3 ม.ค. เวลา 08:28 • ประวัติศาสตร์

เมื่อศพของ “ชาร์ลี แชปลิน (Charlie Chaplin)” ถูกขโมยไปเรียกค่าไถ่

“ชาร์ลี แชปลิน (Charlie Chaplin)” คือนักแสดงชาวอังกฤษระดับตำนาน และเป็นตำนานบทหนึ่งในยุคภาพยนตร์เงียบของฮอลลีวู้ด
เชื่อว่าหลายคนน่าจะรู้จัก หรืออย่างน้อย ก็ต้องเคยได้ยินชื่อของเขา และตัวผมก็เคยเขียนเรื่องราวของเขาเป็นซีรีส์แล้ว
แต่สำหรับบทความนี้ ผมจะเล่าถึงเรื่องราวหลังจากที่เขาเสียชีวิต และความวุ่นวายต่างๆ ที่ตามมาถึงแม้ว่าเขาจะจากโลกไปแล้วก็ตาม
ชาร์ลี แชปลิน (Charlie Chaplin)
ตัวของแชปลินนั้นเสียชีวิตในวันคริสต์มาส ค.ศ.1977 (พ.ศ.2520) ที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ และศพของแชปลินก็ถูกฝังที่สวิตเซอร์แลนด์
หากแต่เมื่อเวลาผ่านไปเพียงไม่นาน วันที่ 1 มีนาคม ค.ศ.1978 (พ.ศ.2521) ก็ปรากฎว่าสุสานของแชปลินนั้นถูกขุด และศพของแชปลินก็ได้หายไป
ครอบครัวของแชปลินก็ไม่รอช้า รีบแจ้งทางการให้ดำเนินการสืบสวนและหาศพของแชปลินทันที
ในเวลาต่อมา “อูนา แชปลิน (Oona Chaplin)” ภรรยาของแชปลิน ก็ได้รับโทรศัพท์ข่มขู่พร้อมกับเรียกค่าไถ่ศพของแชปลินเป็นจำนวนเงินถึง 600,000 ดอลลาร์ หรือประมาณ 2.9 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 100 ล้านบาท) ตามค่าเงินปัจจุบัน ซึ่งอูนาก็ปฏิเสธที่จะจ่ายค่าไถ่ โดยกล่าวว่าหากสามีของเธอยังอยู่ เขาก็คงคิดว่านี่เป็นเรื่องที่บ้าบอเหมือนกัน
1
ทางด้านตำรวจก็ไม่นิ่งนอนใจ ได้ทำการสืบสวนอย่างเข้มข้น โดยในระหว่างวันที่ 2 มีนาคม-6 พฤษภาคม ค.ศ.1978 (พ.ศ.2521) อูนา แชปลินได้รับโทรศัพท์ที่อ้างว่าเป็นคนร้ายถึง 27 สาย ซึ่งก็ทำให้การสอบสวนยากเข้าไปอีก เนื่องจากตำรวจก็ต้องมาแยกว่าใครเป็นคนร้ายตัวจริง ใครเป็นแค่พวกสวมรอย
ด้วยความสับสนนี้ ทำให้คนร้ายตัวจริงต้องถ่ายรูปหลุมศพที่ถูกขุดขึ้นมาและส่งมาให้ดูเพื่อเป็นการพิสูจน์
อูนา แชปลิน (Oona Chaplin)
ในที่สุด วันที่ 16 พฤษภาคม ค.ศ.1978 (พ.ศ.2521) ตำรวจก็สามารถจับกุมผู้อพยพชาวโปแลนด์ที่ชื่อ “โรมัน วอร์ดัส (Roman Wardas)” ได้ในขณะที่กำลังใช้โทรศัพท์สาธารณะ
การจับกุมวอร์ดัสนำไปสู่ผู้ต้องหาอีกคนหนึ่ง นั่นคือ “กันต์โช กาเนฟ (Gantscho Ganev)“ ผู้อพยพชาวบัลแกเรีย โดยทั้งคู่เป็นช่างซ่อมเครื่องจักรที่เพิ่งตกงาน และขโมยศพของแชปลินเพื่อหาเงินมาประทังชีวิต
ผู้ต้องหาทั้งคู่นำเจ้าหน้าที่ไปยังไร่ข้าวโพดซึ่งอยู่ไม่ไกลจากบ้านของแชปลิน ซึ่งเป็นที่ซึ่งทั้งคู่ฝังโลงศพของแชปลินไว้ หากแต่พอไปถึง ก็จำไม่ได้ว่าฝังไว้ตรงจุดไหน ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องใช้ที่ตรวจจับโลหะเพื่อหาจุดที่ฝังแชปลิน
ผู้ต้องหาทั้งสองขณะถูกจับกุม
ในที่สุด ร่างของแชปลินก็ได้กลับคืนสู่ที่เดิม และคราวนี้ มีการเทคอนกรีตปิดหลุมฝังศพเพื่อไม่ให้เหตุการณ์ซ้ำรอย ส่วนผู้ต้องหาทั้งคู่ก็ต้องเข้าเรือนจำ
หลังจากเหตุการณ์นี้จบลง ภรรยาของหนึ่งในผู้ต้องหาได้ส่งจดหมายหาอูนา ขอให้อูนายกโทษให้ โดยอูนาก็ได้ตอบอย่างมีเมตตาว่า
“ฟังนะ ฉันไม่มีอะไรโกรธเคืองคุณและอภัยให้ทุกอย่าง”
โฆษณา