1 ม.ค. เวลา 18:16 • หนังสือ

“เมื่อสัญชาตญาณไม่ใช่เรื่องเหนือธรรมชาติ แต่มันคือทักษะที่เราฝึกฝนได้”

หลายคนมองว่าสัญชาตญาณเป็นพรสวรรค์ที่ติดตัวมาแต่กำเนิด บางคนถึงขั้นเชื่อว่าสัญชาตญาณเป็นเรื่องลึกลับหรือพลังพิเศษที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ แต่ความจริงแล้ว งานวิจัยและหนังสือ “Thinking, Fast and Slow” ของ Daniel Kahneman ชี้ให้เห็นว่าสัญชาตญาณไม่ใช่เรื่องเหนือธรรมชาติ แต่มันคือ ผลลัพธ์ของการฝึกฝนและประสบการณ์ที่สั่งสมมานาน
สัญชาตญาณคืออะไรในมุมมองของ Kahneman?
ในหนังสือของเขา Kahneman อธิบายว่าสัญชาตญาณเกิดจาก ระบบความคิดที่ 1 (System 1) ซึ่งเป็นระบบคิดที่รวดเร็ว อัตโนมัติ และไม่ต้องใช้ความพยายาม แต่การที่สัญชาตญาณจะทำงานได้อย่างแม่นยำนั้นขึ้นอยู่กับเงื่อนไขสำคัญสองอย่าง:
1. สภาพแวดล้อมที่มีรูปแบบชัดเจน
เช่น การตัดสินใจของนักหมากรุกมืออาชีพที่แม้จะดูเหมือน “ใช้สัญชาตญาณ” แต่จริง ๆ แล้วเกิดจากการจดจำรูปแบบที่เคยเผชิญมานับพันครั้ง
2. การสั่งสมประสบการณ์และการฝึกฝน
นักดับเพลิงที่รู้สึกถึง “อันตราย” ก่อนจะเกิดเพลิงไหม้จริง ๆ ไม่ได้เกิดจากพลังวิเศษ แต่มาจากการเผชิญสถานการณ์ซ้ำ ๆ จนระบบความคิด 1 จดจำสัญญาณเล็ก ๆ น้อย ๆ และตัดสินใจได้รวดเร็ว
สัญชาตญาณที่ผิดพลาด
แม้สัญชาตญาณจะช่วยให้เราตัดสินใจได้เร็ว แต่ก็มีจุดอ่อนที่ทำให้เกิดข้อผิดพลาดได้ง่าย โดยเฉพาะในสถานการณ์ที่สภาพแวดล้อมไม่มีรูปแบบชัดเจน หรือเราไม่มีประสบการณ์มากพอ เช่น
• การตัดสินใจตามอคติ (Bias):
เช่น การเชื่อว่าหมายเลขที่ยังไม่เคยออกในลอตเตอรี่มีโอกาสสูงที่จะออกในรอบถัดไป ทั้งที่ความจริงโอกาสของทุกหมายเลขเท่ากัน
• การใช้ “gut feeling” ในสถานการณ์ที่ซับซ้อน:
เช่น การตัดสินใจลงทุนในหุ้นโดยไม่มีข้อมูลเพียงพอ
สัญชาตญาณฝึกได้อย่างไร?
หากสัญชาตญาณไม่ได้เกิดจากเวทมนตร์ แต่เป็นผลของการเรียนรู้และประสบการณ์ นั่นหมายความว่าเราทุกคนสามารถพัฒนาสัญชาตญาณให้แม่นยำขึ้นได้
1. สะสมประสบการณ์ในสภาพแวดล้อมที่ชัดเจน:
เช่น หากคุณอยากมีสัญชาตญาณที่ดีในการตัดสินใจเรื่องงาน ลองตั้งใจศึกษาและฝึกฝนในสาขาของตัวเองจนเข้าใจรูปแบบต่าง ๆ อย่างลึกซึ้ง
2. ฝึกการคิดอย่างมีแบบแผน:
ก่อนจะใช้สัญชาตญาณ ลองพิจารณาข้อมูลอย่างรอบคอบด้วยระบบความคิดที่ 2 (System 2) เพื่อหลีกเลี่ยงข้อผิดพลาดจากอคติ
3. เปิดรับคำวิจารณ์:
การเรียนรู้จากความผิดพลาดและฟีดแบ็กจะช่วยปรับปรุงการตัดสินใจในอนาคต
4. ฝึกการสังเกตและจดจำ:
เช่น นักกีฬาระดับโลกใช้เวลาหลายปีในการฝึกฝนจนสามารถ “อ่านเกม” ได้ทันที นั่นคือผลลัพธ์ของการสั่งสมประสบการณ์และการสังเกตรายละเอียดที่คนทั่วไปอาจมองไม่เห็น
สัญชาตญาณไม่ใช่พลังลึกลับที่มีแค่บางคนเท่านั้นที่ได้มา แต่มันคือ เครื่องมือที่เราทุกคนพัฒนาได้ ผ่านการฝึกฝนและประสบการณ์ การเข้าใจว่ามันทำงานอย่างไร และข้อจำกัดที่อาจเกิดขึ้น จะช่วยให้เราใช้สัญชาตญาณได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
“สัญชาตญาณที่ดี ไม่ใช่พรจากฟ้า แต่เป็นทักษะที่เราเรียนรู้และฝึกฝนได้ทุกวัน”
ดังนั้น ครั้งหน้าที่คุณรู้สึกว่า “ฉันเชื่อสัญชาตญาณของตัวเอง” อย่าลืมถามตัวเองว่า คุณฝึกฝนมันมามากพอหรือยัง?
โฆษณา