกันจะพลาดเกมถัดไปจากใบเหลืองที่ 5 ที่จะนับถึงเกมที่ 19 (หลังจากนั้นจะไปนับต่อที่ใบที่ 10 แต่จะเป็น 2 เกม) โดยเฉพาะคนสำคัญอย่างกราเฟนแบร์ค นานแล้วที่เราไม่เห็นเอ็นโดได้เล่นนานขนาดนี้!
เกมขาดไปแล้ว เขาให้โอกาส โชต้า, ซิมิกาส และเอลเลียตต์ ได้เรียกจังหวะ ได้ใช้โควตาสำรองครบ ตอนนี้ลิเวอร์พูลพัดได้เต้มที่ก่อนเกมถัดไปในวันที่ 5 มกราคม
ปกติเราจะเห็นอาร์เน่อต้องแก้เกม จนบางทีก็คิดว่าทำไมไม่ทำให้ดีตั้งแต่แรก หรือในทางกลับกันคือถ้ามันดีมากๆ ตั้งแต่ครึ่งแรกจะเป็นอย่างไร?
เกมนี้ก็เป็นตัวอย่างให้เห็นว่าอาร์เน่อทำทีมแบบนั้นได้เช่นกัน และเขาก็ไม่ได้แก้เกมให้ทีมแย่ลงในครึ่งหลัง ไม่เสี่ยง แต่ก็อาศัยโอกาสเข้าทำที่มีหาจังหวะทำประตูเพิ่ม ไม่ได้กลัวจะถูกไล่ตามจนเกินไป
ก่อนจะลงเล่นนัดหน้า อาร์เซนอลจะลงเล่นอีก 2 เกม, เชลซีอีก 2 เกม ลิเวอร์พูลไม่ต้องหวั่นอะไรในการดูผลการแข่งขันคู่อื่นๆ มีแต่กำไรเท่านั้น และค่อยลงเล่นหลังสุดกับแมนฯ ยูไนเต็ดที่แอนฟิลด์ (แมนฯ ยูไนเต็ดต้องเจอนิวคาสเซิลก่อนอีกเกม)
หวังว่าโกเมซจะไม่ต้องพักนาน นอกเหนือจากนั้นจะมีอะไรสมบูรณ์แบบไปกว่านี้ ใครจะหวังในวันเริ่มต้นฤดูกาลว่าเราจะขึ้นปีใหม่ในจุดที่เราอยู่ในเวลานี้
การซื้อขาย การต่อสัญญาอาจจะยังไม่ถูกใจ แต่ก็ยังไม่จบ และที่สำคัญที่สุดตอนนี้พวกเขาเลือกเฮดโค้ชมาถูกคนแน่ๆ
ถ้าบอกว่าซาลาห์อยู่ในช่วงที่ดีที่สุด ต้องให้เครดิตชล็อตที่ทำให้โมเปล่งประกายออกมาได้ขนาดนี้เช่นกัน
หรือใครว่าไม่จริง?
จินตะปัญญา
โฆษณา