🎆 New Year New You สรุปอีกครั้งกับ Atomic Habits หนังสือที่เหมาะกับการเริ่มต้นนิสัยอะไรใหม่ ๆ
“If your habits don’t change, you won’t have a new year, you just have another year”
พอดีไถเฟสบุ้คไปเจอ quote อันนี้เข้าเลยนึกถึงหนังสือ “Atomic Habits” ของ James Clear ครับ หนังสือเล่มนี้ผมว่าเป็นหนังสือที่ดีที่สุดเล่มหนึ่งเลยในการนำไปใช้ปรับเปลี่ยนนิสัย ไม่ว่าจะเป็นการเริ่มต้นนิสัยที่ดี หรือเลิกนิสัยที่ไม่ดีครับ และเป็นเล่มที่ผมแนะนำทุกคนตลอด
ช่วงส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ทีไรก็จะเห็นคนมา recap เรื่องราวในปีที่ผ่านมา รวมถึงการตั้งเป้าหมายในปีใหม่ด้วยครับ เลยอยากสรุป Atomic Habits อีกรอบแบบสั้น ๆ ครับ
1. แค่เราพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้น 1 % ในแต่ละวัน เมื่อเวลาผ่านไปปีนึงเชื่อมั้ยครับว่าเราจะดีขึ้นถึง 37.78 เท่าเลยทีเดียว ในขณะเดียวกันถ้าเราแค่แย่ลงวันละแค่ 1% ผ่านไปหนึ่งปีคุณจะแย่ลงลดลงจนแทบเหลือศูนย์เลยครับคือเหลือแค่ 0.03
2. การจะเปลี่ยนแปลงอะไรสักอย่างให้มุ่งเน้นไปที่กระบวนการมากกว่าเป้าหมาย เพราะเป้าหมายที่ไม่มีกระบวนการที่ถูกต้อง ก็เป็นแค่เป้าหมายลอย ๆ กระบวนการจะทำให้เราสามารถทำได้อย่างต่อเนื่องและยั่งยืน
3. การจะเปลี่ยนนิสัยอะไรสักอย่างต้องเริ่มจากความคิดในการเปลี่ยนความเป็นตัวตน หรือ identity ของเราให้ได้ก่อน เช่น เราตั้งเป้าอยากออกกำลังกายมากขึ้น แต่ตัวเราไม่ได้อยากเป็นคนที่หุ่นดี สุขภาพดีนั้น เราก็จะฝืนทำได้ไม่นานแล้วก็เลิกไป แต่หากตัวตนเราคือคนที่เน้นเรื่องสุขภาพและจะมีหุ่นที่ดี เราจะทำมันอย่างสม่ำเสมอได้เอง
4. การสร้างนิสัยใด ๆ มี 4 ขั้นตอนคือ cue (สิ่งกระตุ้น), craving (ความอยาก), response (การตอบสนอง) และ reward (การได้รางวัล) ซึ่งหากเกิด 4 อย่างนี้ซ้ำ ๆ นิสัยก็จะเกิด
5. หนังสือเล่มนี้ให้หลักการโคตรเทพ 4 อย่างในการสร้างนิสัยที่นำไปทำได้จริง คือ make it obvious, make it attractive, make it easy และ make it satisfying
6. Make it obvious คือทำให้เห็นชัด (หรือสร้าง cue นั่นเอง) อยากฝึกนิสัยอะไร เอาสิ่งนั้นมาวางให้เราเห็นง่าย ๆ เห็นตลอดเวลา ถ้าอยากฝึกอ่านหนังสือ เราต้องซื้อหนังสือมาวางไว้เยอะ ๆ เต็มบ้านก่อน 😂😂😂
7. Make it attractive คือทำให้ดึงดูด น่าสนใจ เป็นการกระตุ้นให้เกิดความอยาก เช่น การนำพฤติกรรมที่อยากทำ ไปผูกกับสิ่งที่อยากทำเป็นการให้รางวัลตัวเอง
8. เทคนิคการทำ habit stacking คือ การจับคู่สิ่งที่เราจะทำกับสิ่งที่เราทำอยู่แล้วในชีวิตประจำวันเพื่อให้มันชัดเจน เช่น หลังจากอาบน้ำแปรงฟันแล้วเราจะอ่านหนังสือ หรือ หลังจากอ่านหนังสือจบ 10 หน้า เราจะได้ดูซีรี่ย์เกาหลี
9. Make it easy คือทำให้มันง่ายที่สุด ซึ่งก็คือทำเล็ก ๆ ก่อน เช่น อยากฝึกวิ่ง ก็เริ่มจากเดินหรือวิ่งน้อย ๆ ก่อนให้ชินแล้วค่อยปรับระยะหรือเวลาให้นานขึ้น เพื่อลด friction หรือแรงต้าน (ความขี้เกียจนั่นเอง) ธรรมชาติมนุษย์เรานั้นเป็นไปตามหลัก The Law of Least Effort
10. เทคนิค Two-minute rule หากอยากเริ่มทำอะไรใหม่ ๆ ให้ทำสิ่งนั้น ๆ แค่ 2 นาทีก่อนก็พอ เดี๋ยวที่เหลือจะตามมาเอง ไม่เชื่อลองดูครับ
11. การทำให้เป็นอัตโนมัติก็ช่วยให้ง่ายเช่นกัน หลายคนออมเงินโดยการตัดบัญชีอัตโนมัติ
12. Make it satisfying ก็คือการให้รางวัลกับตัวเองนั่นเอง แต่ต้องเป็น immediate reward ที่ได้เลย เพราะรางวัลหรือผลลัพธ์จากการทำนิสัยอะไรบางอย่างนั้นใช้เวลานานกว่าจะเห็นผลลัพธ์ที่ดี
13. การ tracking ต่าง ๆ เพื่อดู progress หรือการโพสแชร์ในโซเชี่ยลมีเดียแล้วมีคนมากดไลค์ก็ถือเป็น immediate reward ที่ได้ผลเลยครับ
14. การเลิกนิสัยที่ไม่ดีก็ใช้หลักการเดียวกับการสร้างนิสัยที่ดีแต่ให้ทำตรงกันข้ามกันให้หมดครับ คือ ทำให้มองเห็นได้ยาก ทำให้ไม่น่าสนใจ ทำให้ยาก และทำให้เราได้รับการลงโทษหรือ immediate pain ในรูปแบบอื่น
15. อุปสรรคสำคัญในการสร้างนิสัยที่ดีคือความเบื่อที่เราต้องทำอะไรซ้ำ ๆ แต่ยังไม่เห็นผลลัพธ์ที่ดี หากเราสามารถทำได้ เราก็มีโอกาสเป็นคนที่ประสบความสำเร็จได้ครับ 🙂
ส่งท้ายปี 2024 และต้อนรับปีใหม่จริง ๆ ของเรา ที่ไม่ใช่แค่อีกปีที่จะผ่านไป ขอให้ทุกคนมีความสุข ประสบความสำเร็จใน "ปีใหม่" ได้ตามที่หวังและตั้งเป้าไว้ครับ
- 14
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
