1 ม.ค. เวลา 02:40 • ภาพยนตร์ & ซีรีส์

Wrapped 2024’s favorite movies ✨🎞️

ใกล้สิ้นปีแล้ว ก็ขอมา Wrap up หนังโปรดของข้าพเจ้าปี 2024 กันหน่อย✨ สำหรับใครหยุดยาวอยากหาหนังดูซักเรื่อง แต่ไม่รู้จะดูอะไร ลองมาดูลิสต์ของเราได้
ที่จริงเราเป็นคนชอบดูหนังที่ปีนี้อาจจะไม่ได้ดูเยอะมากนัก แต่สิ่งนี้ก็ยังเป็นความสุขของเรา ผ่านไปแต่ละปี แนวหนังที่ชอบก็มีทั้งแนวนี้ตลอดไป และแนวที่เปิดใจชอบมากขึ้นด้วย ก็มาดูซิว่าปีนี้หนังเรื่องไหนมาแรง และสุดแสนประทับใจสำหรับเรา กับ 8 เรื่องที่คัดมาแล้ว ใครชอบเรื่องไหนในลิสต์เราบ้าง ไม่แน่เราอาจจะเป็นพวกเดียวกัน ฮ่า!
1. Dune: Part Two (2024)
ต้องให้เค้าละนะ ขอยกให้เป็นสุดยอดหนังแห่งปีสำหรับเราเลย ยิ่งกับประสบการณ์โรง IMAX ครั้งแรกแล้ว เป็นเรื่องที่รู้สึกคุ้มเงินค่าตั๋วสุดๆ กับซีนตอนเปิดเรื่องยังติดตา รู้สึกถึงความอ้าปากค้างแบบ โอ้ววว และฉากพี่พอล อะเทรดีสยืนผ้าโบกสะบัดพร้อมไปบวก ร่วมกับสกอร์เพลงสุดกระหึ่มของ Hans Zimmer แล้ว นี่มันหนังไซไฟแห่งปีจริงๆ! เนื้อเรื่องเข้มข้นแบบศาสนา การเมือง อะไรมาให้หมด เอาให้คิดตามจนดูจบแล้วยังต้องมานั่ง Discuss กันต่ออีก
นี่ก็อวยจนเหมือนแม่ยกลีซาน อัลไกอีบ
แต่ยังไงชั้นก็รอ Part III อยู่ดี และมันก็ต้องเป็น IMAX เท่านั้น!
2. Carry-On (2024)
หรือปีนี้จะชอบหนังแอคชั่นระทึกขวัญ กับเรื่องที่สองหนัง Original Netflix มาแรงส่งท้ายเทศกาลคริสมาส มีคนป้ายยาเยอะ แล้วมันดันสนุกจริง! จนเข้าลิสต์หนังโปรดของปีนี้เลย ด้วยความปูเรื่องมาค่อนข้างสมเหตุสมผล และนักแสดงที่แสดงดีมาก (Taron Egerton) พ่อเรายังบอกว่า เค้าแสดงเป็นคนที่ขาดความมั่นใจได้เข้าถึงบทบาท จนเราอินลุ้นไปด้วย เพราะเรารู้ว่าคนนี้มันมีกึ๋นบางอย่าง เค้าต้องจัดการผู้ร้ายได้สิ แต่มันจะไปเวย์ไหน ดูแล้วมีลุ้น ยิ่งดูกันทั้งบ้านยิ่งสนุกกันเข้าไปใหญ่
ด้วยความหนังมัน Festive เข้าธีมปีใหม่สุดๆ ดูแล้วอย่างอิน เหมาะเลยที่จะดูส่งท้ายปีนี้
3. Bad Boys: Ride or Die (2024)
บอกเลยเรื่องนี้ม้ามืดสุดๆ ไปดูแบบไม่ได้ดูเรื่องย่อ หรือเป็นแฟนพันธุ์แท้ของแฟรนไชร์นี้ด้วยซ้ำ แต่กลับกลายเป็นสนุกชิบหาย!
ด้วยความคิดถึงหนังสุดยอดคู่หู คู่กัด ยิ่งแนวแอคชั่นคอมเมดี้นี่มันเราอยู่แล้ว (เราผู้เติบโตมาพร้อมกับ Rush hour) ไม่ได้มีแนวนี้มาให้ดูนานมาก ในที่สุดก็ได้เวลากลับมาของคู่หูในตำนาน บวกกับการคืนจอให้หายคิดถึงของ Will Smith ด้วย และที่สำคัญคือความฮาของคนเขียนบทนี่แหละ ชั้นผู้ซึ่งไม่เคยดูภาคก่อนเลยยังประทับใจไม่หาย ไปดูแบบไม่คาดหวัง แต่ดันสนุกมาก!
และซีนโปรดก็คงหนีไม่พ้น ‘ไอ่เข้ มันเหยียดผิว’ กับ ‘นี่มันลูกเขยชั้น’ ฮ่า
4. Gladiator II (2024)
มันไม่ได้จริงๆ เรื่องนี้ต้องมาอยู่แล้ว ตอนเห็นตัวอย่างในโรงภาพยนต์คือชั้นต้องมาดูให้ได้ ไอ้เรามันก็โตมากับหนังเรื่องนี้ อีกแล้วคับ (หนังภาคต่อทิ้งห่างเป็นสิบปีมาหลายเรื่องเลยปีนี้) ถึงแม้เนื้อเรื่องการดึงอารมณ์อาจจะไม่ค่อยหวือหวามาก แต่ความประทับใจนี่อยู่ที่งานภาพ และนักแสดงล้วนๆ เลย ไม่ว่าจะนัดแสดงหน้าใหม่อย่าง Paul Mescal คนไอริชนี่หล่อนะ ฮ่า! ไหนจะ Pedro Pascal กับบทท่านนายพล และ Joseph Quinn ที่เล่นไปจักรพรรดิโรคจิตแบบชั้นจำแกไม่ได้เลย
ถือเป็นภาคต่อที่ภาพรวมก็ยังประทับใจ ถ้าอยากดูหนังฟีลโรมันโคลอสเซียมมันก็ต้องเป็น Gladiator อยู่แล้ว
5. The Fall Guy (2024)
ยังวนเวียนอยู่กับหนังแอคชั่น แต่แอคชั่นโรแมนติกเรื่องนี้ก็ต้องมาค่ะ The Fall guy หนังตีแผ่ชีวิตเหล่าสตั๊นท์แมนที่ได้ Ryan Gosling มาแสดงนำ ความมีสเน่ห์ของคนนี้มันทะลุจอออกมาเลยค่ะ และยังประกบด้วยนักแสดงคนสวยอย่าง Emily Blunt ปกติเคยเห็นแต่นางเล่นหนังดุๆ แบบ Edge of Tomorrow, A Quiet Place พอมาเจอเล่นโหมดผู้กำกับสาวโหมดอินเลิฟ แล้วตกหลุมรักเลย หนังทำสนุกมาก เนื้อเรื่องย่อยง่าย ฉากแอคชั่นก็ใส่สุดใส่เต็ม และพาร์ทโรแมนติกก็ทำออกมาได้น่ารักสุดๆ
น่ารักแค่ไหน มันต้องมีคนชอบฉากบรีฟบทของเอเลี่ยนบ้างแหละ บ้าเอ้ย ขรรมชิบหาย
6. Damsel (2024)
วนกลับมาที่หนัง Original Netflix อีกครั้ง แต่ยังวนเวียนหนังแอคชั่นไม่ไปไหน กับเรื่องที่เหมือนได้ Millie Bobby Brown แบกไว้ทั้งเรื่อง แล้วถามว่าชอบมั้ย ชอบบบ! หนังลุ้นเอาชีวิตรอดของหญิงสาวที่ถูกผู้ชายหลอกมาแต่งงาน แต่ที่จริงคือเอามาสังเวยให้มังกร ฉากโยนเจ้าสาวลงไปในรังมังกรนี่ยังรู้สึกเจ็บแค้นแทนนางเอกของเรื่องเลยอ่า แต่งเสร็จยังไม่ทันได้เดินออกจากงานเลยแม่ เล่นกูแล้วเหรอ
ความรู้สึกนี้ มันต้องได้ Millie Bobby Brown ผู้ที่ชั้นจะไม่มีวันยอมแพ้ให้แก ชั้นจะสู้ชีวิตไปให้ถึงที่สุด ซึ่งนางก็เล่นหนังแนวสู้ชีวิต แต่ชีวิตสู้กลับมาหลายเรื่องนะ ดังนั้นเรื่องนี้คือไอ้ผู้ชายที่โยนชั้นลงมาต้องได้เห็นดีกัน อารมณ์ความอินคนดูคือได้นักแสดงเล่นออกมาให้หมดและ ต้องขอยอมรับฝีมือการแสดงเลย เรื่องนี้จึงเข้าลิสต์สนุกสุดประทับใจของปีไปเลย
7. A Quiet Place: Day One (2024)
ออกตัวก่อนว่าไม่ชอบหนังแนวสยองขวัญ ระทึกขวัญแบบเลื่อยยนต์ เหยียบตะปู เลือดสาดเลยซักนิด! เพราะฉะนั้น A Quiet Place นี่ไม่เคยจะอยู่ในลิสต์การดูของเราเลย จนหนังออกโรงแล้วได้มีโอกาสดูทีหลัง เพราะว่าน้องชั้นมันดันชอบแฟรนไชร์นี้มาก
เตรียมตัวมากลัวเลยโดยเฉพาะ แต่กลายเป็นว่าหนังสนุกกว่าที่คาด มันมีความลุ้นแบบหายใจลำบาก แต่พอรับได้ ความสนุกยังคงเป็นโลกที่เต็มไปด้วยเสียง กลายมาเป็นโลกที่ไร้เสียงได้อย่างไร และถ้าเป็นเราจะยังเอาชีวิตรอดได้เหมือนตัวละครมั้ย (แน่นอนว่า ไม่น่าเหลือ)
โดยภาคนี้ไม่แหวะเท่าภาคก่อน ทำให้ลุ้นหายใจติดขัดยังไง ก็ยังอยากดูต่อให้จบ แล้วเรื่องมันซึ้งด้วยนะ ความแข็งแกร่งมาในรูปแบบผู้หญิงคนหนึ่ง (รับบทโดย Lupita Nyong’o) ที่นอกจากต้องสู้กับโลกที่ล่มสลายแล้ว เค้ายังต่อสู้กับโรคที่รุมเร้าจะเอาชีวิตเค้าด้วย นี่ซึ้งมากๆ เลยอ่ะ และยังทำให้ได้รู้จักนักแสดง Joseph Quinn ซึ่งแสดงดีมาก จนเรากลายมาเป็น Fc คนนี้ไปแบบไม่รู้ตัวเลย
และฉากที่ชอบที่สุดของเรา ต้องเป็นฉากจบ ยังตราตรึงในใจ ผู้หญิงคนนี้เค้าเท่ห์จริงๆ
ประทับใจขนาดนี้ ถามว่าจะชวนคนไปดูหนังแนวนี้อีกหรือไม่ เอาตรงๆ เลยคือไม่ใช่คนแรกที่ชวนแน่นอนจ้า ฮ่า! แต่ต้องขอบคุณคนคะยั้นคะยอพาเราดูนะ ไม่งั้นถ้ามัวแต่ไม่ใช่หนังแนวตัวเอง ก็น่าจะพลาดหนังดีๆ เรื่องหนึ่งไปเลย
8. Inside Out 2 (2024)
เรื่องสุดท้ายอนิเมชั่นต้องมาซักหน่อย เชื่อหรือยังว่าปีนี้มันเป็นปีแห่งหนังภาคต่อที่ทิ้งห่างทีเป็น 10 ปีจริงๆ เพราะภาพยนต์อนิเมชั่นเรื่องนี้เราก็โตมาด้วยกันอีกแล้วจ้า ยังจำภาพความประทับใจตอนภาคแรกได้ เป็นอนิเมชั่นที่เหมือนจะไม่มีอะไร แต่ที่จริงคือแฝงแง่คิดไว้เพียบ ดูแล้วมีซึ้งเลย มาต่อกันที่ภาคสองยิ่งอินเข้าไปอีก เพราะตัวเอกของเรื่อง Riley ก็ได้เติบโตขึ้น เหมือนกับเราคนดูที่ก็เติบโตขึ้นเช่นกัน
จึงทำให้เป็นเรื่องที่ประทับใจเหมือนเดิม ชอบการนำเสนอให้เราไม่ต้องไปทำเป็นลืมสิ่งที่ผิดพลาด หรือเกลียดชังเรื่องราวนั้น เพราะทุกสิ่งที่เกิดขึ้นกับเรามันก็จะประกอบขึ้นมาเป็นตัวเราทุกวันนี้
และอีกอารมณ์หนึ่งที่ชอบมากคือไอ้ตัวว้าวุ่นนี่แหละ เป็นอารมณ์ที่มีมากขึ้นเมื่อเราโต แล้วพอไปดูเบื้องหลังการทำงานอย่างหนักของมันนะ รู้และว่าทำไมกลางคืนชั้นถึงนอนไม่หลับ ฮ่า! โอ้โหคิดมาแต่ละอย่างมีแต่เหตุการณ์ที่เราอาจจะหน้าแหกเพราะที่เรื่องไม่เคยทำได้ แต่ถึงอย่างนั้นนี่ก็เป็นอารมณ์ที่สำคัญทำให้เรารู้จักเตรียมตัวให้พร้อมด้วย แต่มันต้องเอาให้พอดี เพราะฉะนั้นทุกวันนี้ที่หัวเริ่มคิดนั่นนี่ก็จะพอรู้ทันว่า ไอ้ตัวว้าวุ่นกำลังทำงานอีกแล้ว
ก็จบไปแล้วกับ 8 เรื่องที่ชอบและอยากแนะนำต่อกับทุกๆ คน อาจจะมีเรื่องใดเรื่องหนึ่งถูกใจคุณก็ได้ ถัดจากนี้ไป เราก็มาเริ่มการผจญภัยในปี 2025 ไปด้วยกัน มีเรื่องว้าวุ่นใจแค่ไหน เราก็จะผ่านมันไปได้ขอแค่ได้มีโอกาสดูหนังดีๆ ซักเรื่องก่อนแล้วกัน
ปล. นี่มันเป็นเพจหนังสือด้วยซ้ำจริงๆ แล้ว ฮ่า! ทุกคนรอแปปหนังสือโปรดของข้าพเจ้าปี 2024 ต้องมาแน่นอน
โฆษณา