Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
twilights 12 /2 .1
•
ติดตาม
30 ธ.ค. 2024 เวลา 07:23 • วิทยาศาสตร์ & เทคโนโลยี
นิบิรุ the planet at 12
(Anunnuki ,Nibiru ,the planet number 12 ) / ผู้มาจากดวงดาวที่สิบสอง (1)
ดาวนิบิรุ สูญพันธุ์แล้ว ????
มีตำนานในอดีตเขาเล่าไว้ดั่งนี้ว่า
สุริยะจักรวาลเรามีช่วงที่เกิดภาวะแม่เหล็กระหว่างดวงดาวเกิดไม่สมดุลขึ้นมา
เป็นอันตรายต่อการดับสูญของจักรวาล จึงได้มีเหตุการณ์ประหลาดเกิดขึ้น คือมี
ดาวหางพุ่งมาจากจักรวาลหนึ่งเป็นดาวหางที่มีบริวารเป็นดาวจันทร์จำนวนหนึ่ง(5ดวง?) มีแหล่งกำเนิดแม่เหล็กในตัวเอง
พุ่งเข้ามาในสุริยะจักรวาล และถูกดวงอาทิตย์ของสุริยะจักรวาลจับไว้เป็นบริวารตั้งแต่นั้นมา
การเข้ามาครั้งแรก ก็ชนกับดาวโลก ทำให้โลก แหว่งเหมือนแอปเปิ้ลโดนกัด และแรงระเบิดทำให้เกิด asteriod belt
เศษดาวกระจายเป็นวงแหวนกั้นแบ่ง
สุริยะจักรวาลเป็น ชั้นนอกและชั้นใน การชนกันครั้งนี้ทำให้สุริยะจักรวารสงบและเกิด
สมดุลย์แรงสนามแม่เหล็กจักรวาลไปได้ระดับหนึ่ง ส่วน นิบิรุ หรือดาวแดง
ก็กลายเป็น ดาวหางบริวารของสุริยะจักรวาลต่อไป วงโคจรประมาณ 3600 ปี ควงรอบ
จักรวาล คือ สุริยะจักรวาลหนึ่ง และอีกจักรวาลหนึ่งไม่สามรถจำชื่อได้ และการมาถึงของ
นิบิรุก็จะมีผลกับสุริยจักรวาลคือ ทำให้แรงสนามแม่เหล็กระหว่างดวงดาว ปั่นป่วนไประยะหนึ่ง
เมื่อกาลครั้งหนึ่งในอดีตประมาณ 500,000 ปีล่วงมาแล้ว โลกของเราหรืออีกนามหนึ่ง เทียมัตเป็นสถานที่ที่ต่างจากปัจจุบันอย่างสิ้นเชิง ชื่อเทียมัตนี้เป็นชื่อดั้งเดิม ส่วนคำว่าโลกหรือไกอาเป็นชื่อที่เพิ่งใช้เมื่อเร็วๆ นี้ วงโคจรของมันอยู่ห่างจากดวงอาทิตย์คือ ณ ตำแหน่งระหว่างดาวอังคารกับดาวพฤหัสบดี ส่วนดาวอังคารนั้นจะโคจรรอบดวงอาทิตย์ในระยะที่ใกล้กว่าปัจจุบันนี้ซึ่งทำให้ดาวอังคารเหมาะที่จะใช้อยู่อาศัย
ได้เพราะมีอุณหภูมิพอเหมาะและมีน้ำในรูปของของเหลว ข้อมูลเหล่านี้ได้รับการยืนยันจากทางนาซาและนักวิทยาศาสตร์ ยกเว้นก็แต่เรื่องวงโคจรที่แตกต่างจากปัจจุบัน ทั้งนี้เพราะกลุ่มนักวิทยาศาสตร์โดยทั่วไปไม่ยอมรับเรื่องการวิวัฒนาการโดยสิ่งกระตุ้น
วงโคจรของดาวนิบิรุ ยังคงปริศนาสำหรับนักดาราศาสตร์ปัจจุบัน
ในช่วงนั้นเทียมัตอยู่ใกล้กับดาวซิริอุส (หรือโซทิสตามที่ชาวอียิปต์โบราณเรียกขาน) ระบบสุริยะและระบบดาวซิริอุสนั้นมีความเกี่ยวโยงกันทางด้านแรงโน้มถ่วงซึ่งข้อเท็จจริงเรื่องนี้เริ่มได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางในแวดวงวิทยาศาสตร์ ระบบซิริแอนนี้จะโคจรรอบดาวฤกษ์อคลีออนในกระจุกดาวลูกไก่ (พีลอาดีส) หรือที่จะเรียกขานว่าเขตพีลอาดีส พื้นที่หรือที่จะเรียกขานว่าเขตพีลอาดีส พื้นที่อันกว้างใหญ่นี้จะโคจรรอบศูนย์กลางกาแลกซี่ในทิศทางของกลุ่มดาวคนยิงธนู (Sagittarius) ในรอบระยะประมาณ 200 ล้านปี และรอบการโคจรของระบบ
ชาวอนันนากิ จากดวงดาวที่สิบสอง
เหล่าชาวภิภพแห่งเทียมัตนี้สืบเชื้อสายมาจากบรรพบุรุษจากพีลอาดีสซึ่งข้อเท็จจริงนี้สามารถยืนยันได้จากตำนานและนิทานปรัมปราของหลายชนชาติ เช่นชาวมายาและชาวโพลีนิเชีย แต่ในที่นี้จะขอเว้นที่กล่าวถึงจุดกำเนิดของชาวพีลอาดีสบนเทียมัตไว้ก่อนของระบบซิริแอนและเขตพีลอาดีสจะมาบรจจบอยู่ในแนวเดียวกับศูนย์กลางกาแลกซี่
กล่าวถึงเรื่องประวัติของนิบิรุ และ เทียมัต โลกของเราในช่วงนั้นมีสภาวะอากาศที่หนาวเย็นกว่าปัจจุบัน
ประชากรมนุษย์ในยุคนั้นตามที่นักโบราณคดีเรียกคือมนุษย์นีแอนเดอทัลจะมีขนดกหนาและสันทัด ล่ำสันกว่าพวกเราในปัจจุบัน พวกเขาล้วนอาศัยอยู่ในโพรงถ้ำเพื่ออาศัยประโยชน์จากความอบอุ่นจากพื้นภิภพ เหล่าชาวภิภพแห่งเทียมัตนี้สืบเชื้อสายมาจากบรรพบุรุษจากพีลอาดีสซึ่งข้อเท็จจริงนี้สามารถยืนยันได้จากตำนานและนิทานปรัมปราของหลายชนชาติ เช่นชาวมายาและชาวโพลีนิเชีย แต่ในที่นี้จะขอเว้นที่กล่าวถึงจุดกำเนิดของชาวพีลอาดีสบนเทียมัตไว้ก่อน
เมื่อ 500,000 ปีก่อนระบบสุริยะนั้นมีเสถียรภาพแต่เนื่องด้วยเหตุเหนือความคาดหมาย ดาวเคราะห์ขนาดใหญ่ดวงหนึ่งในระบบดาวซิริแอนได้เกิดพลัดออกนอกแนวทางโคจรและมุ่งเข้าสู่ระบบสุริยะ ซึ่งดาวเคราะห์นี้ได้ถูกจับไว้เป็นบริวารของระบบสุริยะโดยที่มีวงโคจรที่รีคล้ายวงโคจรของดาวหางซึ่งมีคาบการโคจรหนึ่งรอบในเวลา 3,600 ปี และมีระยะห่างจากดวงอาทิตย์ที่สุดในบริเวณกลุ่มเฆมออร์ด โดยที่คาดกันว่าดาวเคราะห์ดวงนี้มีขนาดประมาณดาวเนปจูน ประชากรบนดาวนี้จะมีลักษณะคล้ายสัตว์เลื้อยคลานที่ปกครองโดยชนชั้นปกครอง
ที่เรียกว่า “เนฟิลิม”
ข้อมูลเพิ่มเติมสามารถหาอ่านได้จากพระคริสต์ธรรมคำภีร์) ประชาชนทั่วไปจะเป็นที่รู้จักกันในนาม “อนูนากิ” (Anunaki ตามที่เรียกขานโดยชาวสุเมเรียน) หรือ”อนาคิม” (ในพระคัมภีร์เก่า) ในช่วงนั้นผู้ปกครองสูงสุดคือจักรพรรดิ์ อลาลู และจักรพรรดินี ลิลิตู
ภายหลังที่ถูกจับเป็นบริวารโดยดวงอาทิตย์ดาวเคราะห์นิบิรุได้เริ่มประสบกับภาวะสภาพอากาศที่ไม่เหมาะกับการอยู่อาศัย สภาผู้ปกครองทั้งสิบสองนำโดยจักรพรรดิ์อลาลูได้มีการประชุมฉุกเฉินและได้สรุปถึงวิธีป้องกันเพื่อความอยู่รอดของดาวเคราะห์โดยการสร้างโล่ห์ความร้อนที่ทำขึ้นมาจากทองเพื่อปกป้องชั้นบรรยากาศจากการสูญเสียความร้อนซึ่งจะเป็นผลร้ายต่อสิ่งมีชีวิตแบบสัตว์เลื้อยคลานที่ต้องขึ้นกับแหล่งความร้อนภายนอกเพื่อให้ความอบอุ่นแก่ร่างกาย
ครั้งหนึ่งอันแสนเนิ่นนานมาแล้วในช่วงที่นิบิรุโคจรรอบดวงอาทิตย์มีอยู่ครั้งหนึ่งประมาณราวๆ 26,000 ปีของเทียมัตนิบิรุได้โคจรเฉียดเข้าใกล้เทียมัตมากจนก่ออันตรายร้ายแรง หนึ่งในดวงจันทร์บริวารได้พุ่งชนเข้ากับเทียมัตทำให้เกิดมหาสมุทรแปซิฟิค และได้ทำให้ทวีปเลอมูเกิดการเปลี่ยนแปลง
ในตอนแรก เหล่านักวิทยาศาสตร์ของชาวนิบิรุ ได้มีความพยายามที่จะคิดค้นสสาร เพื่อที่จะมาอุดรูโหว่ของชั้นบรรยากาศด้วยเทคโนโลยีนาโน แต่ไม่สามารถที่จะกระทำได้สำเร็จ ประชากรบนดาวนิบิรุ ก็เริ่มที่จะก่อการประท้วง กษัตริย์อลาลู ถูกญาติห่างๆ ที่ชื่อว่า อานู พยามจะก่อการกบฏและลอบปลงพระชนม์ แต่พระองค์ได้ทรงหลบหนีออกมาก่อน แต่เพียงลำพัง โดยยานขับส่วนตัวที่ชื่อ อิลิเซียส อันเป็นยานที่ติดขีปนาวุธร้ายแรง ทรงประสิทธิภาพ
เมื่อพระองค์ได้เดินทางมาถึงเทียมมัส อลาลูก็ได้ซ่อนยานอิลิเซียสไว้ เขาร่อนอิลิเซียสมาลงบริเวณคูเวต ณ ปัจจุบัน แล้วเดินเท้าเข้ามา ยังบริเวณที่เรียกว่า สวนอีเดนของเมโสโปเตเมีย ก็คือ บริเวณที่เป็นประเทศอิรัก คูเวตในปัจจุบัน
โดยความช่วยเหลือของชาวเทียมมัต พระองค์ก็ได้ทรงค้นพบแหล่งแร่ทองคำบริสุทธิ์มากมายที่ใต้แกนโลก มากเกินพอที่จะทำให้นิบิรุ รอดพ้นจากภัยพิบัติที่กำลังประสบอยู่ด้วยซ้ำ
พระองค์ทรงแจ้งข่าวอันเป็นมงคลนี้กลับไปยังพระญาติอย่างไม่ช้า คือ อานู ที่ดาวนิบิรุ แต่เขากลับยื่นขอเสนอ
ขอที่จะดูแลเหมืองทองที่เทียมมัตนี้เอง อานูทรงเดินทางจากนิบิรุ พร้อมด้วยพระราชินีนิมมูเซง ลูกชายคนโตเอนกิ และคนรอง ที่ชื่อเอนริ และลูกสาวคนสุดท้องคือ เนกูซัค เกิดสงครามเล็กๆขึ้นบนโลก คิงอลาลู เป็นฝ่ายพ่ายแพ้ พระองค์ทรงขึ้นอิลิเซียสหนีกลับไปยังดาวบ้านเกิด
คงทิ้งท่าอากาศยานที่เมโสโปเตเมียไว้ให้อานูไว้ใช้งานอย่างสบาย ท่าอากาศยานแห่งนี้ พระองค์ทรงสร้างขึ้นเอง เมื่อมายังเทียมมัตใหม่ๆ
การสร้างโล่ห์กักความร้อนได้สำเร็จลงอย่างง่ายดาย แต่ก็ต้องใช้การดูแลรักษาอย่างใกล้ชิดเช่นกัน จึงเป็นเหตุที่ต้องมีชาวอนูนากิประจำอยู่บนเทียมัตเพื่อทำหน้าที่ขุดทองและส่งทองกลับไปยังนิบิรุอย่างสม่ำเสมอ
ชาวพื้นเมืองจะเรียกพวกนี้ว่า ชาวอนันนูกิ
ลักษณะของประชากรนิบิรุจะมีความสูงในราว 10 – 20 ฟุต (3 – 6 เมตร) มีผมดกหลายสี แต่ขนตามตัวจะมีน้อยมากเพศผู้จะมีหนวดเคราบ้าง และส่วนมากจะมีเขาคล้ายเขาแพะบนศีรษะ ส่วนเพศหญิงส่วนมากจะมีปีก พวกเขาจะไม่มีเหงื่อและไม่มีกลิ่นตัว ซึ่งนี่เอง เป็นเหตุผลที่พวกเขาไม่ได้ให้ชาวพื้นเมืองเทียมัตทำหน้าที่ขุดทองหรืออยู่ใกล้กับพวกเขาเพราะพวกเขารู้สึกว่าพวกชนพื้นเมืองนี้มีกลิ่นตัวแรง ชาวนิบิรุมีนิ้วมือนิ้วเท้าข้างละเจ็ดนิ้ว
คิงอานู พระราชินีนิมมูเซง เนกูซัค เอนกิ เอนริล ราชวงศ์สุเมเรียน
อาหารของพวกเขามักจะเป็นอาหารเหลว และนิยมแต่งตัวด้วยเครื่องแต่งตัวที่ทำมาจากแผ่นทอง เมื่อเวลาผ่านไปคนงานชาวเหมือง คือชาวอิกิกีส ซึ่งพวกนิบิรุจับมาเป็นเชลยหลังจากทำสงครามชนะพวกนี้ได้ พวกอิกิกีส์เริ่มกระด้างกระเดื่อง ทนการกดขี่ข่มเหงของพวก นิบิรุไม่ไหว จึง ได้นำไปสู่การปฏิวัติและปฏิเสธการทำเหมือง องค์จักรพรรดิ์อนู จึงได้ปรึกษากับราชินิมมูเซง ซึ่งราชินีนี้ได้ดำรงตำแหน่งหัวหน้าเจ้าหน้าที่การแพทย์และพันธุศาสตร์ จักรพรรดิ์ได้ขอร้องให้ราชินีสร้างสิ่งมีชีวิตลูกผสมระหว่างชาวนิบิรุ
กับชาวเทียมัตเพื่อทำหน้าที่เป็นแรงงานในเหมืองทอง องค์ราชินีได้ทรงรับหน้าที่ด้วยความรู้สึกท้าท้ายและในที่สุดก็ได้เป็นสิ่งมีชีวิตลูกผสมเพศชายจากไข่ของหญิงเทียมัติกับเชื้ออสุจิของเจ้าชายเอนกิ ราชินีเรียกลูกผสมนี้ว่า “อดามู/ อดัม” ในเบื้องต้นลูกผสมนี้มีแต่เพศชายทั้งสิ้น เพื่อหวังว่าที่จะเอาไปใช้เป็นแรงงานในการขุดทองนั่นเองโดยที่ชาวนิบิรุเพศหญิงจำนวนหนึ่งทำหน้าที่อุ้มท้อง และเป็นที่เรียกขานผู้ที่ทำหน้าที่เหล่านี้ว่า “เทพีแห่งการเกิด”
*บ้างก็ว่า ชาวนิบิรุ เป็นผู้สร้างเมืองเมโสโปเตเมียเอง
ตั้งแต่สมัยยุคน้ำแข็ง ที่ยังไม่ค้นพบมนุษย์สักราย นอกจากช้างแมมมอธ เสือคาบดาบ และเหล่าวานร บริเวณลุ่มแม่น้ำ ไทกริส ยูเฟรติส และบ้างก็ว่า ชาวนิบิรุเองเป็นผู้ปล่อย ชาวเมโสโปเตเมียจากอวกาศ ลงมายังดินแดนที่เป็นบริเวณประเทศอิรักเอง และก็เพื่อให้มาตั้งรกราก สร้างบ้านแปลงเมืองขึ้น ณ ที่แห่งนี้
ผู้เขียน มองว่า ทั้งสองมันคล้ายๆเพียงการอุปมาอุปไมย ยัง ไม่มีความชัดเจนแน่นอนนัก
แต่ก็อาจสรุปได้ง่ายๆ อย่างรวบรัดว่า อาณาจักรนี้มีชาวอนันนูกิเค้ามาดูแล สั่งสอนวิทยาการต่างให้อยู่ เช่น แท้บเลตดินเหนียว ที่เรียกว่า แผ่นคูนิฟอร์ม ซิกกูแรต เลขคณิต เรขาคณิต ล้อ เบียร์ กรมชลประทาน เลื่อย รองเท้าแตะ รถศึก และฉมวก เป็นต้น
และทุกอย่างก็ดำเนินไปด้วยดี นิบิรุมีทอง ชาวอนูนากิเป็นอิสระจากการทำเหมือง ส่วนลูกผสมจำลองก็ได้รับการผลิตเพื่อให้เป็นแรงงานเหมืองที่ดีเลิศ แต่แล้วก็เกิดเหตุการณ์ดังที่เคยเกิดในอดีต บรรดาเทพีแห่งการเกิดเริ่มรู้สึกเหลือทนกับการต้องการอุ้มท้องพวกอดามู
ครั้งนี้จักรพรรดิ์อนูรับสั่งให้ราชินีเข้าเฝ้าและหลังจากนั้นก็ได้ข้อสรุปว่าให้สร้างลูกผสมที่เป็นเพศหญิง (อีวา/อีฟ) เพื่อให้ทั้งสองเพศได้ผสมพันธุ์กันเองในธรรมชาติ ซึ่งแน่นอนว่าน่าจะเป็นสิ่งที่ง่ายดาย
ปรากฏว่าเพศทั้งสองนั้นเป็นหมันเนื่องจากว่าทั้งสองเพศเป็นลูกผสม ดังนั้นจักรพรรดิ์จึงได้มีกระแสรับสั่งให้เลิกกระบวนการที่ทำให้สิ่งมีชีวิตนี้เป็นลูกผสม ครั้งนี้ราชนีนิมมูเซงได้ขอให้เจ้าชายเอนกิดำเนินการแทน เจ้าชายจึงให้ทั้งอดัมและอีฟกินสารบางอย่างเพื่อกลับกระบวนการที่ทำกับสิ่งมีชีวิต โดยหวังให้สิ่งมีชีวิตนี้มีลักษณะลูกผสมน้อยลง สิ่งมีชีวิตทั้งคู่ได้ลอกคราบผิวหนังชั้นนอกที่มีลักษณะของสัตว์เลื้อยคลานและเริ่มต้นจับคู่ผสมพันธุ์ แต่แล้วพระองค์ก็ได้ทรงทราบว่าสิ่งที่ทำไปเป็นความผิดพลาดอย่างร้ายแรง
เพราะกระบวนการนี้ทำให้ไม่สามารถควบคุมสิ่งมีชีวิตนี้ได้ จักรพรรดิ์อนูจึงได้สั่งห้ามอดัมและอีฟเข้าไปในสวนอีเดนตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
นีแอนเดอร์ทาล (ชื่อวิทยาศาสตร์: Homo neanderthalensis) คือมนุษย์ยุคก่อนประวัติศาสตร์ชนิดหนึ่ง ปัจจุบันนี้ได้สูญพันธุ์ไปหมดแล้ว โดยจัดอยู่ในสกุลเดียวกับมนุษย์ยุคปัจจุบัน คือ Homo ...
ด้วยเหตุนี้มนุษย์โครมันยองได้ถือกำเนิดขึ้นเมื่อประมาณ 20,000 ปีก่อน ส่วนมนุษย์นีแอนเดอทัลก็ได้ค่อยๆ ล้มตายลงไปโดยที่ไม่อาจหยุดยั้งได้อันเนื่องมาจากอากาศที่อบอุ่นขึ้นเนื่องจากโลกอยู่ใกล้ดวงอาทิตย์มากขึ้น และในที่สุดเมื่อประมาณ 10,000 ปีมนุษย์นีแอนเดอทัลก็ได้สูญพันธุ์จนหมดสิ้นเหลือแต่เพียงมนุษย์โคมันยองที่ครอบครองเทียมัต
***มนุษย์โครมันญง เป็นมนุษย์ยุคแรกๆ ของ โฮโมเซเปียนส์ มนุษย์ยุคก่อนประวัติศาสตร์กลุ่มนี้ถูกค้นพบครั้งแรกในถ้ำแห่งหนึ่งทางตะวันตกเฉียงใต้ของ ฝรั่งเศส นอกเมืองเลซีส์- (คือ อักษร N ของนิบิรุ มาก่อน อักษร C ที่หมายถึง ศาสนาคริสต์ นั่นเอง)
ในหนังสือเรื่องแผนร้ายสายรุ้ง (The Rainbow Conspiracy) แบรด สไตเกอร์ได้เขียนถึงโครงการทดลองฟิลาเดเฟียที่ซึ่งประธานาธิบดี แฟรงกลิน ดีลาโน รูสเวลล์ ได้พบกับมนุษย์ต่างดาวที่มีลักษณะเหมือนมนุษย์ในปีช่วงประมาณปี พ.ศ. 2473 – พ.ศ. 2483 พวกมนุษย์ต่างดาวนี้จะมีผิวกายสีเขียว และเพื่อที่จะให้ไม่เป็นที่สังเกตพวกเขาใช้สารฟอกสีเพื่อทำให้สีกายของพวกเขามีสีอ่อนลง อย่างไรก็ดีดูเหมือนจะมีความสอดคล้องกันของรูปวาดเก่าแก่ถึงพระเจ้าในอินเดียที่พระเจ้าที่มีลักษณะเหมือนมนุษย์ มีผิวกายในสีโทนน้ำเงิน
**สัญลักษณ์ทางการแพทย์ในปัจจุบันที่ใช้กันทั่วโลก ณ ขณะนี้ เป็นงูสองตัวเกาะเกึ่ยวกันบนคทา ภายใต้ปีกนก
ซึ่งหากสังเกตให้ดีพวกกิ่งก่า ตะกวด และจิ้งเหลนจะมีสีผิวในทำนองนี้ ที่มีผิวอ่อนนุ่ม ละเอียดเหมือนไหม นอกจากนี้ข่าวที่มีการรายงานทางโทรทัศน์ยังชี้ว่าคณะแพทย์ที่พยายามจะรักษาผู้ป่วยโดยการหาทางรักษาบาดแผลทางผิวหนังของผู้ป่วยพบว่าผิวหนังของงูนี้คล้ายคลึงกับของมนุษย์มาก ที่จริงแล้วผิวหนังที่ใช้ในการรักษาบาดแผลวิธีนี้เป็นหนังงูเลยทีเดียว ซึ่งนี่แสดงให้เห็นถึงความเกี่ยวข้องกันของมนุษย์และสัตว์เลื้อยคลาน และกระบวนการย้อนกลับของการทำพันธุวิศวกรรมมนุษย์
ซึ่งกระบวนการย้อนกลับของอดัมกับอีฟ
ทำให้สิ่ง
ทิ้งที่สละทิ้งกลับรวมเป็นรูปใหม่กลายเป็นงู และอาจจะอนุมานได้ว่าชาวนิบิรุก็อาจจะมีความสามารถในการเปลี่ยนสีผิวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมได้เช่นเดียวกับสัตว์เลื้อยคลานจำพวกกิ้งก่า หรือจิ้งเหลน โปรดศึกษางานเขียนของ อาร์ เอ บัวเลย์ (R.A. Boulay) ในหนังสือเรื่องเล่าของงูและมังกรบิน (Flying Serpents and Dragons)
ว่ากันว่า ในปัจจุบันพวกอนันนูกิ ก็ได้กลายมาเป็นพวกเรปทีเลียน และได้ไปหลบซ่อนตัวอยู่แถวๆอเมริกา มีอิทธิพลอย่างมาก โดยเฉพาะในรัฐสภาและวงการการเมือง พวกนี้พยายามจะชักจูงและควบคุมพลโลกอยู่
หลังเงียบๆ สงครามสำคัญๆ หลายครั้งในประวัติศาสตร์ ล้วนแล้วแต่มีพวกนี้อยู่เบื้องหลังทั้งสิ้น
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
อ้างอิง มาจาก
https://youtu.be/ujIZuoX5S6s?si=78pTy41oH_WcxCCR
ผู้เขียน(คือ twilight 12/2.1) พิจารณาแล้วว่า เขาพยายามจะโยงเข้ากับเรื่องในไบเบิล ซึ่งดูเป็นประวัติศาสตร์และวิชาการมาก
และ ที่มา ดาวนิบิรุ เรื่องจริงหรือตำนาน - 2012 วันสิ้นโลก - Naruto Board ,Naruto,แฟนพันธ์แท้นารูโตะ,Spoiler Naruto,Chapter Naruto - Powered by Discu
รวมเรื่อง Crop circles |
Truth4Thai.org
จาก เวบพลังจิต ชื่อนามแฝงว่า k.kawn
https://www.youtube.com/watch?v=Mkn7rJniVFY&list=PLQoREcodVFXx7hUVTwj9WlBXvFJTY6hWO&index=6
ผู้ดูแล กาแล็คซี่และจักรวาล แชนแนล ตอน ภาคต่อ ของปฐมกาล
** สัญลักษณ์ทางการแพทย์ที่ใช้กันในปัจจุบันนี้ ดั่งที่เห็นในภาพข้างบน เรียกว่า คทาแห่งเทพเฮอร์มิส (และมีนักโบราณคดีหลายรายเรียกมันว่า เอกิ ด้วย ) ซึ่งไม่ใช่เทพแห่งการแพทย์ที่แท้จริง ของแท้จริงนั้น ต้องมีงูเพียงตัวเดียว ชื่อว่า ปฏักแห่งแอสเคลเพียส (Rod of Asclepias) ส่วนคทาของเฮอร์มิสนั้น อเมริกาเพิ่งเอามาปรับเปลี่ยนใช้กันตั้งแต่ในสมัยคริสต์ศตวรรษที่16 เป็นการเปลี่ยนจากลัทธิเทวะนิยมมาสู่อเทวะนิยม.
ผู้เขียน เห็นว่ามีความเชื่อมโยงกันระหว่างเทพสภาทั้งสิบสองของภูเขาโอลิมปัสในเทพปกรณัมกรีกกับ
เทพของชาวสุเมเรียนด้วย พวกเขาไปรู้เรื่องราวของชนชาติกรีกที่อยู่ทางฝั่งยุโรปได้เช่นใด เป็นไปมิได้เลย กับการคมนาคมที่ยากลำบากยิ่งในสมัยโบราณ แต่ว่าชาวอเมริกันน่ะเองที่เป็นฝ่ายรู้ดี แม้ว่าจะเป็นการเปลี่ยนจากเทวะนิยมมาสู่อเทวะนิยมแล้วก็ตาม
รึว่าบางที สิบสองเทพโอลิมปัสกับเทพนิบิรุของสุเมเรียน ก็คือสิ่งๆเดียวกัน????
*** ผู้เขียน (คือ twilight 12/2.1) สงสัยเป็นการส่วนตัวว่า เหตุใด เราจึงไม่ค้นพบมนุษย์โครมัญญองที่ได้ชื่อว่า เป็นโฮโมสายพันธุ์แรกของโลก ในแถบอิรัค หรือว่า คูเวต เป็นครั้งแรกที่ๆมีการทดลองทางพันธุวิศวกรรม ณ ที่นี่ ที่นิบิรุลงมาครั้งแรกๆ น่าจะเกี่ยวกับ ศาสนาคริสต์ นี่เอง คงมีการพยามให้การค้นพบนี้ มาอยู่ทางฝั่งยุโรป ที่คริสต์เริ่มกระจายตัวหนาแน่นแล้ว ในช่วงปีพ.ศ.2411 มากกว่า ที่จะให้ไปค้นพบทางฝั่งเอเชีย
วิทยาศาสตร์
วิทยาศาสตร์น่ารู้
วิทยาการ
1 บันทึก
2
1
2
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย