Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
Krungsri Asset Management
ยืนยันแล้ว
•
ติดตาม
30 ธ.ค. 2024 เวลา 10:05 • หุ้น & เศรษฐกิจ
สรุปภาวะตลาดประจำสัปดาห์ที่ 23 – 27 ธ.ค. 2567
ภาพรวม
●
ดัชนีหุ้นสหรัฐฯ เคลื่อนไหวเล็กน้อย (Sideway) ปิดสัปดาห์เป็นบวกทุกดัชนี ทั้งนี้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ 10 ปี (US 10Y Bond Yield) ที่ปรับขึ้นส่งผลให้ตลาดผันผวนในบางช่วง
●
น้ำมันดิบปรับขึ้น หนุนโดยมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของจีนและสต็อกน้ำมันสหรัฐฯลดลง
●
หุ้นญี่ปุ่นพุ่ง หนุนจากค่าเงินเยนที่อ่อนค่า หลังธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) คงอัตราดอกเบี้ยต่อ
●
เกาหลีใต้ถอดถอนประธานาธิบดีรักษาการ กดดันให้เงินวอนอ่อนค่าและตลาดหุ้นดัชนี KOSPI ปรับตัวลง
●
หุ้นจีนบวก หลังออกประกาศมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม
●
รัฐบาลไทยไฟเขียวแจกเงิน 10,000 บาท เฟส 2 และอนุมัติลดหย่อนภาษี Easy E-Receipt
สถานการณ์ตลาด
●
สัปดาห์ที่ผ่านมาตลาดหุ้นสหรัฐ ฯ ค่อนข้างเคลื่อนไหวเล็กน้อย (Sideway) เนื่องจากไม่ได้มีปัจจัยใหม่ๆ และเป็นช่วงวันหยุด ปริมาณการซื้อขายค่อนข้างเบาบาง อย่างไรก็ตามตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดสัปดาห์เป็นบวกทุกดัชนี โดยดัชนี Dow Jones +0.4%, S&P 500 +0.7% และ NASDAQ +0.8% ทั้งนี้การที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ 10 ปี (US 10Y Bond Yield) ปรับขึ้นสู่ระดับ 4.63% ส่งผลให้ตลาดหุ้นมีความผันผวนในบางช่วง
●
ราคาน้ำมันดิบ WTI ปรับตัว +1.6% และ Brent +1.2% เมื่อเทียบกับสัปดาห์ก่อน โดยได้แรงหนุนจากความคาดหวังเกี่ยวกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของจีน และรายงานปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ ที่ปรับตัวลดลง
●
ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ปรับตัวบวกได้ประมาณ 4% โดยได้แรงหนุนจากค่าเงินเยนที่อ่อนค่า หลังจากธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายในสัปดาห์ก่อนหน้า และส่งสัญญาณว่าอาจคงอัตราดอกเบี้ยต่อไป จนกว่าจะมีการเจรจาค่าจ้างในเดือน มี.ค.
●
รัฐบาลญี่ปุ่นได้อนุมัติร่างงบประมาณประจำปีที่เริ่มต้นในเดือน เม.ย. มูลค่าสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 115.5 ล้านล้านเยน (ประมาณ 730,000 ล้านดอลลาร์) เพิ่มขึ้น 2.6% จากงบประมาณในปีปัจจุบัน ขณะเดียวกัน มีการออกพันธบัตรรัฐบาลใหม่ในระดับต่ำสุดในรอบ 17 ปี เนื่องจากมีรายได้จากการจัดเก็บภาษีจำนวนมาก โดยการออกพันธบัตรใหม่ลดลงเหลือ 28.6 ล้านล้านเยน อย่างไรก็ตามแผนงบประมาณนี้ ต้องพึ่งพาการสนับสนุนจากพรรคฝ่ายค้านหลังรัฐบาลผสมของนายกรัฐมนตรี อิชิบะ สูญเสียเสียงข้างมากในการเลือกตั้งเมื่อเดือน ต.ค. ที่ผ่านมา
●
รัฐสภาเกาหลีใต้ ลงมติถอดถอนประธานาธิบดีรักษาการ ฮัน ด็อก ซู เมื่อวันศุกร์ที่ 27 ธ.ค. เนื่องจากมีความล่าช้าในการแต่งตั้งตุลาการศาลรัฐธรรมนูญจำนวน 3 ท่าน ซึ่งจำเป็นสำหรับการพิจารณาคดีของประธานาธิบดียุน ซอก ยอล
●
การถอดถอนประธานาธิบดีรักษาการในครั้งนี้ นับว่าเป็นการปลดผู้นำประเทศเป็นคนที่ 2 ในเดือน ธ.ค. หลังมีการประกาศใช้กฎอัยการศึกชั่วคราว เมื่อวันที่ 3 ธ.ค. ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจเกาหลีใต้ ค่าเงินวอนอ่อนค่าลง 0.4% ขณะที่ตลาดหุ้นดัชนี KOSPI ปรับตัวลดลง 1.02% เมื่อวันศุกร์ที่ 27 ธ.ค.ที่ผ่านมา
●
ตลาดหุ้นจีนบวกได้ประมาณ 1-2% หลังจีนออกประกาศมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม โดยจะออกพันธบัตรพิเศษมูลค่า 3 ล้านล้านหยวน (ประมาณ 411,000 ล้านดอลลาร์) ในปี 2568 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ เทียบเท่ากับ 2.4% ของ GDP ปี 2566
●
เงินที่ได้จากการออกพันธบัตรพิเศษดังกล่าว จะถูกนำไปสนับสนุนการบริโภคผ่านโครงการแลกเปลี่ยนสินค้าอุปโภคบริโภค รวมไปถึงอุปกรณ์ธุรกิจ และนำเงินไปใช้ในโครงการก่อสร้าง โครงสร้างพื้นฐาน และใช้ในพื้นที่เกษตรกรรม
●
ทางการจีน ได้ออกมาบอกว่าจะเพิ่มและเร่งสนับสนุนทางการคลัง เพื่อกระตุ้นการบริโภคในปี 2568 โดยจะปรับเพิ่มเงินบำนาญและเงินอุดหนุนประกันสุขภาพสำหรับประชาชน นอกจากนี้จะมีการขยายการลงทุนที่มีประสิทธิภาพ ดึงดูดการลงทุนมากขึ้น ผ่านการลงทุนของรัฐบาล การใช้จ่ายการคลังจะมุ่งเน้นการเสริมสร้างศักยภาพด้านนวัตกรรมทางเทคโนโลยี สนับสนุนการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีหลักที่สำคัญ และส่งเสริมการยกระดับอุตสาหกรรม
●
ตลาดหุ้นไทย ดัชนี SET ปรับตัว +36.39 จุด หรือ +2.7% ปิดที่ระดับ 1,401 จุด โดยได้แรงหนุนจากการเข้าซื้อกองทุนลดหย่อนภาษี และแรงซื้อของนักลงทุนต่างชาติที่กลับเข้ามา โดยหุ้นกลุ่มท่องเที่ยว +4.8%, กลุ่ม ICT +4.5% และกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ +3.8%
●
ตัวเลขการส่งออกของไทยในเดือน พ.ย. ขยายตัว 8.2% ต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 5 ขณะที่การนำเข้าขยายตัว 0.9% ทั้งนี้การส่งออกมีปัจจัยขับเคลื่อนสำคัญมาจากการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมที่ขยายตัว 9.5% โดยเฉพาะสินค้ากลุ่มเทคโนโลยี รวมไปถึงการส่งออกสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตร ที่ขยายตัว 5.7% ทั้งนี้ภาพรวม 11 เดือนแรก การส่งออกของไทยขยายตัวได้ 5.1% ส่วนการนำเข้าขยายตัวได้ 5.7%
●
มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจไทย สัปดาห์ที่แล้ว ครม. เห็นชอบให้มีโครงการแจกเงิน 10,000 บาท เฟส 2 ให้กับผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป ที่ไม่ได้รับในเฟสแรก จำนวน 4 ล้านคน วงเงิน 40,000 ล้านบาท และเห็นชอบโครงการ Easy E-Receipt สำหรับการลดหย่อนภาษีปี 2568 โดยต้องใช้จ่ายระหว่างวันที่ 15 ม.ค. - 28 ก.พ. 2568 ให้วงเงินไม่เกิน 50,000 บาท แบ่งเป็นการใช้จ่ายในร้านค้าทั่วไป 30,000 บาท และใช้จ่ายสำหรับสินค้า OTOP 20,000 บาท
นโยบายการลงทุนและคำเตือน
★
เอกสารฉบับนี้จัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือได้ ณ วันที่แสดงข้อมูล แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้องความน่าเชื่อถือ และ ความสมบูรณ์ของข้อมูลทั้งหมด โดยบริษัทฯขอสงวนสิทธิ์เปลี่ยนแปลงข้อมูลทั้งหมดโดยไม่จำเป็นต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า
★
ควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยง ก่อนตัดสินใจลงทุน | ผลการดำเนินงานในอดีตของกองทุนรวมมิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต
★
ผู้ลงทุนสามารถขอข้อมูลหนังสือชี้ชวนได้ที่สำนักงานของบริษัทจัดการ หรือจาก
www.krungsriasset.com
หรือตัวแทนสนับสนุนการขาย หรือเจ้าหน้าที่ขายหน่วยลงทุน
Website -
https://www.krungsriasset.com
Facebook -
https://www.facebook.com/krungsriasset.official
LINE -
https://lin.ee/e9u3LEL
YouTube -
https://www.youtube.com/c/KrungsriAssetManagement
Blockdit -
https://www.blockdit.com/krungsriasset.official
TikTok -
https://www.tiktok.com/@krungsriasset
X -
https://twitter.com/krungsriasset
#KrungsriAsset #กองทุนกรุงศรี #Weeklymarketview #สรุปภาวะตลาดรายสัปดาห์
หุ้น
ธุรกิจ
การลงทุน
1 บันทึก
3
2
1
3
2
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย